- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 March 2016 17:57
- Hits: 463
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก แรงหนุนจากตัวเลขการจ้างานภาคเอกชนในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 214,000 สูงกว่าที่คาด ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 0.20%, 0.29%, 0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ดีกว่าคาด ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.61%, -0.09%, 0.41%, 1.08%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 34.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.93 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาค มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร โดยเฉพาะในหุ้น JAS และ DTAC ซึ่งเป็นการเก็งกำไรจากกระแสคาดการณ์บริษัทแจส โมบาย ซึ่งเป็นเป็นบริษัทลูกของ JAS อาจไม่มีความพร้อมที่จะจ่ายค่าใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz รวมแบงก์การันตีได้ทันตามกำหนดภายในเดือนนี้ ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้น DTAC และ ADVANC ที่มีโอกาสที่จะประมูลรอบใหม่ ซึ่งอาจจะเหลือคู่แข่งขันในการเข้าประมูลน้อยลง ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศนั้นมีข่าวสถาบันจัดอันดับมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของจีนในวันนี้ (2) ลงสู่ “เชิงลบ” จากเดิมที่มี “เสถียรภาพ” โดยมูดี้ส์ระบุถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับศักยภาพทางการจีนในการปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมทั้งหนี้สินของรัฐบาลที่สูงขึ้น และทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทสที่ลดลง
และมีโอกาสที่จีนจะถูกลดอันดับเครดิตซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ Aa3 โดยในแถลงการณ์ระบุว่า เสถียรภาพทางการคลังของจีนได้รับผลกระทบจากรัฐวิสาหกิจที่มีหนี้มหาศาล มูดี้ส์คาดว่า หนี้สินภาครัฐจะเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบันและปัญหาเงินทุนไหลออก โดยหนี้ภาครัฐของรัฐบาลจีนได้เพิ่มขึ้นจากระดับ 32.5% ของ GDP ในปี 2012 สู่ระดับ 40.6% ของ GDP ในปี 2015 และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 43% ของ GDP ในปี 2016 เนื่องจากรัฐบาลปรับเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐและลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั้งในตลาดเอเซียโดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง ยุโรปและสหรัฐฯ ต่างปรับตัวขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันจากรายงานการผลิตน้ำมันในหลายที่เริ่มลดลงในเดือนก.พ. อาทิเช่น กลุ่มโอเปค และสหรัฐฯ ที่ EIA ได้รายงานการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 25,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.077 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในส่วนของสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 10.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 518 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดเมื่อคืนนี้ยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เราคาดว่ากรอบของราคาน้ำมันดิบ Brent ในเดือนนี้จะแกว่งในกรอบระหว่าง $39-33 ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่า น่าจะแกว่งในกรอบและอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เนื่องจากดัชนีได้ปรับตัวขึ้นมาเร็วพอสมควร ได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทที่ทรงตัว และเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นจากนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศ แนะนำ ซื้อเก็งกำไรในหุ้นธนาคารพาณิชย์
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าแถว ๆ 1,355-1,350 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไรต่อได้
Saravut Tachochavalit, Analyst TEL : +66 (0) 2682 9754 Ext. 9754 EMAIL : [email protected]