- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 March 2016 17:56
- Hits: 421
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
คาดหุ้นไทยวันนี้ขึ้นต่อจากเมื่อวาน จากการที่ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเพิ่มขึ้นหลังจากหุ้นสหรัฐ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ปรับตัวขึ้นอีก ตัวเลขว่าจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ออกมาดีมากเมื่อวานมาช่วยเสริมตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งไปก่อนหน้า ช่วยลบล้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยังทำให้คาดว่าตัวเลขการว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่จะออกมาในวันศุกร์จะดีเช่นกัน ภายในประเทศข่าวความคืบหน้าของโครงการลงทุนร่วมสร้างทางรถไฟไทยจีน และพัฒนาการที่เป็นบวกสำหรับผู้ประกอบการ 4G เป็นปัจจัยหนุนหุ้นที่เกี่ยวข้อง
หุ้นเด่นวันนี้ : TCAP (Bt38.00; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 50.00 บาท)
ถึงแม้ บมจ.ทุนธนชาต จะเผชิญกับการหดตัวของสินเชื่อที่ 5.4% ในปี 58 ธนาคารคาดว่าสินเชื่อจะกลับมาเติบโตอีกครั้งที่อัตรา 1-3% ในปี 59 โดยธนาคารคาดว่ากลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมีสัญญาณความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารตั้งเป้าที่จะมุ่งเน้นไปยังสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐรวมทั้งภาคธุรกิจอาหารและเคมีภัณฑ์เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มเหล่านี้เติบโตอย่างต่อเนื่องถึงแม้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม ถึงแม้ว่า TCAP จะตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อในหลากหลายกลุ่มมากขึ้น ธนาคารยังคงยืนยันนโยบายที่จะมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของสินทรัพย์ ซึ่งแสดงให้เห็นจากการปรับตัวลดลงของสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ใน 5 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งสวนทางกับทิศทางของกลุ่ม นอกจากนี้ ธนาคารยังมีข้อได้เปรียบจากประโยชน์ทางภาษีอันเนื่องมาจากผลขาดทุนทางภาษีจากการชำระบัญชีของ SCIB ในปัจจุบันธนาคารมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหลืออยู่ประมาณ 5 พันล้านบาท และคาดว่าจะใช้หมดภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ในแง่ของการประเมินมูลค่า ปัจจุบัน หุ้น TCAP น่าสนใจมากอิงจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.9 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนน่าสนใจที่ 5.2% เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตที่ 15.7% และ 10.2% ในปี 59 และปี 60 ตามลำดับ Price Pattern ของ TCAP ยังคงมีความแข็งแกร่งและอยู่ในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TCAP ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 36.25 บาทมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่า TCAP น่าจะสามารถปรับตัวขึ้นไปต่อเพื่อไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 38.75 บาท และเป้าหมายสำคัญที่ 41 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ระยะสั้นของ TCAP ในรอบนี้อยู่ที่ 36.50 บาท (Resistance: 38.25, 38.50, 38.75; Support: 37.75, 37.50, 37.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
คาดหวังข้อสรุปโครงการรถไฟไทย-จีนในวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งรวมไปถึงประเด็นของค่าใช้จ่ายโครงการและลักษณะการลงทุน โดยรองผู้ว่าการรถไฟไทยกล่าวว่ายังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในบางจุดระหว่างไทยกับจีน แต่เชื่อว่าจะมีรายละเอียดและความชัดเจนที่มากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้การลงทุนจะเป็นในลักษณะของกิจการร่วมค้า (Joint venture) ในรูปของ SPV ขณะที่สัดส่วนการลงทุนยังคงต้องรอการตัดสินใจของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย (The Nation)
เตรียมควบคุมการซื้อขายผักและผลไม้ของชาวต่างชาติ รัฐบาลเตรียมบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อควบคุมการนำเข้าผักและผลไม้ของชาวต่างชาติออกจากเมืองไทย เพื่อเป็นการปกป้องเกษตรกรในประเทศ โดยกฎเกณฑ์ที่เตรียมจะบังคับใช้ประกอบไปด้วย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (Bangkok Post)
