- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 March 2016 17:58
- Hits: 505
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ตัวเลขส่งออกจีนแย่กดดันหุ้น
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อจากเมื่อวาน ด้วยความกังวลเศรษฐกิจโลกกลับมาอีก หลังตัวเลขการค้าของจีนทั้งส่งออกและนำเข้าอ่อนแอ ทำให้นักลงทุนต้องการลดความเสี่ยงด้วยการชะลอซื้อหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ นอกจากนี้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ก็กลับมาร่วงแรงต่อ แม้ว่าเราเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่กลับไปสู่ภาวะถดถอย แต่กระบวนการผ่านจุดต่ำสุดก่อนทะยานขึ้นคงต้องกินเวลาพอสมควรทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนในระยะสั้นถึงกลาง ภายในประเทศการที่ ธปท.จะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงอีก และสถานการณ์หนี้ครัวเรือนถือเป็นปัจจัยลบต่อหุ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : PTTGC (ราคาปิด 56.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 69.60 บาท)
เราปรับราคาเป้าหมายของ PTTGC เพิ่มขึ้นเป็น 69.60 บาท (จากเดิม 62.70 บาท) จากการปรับตัวคูณ EV/EBITDA กลับไปอยู่ที่ระดับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 7.2 เท่า (จากเดิมที่ใช้ค่าเฉลี่ย – 1.0 S.D. ซึ่งอยู่ที่ 6.5 เท่า) เพื่อสะท้อนถึงภาวะแวดล้อมที่ดีขั้นหลังจากเห็นความชัดเจนของการผ่านจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันดิบโลกไปแล้วและจะค่อยๆ ฟื้นตัวนับจากนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ผลิตปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบเช่น PTTGC กลับมามีความได้เปรียบอีกครั้ง ขณะที่เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิไว้เช่นเดิม โดยคาดจะยังเห็นการฟื้นตัวของกำไรสุทธิปีนี้ 23% YoY และเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าอีก 20% YoY แม้ว่าปัจจุบันจะมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พบว่า Spread ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ PTTGC เทียบต้นทุนแนฟทายังสามารถยืนตัวในระดับสูงกว่า 700 ดอลลาร์ฯ ต่อตันได้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ขั้นพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง
และวงจรขาขึ้นของปิโตรเคมีสายโอเลฟืนส์ ราคาหุ้นปัจจุบันยังน่าสนใจด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ราว 4.5-5.0% ต่อปี ในส่วนของ Price Pattern ของ PTTGC ยังคงมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal และหาก Price Pattern ของ PTTGC สามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 55.75 บาท ก็จะทำให้ Price Pattern ของ PTTGC กลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้มหลักจากแนวโน้มขาลง (Downtrend) ไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ทันที คาด Price Pattern ของ PTTGC จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายเบื้องต้นที่ 58.50 บาท ซึ่งหากสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 58.50 บาทได้อย่างมั่นคง คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 62.75 บาท และเป้าหมายสำคัญที่ 67.00 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ในรอบนี้อยู่ที่ 53.50 บาท (แนวต้าน: 57.50, 58.25, 60.00; แนวรับ: 56.00, 55.25, 53.50)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ธปท. จะปรับลดการอัตราการเติบโต ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสำหรับปีนี้เนื่องจากความเสี่ยงด้านลบที่มีมากขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีก่อน ในขณะที่นโยบายการเงินไม่สามารถช่วยลดความผันผวนในระยะสั้นได้อย่างเหมาะสม กล่าวโดย นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ทาง ธปท. ได้ปรับลดประมาณการเติบโตของจีดีพีลงเหลือ 3.5% จาก 3.7% และน่าว่าจะมีการพิจารณาปรับประมาณการอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 23 มี.ค. ซึ่งจะแถลงอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือนนี้ (Bangkok Post)
หนี้ครัวเรือนอาจพุ่งสูงในไตรมาส 4/59 นลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร HSBC คาดการณ์ว่าหนี้ครัวเรือนจะพุ่งสูงในไตรมาส 4/59 มาอยู่ที่ 83.5% ของจีดีพี ซึ่งเป็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่สูงจากการประเมินการบริโภคภาคเอกชนที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ น่าจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ในระดับที่สูงพอรองรับหนี้เสีย ในปีที่แล้ว ทาง ธปท. รายงานสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 81.1% ในไตรมาส 3/58 จาก 80.6% ในไตรมาส 2/58 (Bangkok Post)
ADVANC (175.50; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 199 บาท) อาจถูก กสทช. บังคับให้รักษาลูกค้า 2จี 8 ล้านคนบนคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์เอาไว้อีก 3 เดือนเพื่อให้การบริการไม่หยุดชะงักหลัง กสทช.มีมติเรียก ADVANC TRUE (7.5 บาท) และ บมจ.ทีโอทีมาพบ โดยตัวแทนสามฝ่ายจะประชุมกับ กสทช.เพื่อหาข้อยุติในวันนี้ โดย TRUE ได้เสนอให้ใช้คลื่นที่เคยเป็นของ ADVANC มาก่อนแต่จะต้องจ่ายค่าเช่า 450 ลบ.ต่อเดือน โดย TUC บริษัทลูกของ TRUE วางแผนจะชำระค่าใบอนุญาตงวดแรกศุกร์นี้ กสทช.จะให้ใบอนุญาตวันจันทร์ซึ่งจะทำให้ ADVANC ต้องย้ายลูกค้า 2 จีภายในเที่ยงคืนวันที่ 14 (Bangkok Post) ความเห็น: ADVANC ได้มีการเจรจากับ DTAC เพื่อใช้คลื่น 1800 ของ DTAC เพื่อบริการลูกค้า 2G ต่อแล้ว จึงไม่น่าได้รับผลกระทบมากนัก และมีตัวเลือกว่าจะใช้คลื่นของ TRUE หรือ DTAC ก็ได้ เรายังคงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 199 บาท ทั้งนี้ ค่าเช่าที่ TRUE เสนอสูงกว่าค่าใบอนุญาตหารเฉลี่ยเป็นรายเดือนอยู่ราว 6%
ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ภายใต้แรงกดดันหลังจากข้อมูลการค้าจีนที่อ่อนแอ จุดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกครั้งและก่อให้เกิดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอีกด้วย ราคาน้ำมันถอยกลับจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว (AWS)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นหลังจากข้อมูลการค้าจีนก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งเพิ่มความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ล่าสุดเพิ่มขึ้น 22/32 และให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.829% ลดลงจาก 1.904% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)
ข่าวดุลการค้าจีนที่ตกต่ำก่อให้เกิดความต้องการเงินเยนเมื่อวันอังคาร ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.8% อยู่ที่ 112.56 เยน หลังจากที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 112.41 เยน ส่วนเงินยูโรปรับตัวลง 0.8% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 123.92 เยน (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงเมื่อวันอังคาร เนื่องจากหุ้นในกลุ่มพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันและข้อมูลการค้าจีนที่อ่อนตัวก่อให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐลดลงกว่า 4% หลังการซื้อขาย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบวันตั้งแต่แตะจุดต่ำสุดของปีนี้เมื่อวันที่ 11 ก.พ. (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อวันอังคาร หลังจากข้อมูลการค้าจีนที่ลดลง ซึ่งจีนเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่สุดของโลกสร้างแรงกดดันต่อราคาโลหะอุตสาหกรรมและกลุ่มเหมืองแร่ (Reuters)
ผลผลิตอุตสาหกรรมเยอรมนีเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. มากสุดในรอบกว่า 6 ปี แสดงว่ากิจกรรมการผลิตของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรปเป็นไปด้วยดีในปี 2559 ถึงแม้ว่าความวุ่นวายในตลาดการเงินได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจก็ตาม (Reuters)
คาดการณ์ว่าอีซีบีจะเพิ่มจำนวนเงินสำหรับการซื้อสินทรัพย์รายเดือน และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในวันพฤหัสนี้ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยติดลบแล้วก็ตาม จากผลสำรวจของรอยเตอร์ที่ได้สอบถามเทรดเดอร์ซึ่งประกาศไปเมื่อวันจันทร์ (Reuters)
เอเชีย :
ข้อมูลการค้าจีนเดือน ก.พ. อ่อนแอมากกว่าที่ตลาดคาด โดยการส่งออกหดตัว 25.4% YoY มากที่สุดในรอบกว่า 6 ปี และมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่การนำเข้าหดตัวลง 13.8% YoY และลดลงเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน รวมแล้วยอดดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ 3.259 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ลดลงจาก 6.329 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในเดือน ม.ค. (Reuters)
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นเดือน ก.พ. ลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี โดยลดลง 2.4 จุดจากเดือน ม.ค. มาอยู่ที่ 40.1 จุด ซึ่งนับเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2556 (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบพุ่งกว่า 3% วันอังคาร ถอยร่นหลังจาก Brent บวกไป 6 วัน เพราะนักวิเคราะห์เคยคาดสต็อกน้ำมันสหรัฐแตะจุดสูงสุดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว Brent ปรับลง 1.19 ดอลลาร์หรือ -2.9% ปิดที่ 39.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะจุดสูงสุดปี 59 ที่ 41.48 ดอลลาร์ แม้ว่าจะลดลงแต่เทียบแล้วก็ยังบวกถึง 46% จากจุดต่ำสุดรอบ 12 ปี 27.10 ดอลลาร์ในวันที่ 20 ม.ค. น้ำมันดิบสหรัฐเพิ่ม 1.40 ดอลลาร์หรือ 3.7% สู่ 36.50 ดอลลาร์สหรัฐ หลังแตะวิ่งขึ้นไปในช่วงต้นวันแตะจุดสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 38.39 ดอลลาร์ (Reuters)
ทองปรับตัวขึ้นช่วงแรกก่อนลดลงในวันอังคาร โดยร่วงลงจากจุดสูงสุดในรอบ 13 เดือนจากการเทขายทำกำไรเนื่องจากตลาดเริ่มฟื้นตัวจากการสูญเสียโมเมนตัมต่อการประชุมเฟดในครั้งหน้า ราคาทองคำในตลาดจรลดลง 0.4% เป็น 1,262.46 หลังเพิ่มขึ้นถึง 1,277.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงก่อนหน้า ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือน เม.ษ. ลดลง 0.1% เป็น 1,260.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
ราคาทองแดงลดลงในวันอังคาร เนื่องจากความผิดหวังในตัวเลขการค้าของจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ของโลกลดทอนการเก็งกำไรของกองทุนต่อราคาทองแดงที่น่าจะปรับตัวขึ้น ราคาปิดทองแดงอ้างอิงในตลาดลอนดอนลดลง 2.6% เป็น 4,868 ดอลลาร์ต่อตัน จากในสัปดาห์ก่อนราคาทองแดงได้ทำสถิติสูงสุดในรอบสี่เดือนที่ 5,059 ดอลลาร์ต่อตัน (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331
