- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 March 2016 18:06
- Hits: 469
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น? ตามทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ที่คาดยังได้รับ
ปัจจัยหนุนจากสัญญาณที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน และส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ทั้งจากความเป็นไปได้ที่รัสเซียระบุว่าจะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปก ในการจำกัดการผลิตน้ำมัน ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีในการประชุมเดือนนี้ และปริมาณผลิตน้ำมันล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด
รวมถึง Fund Flow ที่มีแรงซื้อสุทธิต่างชาติกลับเข้ามาสูงกว่า 3,600 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดขายสุทธิสะสมลดลงเหลือเพียง 4,000 ล้านบาท ขณะที่คาดสัญญาณ Fund Flow น่าจะไหลกลับเข้าภูมิภาครวมถึงไทย จาก (1) การประชุม ECB (10/3/59) ที่คาดจะมีการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยลง? และ (2) เฟดยังคงมีความกังวลต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ายังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุม 15 – 16/3/59
ขณะที่ยังแนะติดตาม (-) ความกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีน แม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร ขณะที่ตัวเลขการผลิตล่าสุดยังไม่ดี
นอกจากนี้ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) กลุ่มพลังงาน ระยะสั้น PTT และ PTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +34.24, NASDAQ +13.83, S&P +8.10, FTSE -5.82, CAC +18.05 และ DAX +59.46
โดยได้รับปัจจัยบวก (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ – ก.พ. เพิ่มขึ้น 214,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง และ (2) ราคาน้ำมันที่ยังปรับขึ้น หลัง EIA เปิดเผย การผลิตน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐฯ ปรับลดลง ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป อยู่ระหว่างรอการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10/3/59 หลังก่อนหน้านี้ ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเดือนนี้
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$0.26 อยู่ที่ US$ 34.66ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยบวกจากรายงานของ EIA ล่าสุด ระบุว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับลดลง 25,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.077 ล้านบาร์เรล ซึ่งสามารถช่วยชดเชยปัจจัยลบจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยล่าสุด เพิ่มขึ้น 10.4 ล้านบาร์เรล (คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.6 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 518 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$11.0 อยู่ที่ US$ 1,241.8ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่อยู่ระหว่างรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ก.พ. ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.02 1.79 3.41
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 68,861.23
สถาบัน 3,508.87
บัญชีหลักทรัพย์ 651.24
ต่างประเทศ 3,605.70
ในประเทศ -7,765.81
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 1.85% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.61 อยู่ที่ 17.09
หุ้นแนะนำ : TWPC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788