กรมการท่องเที่ยวตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนระดับบน เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่สูงในตลาดที่เน้นนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่มคณะนักท่องเที่ยวที่มาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในระดับบนอยู่มาก อาทิ ร้านอาหารระดับรางวัลมิชลิน โรงแรมหกดาว พูลวิลล่าระดับหรูหราและสปาระดับโลก ประเทศจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของการท่องเที่ยวไทยด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มายังไทยถึง 7.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 27% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 29.8 ล้านคน กรมการท่องเที่ยวยังคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะมาไทยในปีนี้ที่ 8.8 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวที่มีรายได้เฉลี่ยหกหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีรวม 3.75 แสนคน คิดเป็น 5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มายังไทยในปีก่อน ทางกรมการท่องเที่ยวจะกระตุ้นสัดส่วนกลุ่มคนดังกล่าวให้ถึง 30% (Bangkok Post)
BAY (ปิด 32.00 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 39.00 บาท) วางแผนที่จะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์จำนวน 1 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อใช้ในการเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 2 (Tier 2) และสนับสนุนแผนธุรกิจในระยะกลาง ในปีที่แล้ว ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio) ลดลงอยู่ที่ 13.6% จาก 14.7% ในปี 57 จากการที่ธนาคารมีการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาท (The Nation) ความเห็น: หลังจากที่มีการออกหุ้นกู้จำนวนนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 2 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.35% จาก 1.6% ในปี 58 และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ที่ 15.95% ซึ่งเราเชื่อว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ และอัตรานี้ยังอยู่สูงกว่าอัตรา 8.5% ตามที่กฎเกณฑ์กำหนด
DTAC (34.50 บาท: ถือ: ราคาเป้าหมาย 39 บาท) ได้รับความเห็นชอบให้ใช้คลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ส่วนที่เหลือสำหรับให้บริการ 4G กสทช.ได้ไฟเขียวให้ DTAC และ กสท.ร่วมกันพัฒนาแบนด์วิธ 20 เมกะเฮิร์ตซ์บนคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ได้ โดย กสท.จะคุยกับ DTAC ในจันทร์หน้า กสท.ได้ให้ DTAC ทำระบบ 4G สำหรับ กสท. แล้วจะขายส่งความจุแบนด์วิธให้ DTAC รวมถึงค่ายมือถืออื่นเพื่อให้บริการมือถือ (Bangkok Post) ความเห็น: DTAC น่าจะมีแบนด์วิธเกินพอในการให้บริการ 4G และปกป้องส่วนแบ่งตลาด แต่น่าเสียดายว่าต้นทุนส่วนแบ่งรายได้น่าจะยังกดกำไรของบริษัทอยู่จนกว่าจะได้ใบอนุญาตบนคลื่นใหม่ ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำซื้ออยู่ แต่เราก็ยังคงรอรายละเอียดการเจรจากับ กสท.อีกที หาก กสท.กำหนดต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ที่ต่ำสำหรับโครงการนี้ ก็น่าจะยิ่งเป็นบวกกับ DTAC
ต่างประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ประกาศในช่วงนี้แสดงสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว แม้ในขณะที่จีนและยุโรปยังคงมองหาการสนับสนุนจากธนาคารกลางของพวกเขาต่อไป ข้อมูลเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งของสหรัฐทำให้หนุนตลาดหุ้นแต่ในขณะเดียวกันทำให้กลับมาเกิดความคาดหวังว่าต่อไปเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับเงินเยนและแทบไม่เปลี่ยนแปลงเทียบกับเงินยูโรเมื่อวันพุธ ตรงข้ามกับการปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้าหลังจากที่นักค้าเงินได้ทำกำไรจากความสงสัยว่านโยบายของธนาคารกลางสหรัฐและของประเทศอื่นจะยังคงแตกต่างกันต่อไปหรือไม่ เงินดอลลาร์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดของวันที่ 113.23 เยน หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนที่ 114.55 เยนในช่วงก่อนหน้า เงินยูโรล่าสุดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.0866 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1.0826 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงก่อนหน้านี้ (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกต่อจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงการซื้อขายก่อนหน้าเมื่อวันพุธ จากตัวเลขที่ดีกว่าที่คาดของการจ้างงานภาคเอกชนในเดือนก่อนซึ่งเป็นข้อมูลเสริมอีกตัวหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิต ธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจยานยนต์เพื่อลดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอ่อนแอกว่าที่คิด หุ้นในกลุ่มธนาคารและพลังงานเป็นตัวนำตลาดขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นและความคาดหวังที่มากขึ้นเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (Reuters)
