- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 March 2016 16:44
- Hits: 640
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
มีโอกาสทดสอบ 1,400 จุด? โดยคาดยังได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow ที่ไหลกลับเข้าภูมิภาค รวมถึงไทยที่มีแรงซื้อสุทธิต่างชาติกลับเข้ามาต่อเนื่อง ล่าสุดอีกกว่า 900 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 6,738 ล้านบาท ขณะที่คาดสัญญาณ Fund Flow ยังดีจาก (1) การประชุม ECB (10/3/59) ที่คาดจะมีการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยลง? และ (2) คาดการณ์ในเชิงบวกต่อการประชุมของเฟด (15 – 16/3/59) ว่ายังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะติดตามหุ้นในกลุ่ม Big Cap ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ เช่น PTT, SCC, ADVANC, AOT เป็นต้น
รวมถึงปัจจัยหนุนจากสัญญาณที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน และส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะต่อประเด็นที่ที่รัสเซียระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปก ในการจำกัดการผลิตน้ำมัน ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีในการประชุมเดือนนี้
ขณะที่ยังแนะติดตาม (-) ความกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีน แม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร
นอกจากนี้ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) กลุ่มพลังงาน ระยะสั้น PTT และ PTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +67.18, NASDAQ -8.77, S&P +1.77, FTSE -17.03, CAC -14.33 และ DAX -45.24
ภายใต้ปัจจันหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังราคาน้ำมันดิบ ปรับขึ้นต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์ภายในประเทศต่อไป รวมถึงปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ (เมื่อวันที่ 4/3/59) ออกมาดีกว่าคาด
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจากยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนี - ม.ค. ลดลง 0.1%MoM สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมนี
อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ หลังก่อนหน้านี้ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเดือนนี้
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$1.98 อยู่ที่ US$ 37.90ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า จีนจะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์และเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นเดิม (1) จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา และ (2) มุมมองที่เป็นบวกว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อาจจะตกลงกันได้ในประเด็นปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในเดือนนี้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.48 1.82 3.33
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 62,111.84
สถาบัน +2,244.30
บัญชีหลักทรัพย์ -153.83
ต่างประเทศ +939.58
ในประเทศ -3,030.06
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 1.90% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.49 อยู่ที่ 17.35
หุ้นแนะนำ : GPSC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788