- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 March 2016 18:19
- Hits: 541
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ ตามแรงส่งหุ้นน้ำมัน
KGI คาด SET วันพุธขึ้นต่อ (วานนี้ฟื้นแรงกว่าคาด) หุ้นน้ำมันน่าจะดันดัชนีฯ หลังราคาน้ำมันยังงแกว่งขึ้นตามการเก็งกำไรความร่วมมือระหว่างโอเปกและรัสเซีย ซึ่งสามารถหักล้างตัวเลขสต็อกน้ำมัน API สหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด ด้านตัวเลข ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ ฟื้นตัวมาที่ระดับสูงสุดรอบ 5 เดือน และค่าใช้จ่ายก่อสร้างสูงสุดรอบหลายปี ช่วยคลายความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้านยุโรปรายงาน Composite PMI ลดลงแต่ตลาดมองเป็นบวกเพราะได้หนุนโอกาสที่ ECB จะออกมาตรการเพิ่มในวันที่ 10 มี.ค. นี้ ยังคงแนะนำเก็งกำไรเร็วต่อไป
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไรหุ้นเล็ก TMC, TVD / หุ้นใหญ่ CPALL*
TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) 1) จากการเข้าพบผู้บริหารล่าสุดคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะเข้าสู่จุดเริ่มต้นของการ Turnaround ซึ่งเริ่มพลิกกลับมามีกำไรราว 20 ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาส 4/58 ที่ผ่านมา (ก่อนหน้าขาดทุน 3 ไตรมาสติด) โดยในปีนี้จะได้อานิสงส์จากการขายสินค้าเข้าสู่ธุรกิจใหม่คือ i) กลุ่มเครื่องกำจัดขยะและเครื่องสับไม้ (สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล) ii) ลงทุนธุรกิจใหม่ เรือขุดลอก (TMC ถือหุ้น 30% ประกาศวานนี้) และ iii) ธุรกิจรับเหมากดเสาเข็ม เราประเมินกำไรปีนี้แบบอนุรักษ์นิยมที่ 55 ล้านบาท (EPS 0.15) ซึ่งยังไม่รวมธุรกิจรับเหมากดเสาเข็มในประมาณการฯ และประเมินราคาเป้าหมายได้เท่ากับ 3.0 บาท โดยใช้ PE 20 เท่า (พรีเมี่ยมจากการ Turnaround และความคาดหวังการจ่ายปันผลจากการนำส่วนเกินทุนมาล้างขาดทุนสะสม) 2) รูปแบบราคาแกว่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 2.30 บาท (เส้น 200 วัน) หากผ่านได้จะเป็นการ Breakout ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 2.6 – 2.8 บาท ประเมินแนวรับ 2.14 บาท (Stop loss 2.0 บาท) … วันนี้มีบทวิเคราะห์ Alert
TVD (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัวบีบกรอบแคบรอสัญญาณการ Breakout แนวต้านสั้น 1.27 บาท หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 1.50 บาท (Stop loss 1.18 บาท) 2) คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 Turnaround ต่อเนื่อง กำไร 25 – 30 ล้านบาท และทั้งปีคาดกำไร 80 – 100 ล้านบาท (EPS 0.12 – 0.15 บาท, PE <10 เท่า) เป็นผลจากการตัดธุรกิจที่ขาดทุนไปในปีที่ผ่านมา 3) มีโอกาสที่จะล้างขาดทุนสะสม ใน 1H59 (นำส่วนเกินทุนมาล้างขาดทุนสะสม) เพื่อเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 56 บาท) 1) ประเด็นการปรับโครงสร้างบุคคลธรรมดาใหม่ (รายได้ < 3 หมื่นต่อเดือนไม่เสียภาษี) ที่จะเข้า ครม กลางเดือนนี้ คาดจะเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภคที่มีฐานรายได้ระดับปานกลาง (ตรงกลุ่มลูกค้า CPALL*) 2) ฝ่ายวิจัยฯยังคงประเมินกำไรปีนี้โตเด่น +17% YoY (แม้จะปรับลดประมาณการฯลงเล็กน้อย สะท้อนแนวโน้ม MAKRO ที่อาจกำไรอ่อนกว่าคาด) 3) คาด Overhang เรื่องนักลงทุนสถาบันจะขายหุ้นเริ่มลดลง (ไม่ซื้อเพิ่ม แต่ไม่ขาย) คาดราคาหุ้นจะกลับมาเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐาน ประเมินแนวต้านสั้น 45 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 46.25 บาท แนวรับ 44 บาท
