- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 March 2016 17:02
- Hits: 999
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'อาจแกว่งบนระดับ 1400+/- จุด'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: CK(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : TTA 19%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังแกว่งจากแรงขายทำกำไร
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1400,1410-1420 หลุด 1360
SET50 ซื้อค่าบวก 910-920 หลุด 870
Technical Picks - Today TOP, IRPC, TPIPL, ITD, PTTGC, BTS, HMPRO, EFORL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PS, SAMART (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยยังปรับขึ้นต่อได้อย่างแข็งแกร่ง และ Outperform ภูมิภาค โดยบวกขึ้นอีก 16.22 จุด ปิดที่ 1395.75 นำโดยกลุ่มพลังงาน, วัสดุก่อสร้าง (SCC, TPIPL), สื่อสาร, รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น ทั้งนี้เพราะอัตราการเติบโตของกำไรบจ.ในตลาดหุ้นไทยปี 59 จะสูงมาก เนื่องจากโครงสร้างกำไรของตลาดหุ้นไทยที่อิงกับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีราวครึ่งหนึ่งของตลาด เมื่อราคาน้ำมันพลิกฟื้น ผลขาดทุนในสต็อกลดลงและไม่มีการตั้งสำรองด้อยค่าในเงินลงทุน ก็ทำให้กำไรตลาดขยายตัวสูงราว 30% แต่หากไม่รวมกำไรของกลุ่มที่เป็นโภคภัณฑ์และขนส่ง พบว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มเพียง 9% ซึ่งไม่ได้สูงมาก นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิ พอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยกำลังจะทดสอบระดับจิตวิทยา 1400 จุด ซึ่งหากยืนเหนือระดับนี้ได้ก็มีลุ้นที่จะขยับขึ้นต่อ ปัจจัยหนุนยังคงเป็นเรื่อง Fund flow ที่กลับเข้ามาซื้อหุ้น Big Cap และเมื่อหุ้นใหญ่ปรับขึ้นไปแล้ว หุ้นขนาดกลาง-เล็กก็มีโอกาสปรับขึ้นตาม ซึ่งรวมถึงการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดว่าจะมีการเปิดประมูลงานใหม่เข้ามาสร้างความคึกคัก หลังจากค่อนข้างเงียบไปในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หุ้นเด่นใน DBSV coverage คือ CK (ราคาพื้นฐาน 33 บาท), STEC (ราคาพื้นฐาน 22 บาท) ส่วนกลุ่มสื่อสาร เราแนะนำให้หาจังหวะขาย JAS และหาจังหวะ Take profit หุ้น DTAC ซึ่งเป็น Dark horse ของเราเนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นกว่า 20% หลังจากที่แนะนำซื้อ สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTT
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น แนวต้านระยะสั้น 1400, 1410-1420 จุด การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1360 จุดควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 910-920, 930 จุด Stop loss ถ้าหลุด 870 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High ได้แก่ TU, DIF, LHBANK, TOP, HMPRO, IRPC หุ้นเข้ามาใหม่เป็น GPSC, EFORL ส่วนหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไรเป็น BTSGIF
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : จากข้อมูล Bloomberg วันที่ 4 มี.ค.59 พบว่าโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 15-16 มี.ค.59 ต่ำเพียง 8% โดยโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมีมากกว่า 60% ในการประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธ.ค.59 (คือ เท่ากับ 67.8%) และไม่มีโอกาสในการปรับลงเลยในปี 59 ทั้งนี้โอกาสที่เกิดขึ้นเป็นแปลงค่ามาจาก Fed funds futures
ยูโรโซน : เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและยังซบเซา อาจมีมาตรการเข้ามากระตุ้นเพิ่ม จับตาผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 10 มี.ค.นี้
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.59 ยังต่ำ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : หุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นต่อ โดยดัชนี DJIA ปิด +67.18 จุดที่ 17,073.95 จุด แต่มีแรงขายทำกำไรในหุ้นเทคโนโลยีทำให้ดัชนี Nasdaq ปิด -8.77 จุดที่ 4,708.25 จุด ปัจจัยกระตุ้น คือ ความหวังว่าจีนและยูโรโซนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงสั้นๆนั้นน้อยมาก
+ ราคาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นต่อ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเม.ย.ปิด +1.98 ดอลลาร์ หรือ +5.5% แตะที่ 37.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENET ปิด +2.12 ดอลลาร์ หรือ +5.5% แตะที่ 40.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังนายกรัฐมนตรีแถลงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี (59-63) ต่อสภาประชาชนแห่งชาติจีนเมื่อ 5 มี.ค.59 ที่ผ่านมา รวมทั้งคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงเมื่อปริมาณแท่นขุดเจาะลงมาเหลือเพียง 392 แท่น จากระดับสูงสุดกว่า 1,400 แท่น และรัสเซียกับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะตกลงเรื่องการตรึงปริมาณการผลิตกันได้
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ปิด -6.7 ดอลลาร์ มาที่ 1,264.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นการขายทำกำไรหลังสัญญาทองคำพุ่งขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มสื่อสาร : ติดตามกันต่อไปว่า JAS จะมาจ่ายค่าใบอนุญาต 4 G งวดแรกพร้อมแบงค์การันตีหรือไม่ โดยกำหนดเส้นตายคือ 21 มี.ค.59 สำหรับการประกาศจ่ายปันผล 0.30 บาท/หุ้น ของบริษัทนั้น ยังไม่ได้กำหนดวันชำระเงิน ส่วนเรื่องการซื้อหุ้นคืน ก็มีประเด็นราคาหุ้นที่จะซื้อคืนว่าจะเป็นเท่าไร รวมทั้งถ้าจะใช้เงินซื้อคืน 6 พันล้านบาท ตามที่เป็นข่าวก็จะติดกฎเกณฑ์ในข้อที่ว่ากำไรสะสมของงบการเงินเฉพาะบริษัทไม่เพียงพอ โดย ณ สิ้นธ.ค.58 งบเฉพาะบริษัทมีกำไรสะสม 2.65 พันล้านบาท และมีเงินสดในมือ 1.38 ล้านบาท นอกจากนั้นราคาหุ้นก็ปรับขึ้นมาสูงกว่าเป้าหมายเฉลี่ยใน IAA Consensus ที่ 3.16 บาท/หุ้นแล้ว จึงเห็นว่า การปรับขึ้นของราคาหุ้นเป็นจังหวะขาย เพราะ JAS ยังมีความไม่แน่นอนในอีกหลายประเด็น สำหรับ TRUE จะจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz งวดแรกและแบงค์การันตีวันที่ 11 มี.ค.นี้ โดยได้ทำหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการให้กับกสทช.แล้ว
+ กลุ่มพลังงาน : ในระยะสั้นยังได้อานิสงค์ทางบวกจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งราคาน้ำมันดิบ BRENT ได้ปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดของรอบนี้ที่ 27.88 US$/bbl เมื่อ 20 ม.ค.59 เป็น 40.84 US$/bbl เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.59) หรือ +46% จากระดับต่ำสุด และสูงกว่าระดับปิดสิ้นปี 58 ที่ 37.28 US$/bbl อยู่ที่ +10% ซึ่งหากรักษาระดับนี้ไว้ถึงสิ้นเดือนมี.ค.59 ก็จะทำให้กลุ่มพลังงานมีกำไรจากสต็อกของโรงกลั่น (จากเดิมที่คาดการณ์กันว่าจะเป็นขาดทุนจากสต็อก) รวมทั้งทำให้ความเสี่ยงเรื่องการตั้งสำรองด้อยค่าฯเพิ่มเติมจะผ่อนคลายลงไปมาก หุ้นในกลุ่มพลังงานที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ยังแนะนำซื้อ คือ PTT (ราคาพื้นฐาน 350 บาท), BCP (ราคาพื้นฐาน 39 บาท) และ PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท)
TCAP (ราคาปิด 37.50 บาท) : ธนาคารยืนยันปฎิบัติหน้าที่ถูกต้องกรณีสกสค.เรียกร้องให้คืนเงินปิดบัญชี สำนักงานคณะกรรมการสกสค.ฟ้องแพ่ง TBANK (บริษัทย่อย TCAP) เพื่อให้คืนเงิน 2.1 พันล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี กรณีอนุมัติถอนเงินและปิดบัญชีเงินฝากเมื่อ 27 ธ.ค.56 ไม่ถูกต้อง ทาง TCAP ได้ชี้แจงว่าเป็นการดำเนินการโดยถูกต้องตามมติคณะกรรมการสกสค. และคณะกรรมการฯได้อนุมัติให้นำเงินดังกล่าวไปลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินบริษัทเอกชนแล้วไม่ได้รับคืนเงินต้นนั้น ไม่สามารถนำหนังสือของสกสค.เองขอปิดบัญชีมาเป็นข้ออ้างในการเรียกร้องให้ธนาคารรับผิดชอบแทนได้
+ เศรษฐกิจไทย : จะมีเงินภาครัฐจะเข้าสู่ระบบเกือบ 1 แสนล้านบาทใน 3-4 เดือนข้างหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.59) ว่าจะมีเงินจากภาครัฐรวมเกือบ 1 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยไม่ให้ถูกกระทบจากความซบเซาของเศรษฐกิจโลกมากนัก และรัฐบาลยังคงส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวต่อ โดยเฉพาะการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายในไทยให้มากขึ้น
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]