การจ้างงานของภาคเอกชนดีกว่าที่คาด ภาคเอกชนของสหรัฐฯมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 214,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. บ่งชี้ถึงการเติบโตอันแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน จากผลการสำรวจของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ประกาศเมื่อวันพุธ ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ADP จะประกาศตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 190,000 ตำแหน่ง ตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. มีการแก้ไขเป็นเพิ่มขึ้น 193,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่ง (Reuters)
มีกำหนดประกาศรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ซึ่งรวมการจ้างงานทั้งในภาครัฐและเอกชน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะอยู่ที่ 190,000 ตำแหน่ง มีการคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.9% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในวันพุธ นำโดยธุรกิจเหมืองและธนาคาร โดยหุ้นกลุ่มธนาคารได้ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ห้าหลังจากร่วงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า (Reuters)
เอเชีย :
ญี่ปุ่นกลายเป็นสมาชิกในกลุ่ม จี 7 ชาติแรกที่ประมูลพันธบัตรรัฐบาลด้วยผลตอบแทนที่ติดลบเมื่อวันอังคาร แต่ไม่ยอมปรับลดจนไม่สามารถชดเชยส่วนของเงินเฟ้อโลกอันแสดงว่านักลงทุนยอมรับในภาวะของหนี้ที่อยู่ในระดับสูง หุ้นกู้โตเกียวที่ถูกขายมูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท (21.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ผลตอบแทน -0.015% เป็นราคาต่ำสุดที่สามารถยอมรับได้ อัตราการเข้าประมูลดันอุปสงค์เพิ่มขึ้นเป็น 3.20 เท่าจาก 3.14 เท่าในเดิอน ม.ค. (Reuters)
จีนมีแผนเพิ่มฐานอุปทานของเงิน หรือ M2 เติบโต 13% ในปีนี้ เป็นสัญญาณการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจกำลังเผชิญความลำบากในระหว่างปรับโครงสร้างและอาจส่งผลให้คนตกงานนับล้านคน ปักกิ่งยังถูกคาดการณ์ว่าจะมีการใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นขณะที่ผู้กำหนดนโยบายพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญต่อเศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรงของประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบขึ้นท่ามกลางความผันผวนวันพุธ หลังมีการเพิ่มขึ้นมากของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐยังไม่สามารถหยุดยั้งการวิ่งในรอบ 2 สัปดาห์นี้ได้ โดยขาซื้อยังหวังในแผนคุมการผลิตโดยโอเปคและรัสเซีย Brent พ.ค. ปรับขึ้น 19 เซนต์ อยู่ที่ 37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังร่วงลง 71 เซนต์แตะจุดต่ำสุดที่ 36.10 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ น้ำมันดิบสหรัฐเพิ่ม 25 เซนต์ปิดที่ 34.65 ดอลลาร์(Reuters)
สต็อกน้ำมันดิบพุ่ง 10.4 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว สูงสุดรายสัปดาห์นับแต่ เม.ย. จากข้อมูลของ EIA สหรัฐที่ออกมาในวันพุธ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองดีดตัวขึ้นเมื่อวันพุธ บนราคาน้ำมันที่ผันผวน โดยไม่สนใจต่อดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งดีกว่าที่คาด ราคาทองคำสปอตเดิมที่ลดลงปรับตัวขึ้น 0.5% อยู่ที่ 1,237.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่ส่งมอบในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 1,237.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
ทองแดง อะลูมิเนียมและสังกะสีแตะระดับสูงสุดในช่วงหลายเดือนเมื่อวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว ราคาทองแดงในตลาด LME ปิดเพิ่มขึ้น 1.6% อยู่ที่ 4,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงสุดนับแต่ 16 พ.ย. ปรับตัวขึ้นต่อจากที่ปรับขึ้น 0.5% ในการซื้อขายก่อนหน้า ราคาสังกะสีอายุ 3 เดือนในตลาด LME เพิ่มขึ้น 1.7% และปิดที่ 1,815 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงสุดนับแต่กลางเดือนต.ค. ปีก่อน ราคาอะลูมิเนียมในตลาด LME เพิ่มขึ้น 1.1% และปิดที่ 1,589 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันหลังจากแตะที่ระดับ 1,595 ดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดนับแต่ 16 ต.ค. (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331