หุ้นในกระแส
กลุ่มสื่อสาร (TRUE*, ADVANC*, DTAC*, DIF, JAS*) จากประเด็นข่าว TRUE* ได้รับการปล่อยสินเชื่อ 4G แล้ว ขณะที่ทาง BBL* ยังไม่ยืนยันเรื่องสินเชื่อให้ทาง JAS* เราประเมินเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมฯ โดยรวม (ยังไม่มีคู่แข่งรายใหม่) แนะนำ “เก็งกำไร” TRUE*, ADVANC* และ DTAC* รวมถึง DIF … อาจเป็น Sentiment ลบกับ JAS และ JASIF
กลุ่มค้าปลีก (ROBINS*, HMPRO*, CPALL*) เรายังคงคาดว่าการบริโภคในประเทศจะพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่การปรับโครงสร้างภาษีใหม่คาดจะส่งผลบวกต่อการบริโภคในประเทศ (โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง) แนะนำ “เก็งกำไร” CPALL*, ROBINS*, HMPRO* แต่ยังไม่แนะนำ GLOBAL* เพราะปัญหาภัยแล้งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในต่างจังหวัด ที่เป็นฐานลูกค้าโดยตรงของ GLOBAL*
หุ้นรับกระแสภัยแล้งในไทย (TSR, FVC) จากปัญหาภัยแล้งในปีนี้ คาดมีโอกาสที่น้ำประปาในบางพื้นที่ของ กทม และ ปริมณฑล จะมีรสกร่อย (ไม่มีน้ำจืดมาผลักดันน้ำทะเล) ซึ่งคาดจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่ขายเครื่องกรองน้ำตามบ้านเรือนอย่าง TSR และหุ้นที่เด่นเครื่องกรองน้ำสำหรับผู้ประกอบการอย่าง FVC
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, UWC, ASEFA, QTC) คาดเปิดจับสลากโครงการโซลาร์ส่วนราชการได้ในเดือน เม.ย. (เลื่อนมาจากเดือน ธ.ค.) และกำหนด COD เป็นช่วงเดือน ธค.59 (เลื่อนจาก ก.ย.59) โดยที่ประชุม กพช วันที่ 11 มี.ค. จะพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ (หลังมีการเว้นกฏหมายผังเมือง) คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, UWC) และตัวที่จะได้อานิสงส์งานระบบไฟฟ้าอย่าง ASEFA และ QTC เป็นต้น
หุ้นมีข่าว
(+ ICT) กสทช. ปิดช่องทาง JAS* (ข่าวหุ้น) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่าในข่าวว่า หลังจากตรวจสอบกับฝ่ายกฎหมายนั้นพบว่า JAS ไม่สามารถยื่นมูลค่าแบงค์การันตีไม่เต็มมูลค่าได้ อย่างไรก็ตามกสทช. ยังคงคาดหวังว่า JAS จะจ่ายได้ทันภายในวันที่ 21 มี.ค 2016 ในขณะที่ฝั่งธนาคารกรุงเทพ BBL* กล่าวว่ากำลังรอ JAS ส่งแผนธุรกิจมาใหม่ ข่าวนี้เป็นบวกต่อกลุ่มสื่อสารในระยะสั้น เพราะ JAS อาจมีความเสี่ยงอยู่บ้างว่าจะเข้าสู่อุตสาหกรรมบริการโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่
(+ AOT*) ชงบอร์ดทอท.เคาะสร้างดอนเมืองเฟส 3 (ไทยโพสต์) ทอท. 23 มี.ค.นี้ ขยายดอนเมืองเฟส 3 กว่า 1 หมื่นล้าน แล้วเสร็จปี 64 รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ส่วนอาคาร 2 พร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการ 8 มี.ค.นี้
(+) TSE ลุยพลังงานเต็มสูบ เดินเกมร่วมทุนบิ๊กญี่ปุ่น ผุดโรงไฟฟ้า 100 MW (ทันหุ้น) TSE ปักธง 3 ปี ฮุบโรงไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์ "ดร.แคทลีน มาลีนนท์" ลั่นปี 2559 ตั้งเป้ารุกหนักโรงไฟฟ้าเต็มสูบบอร์ดไฟเขียวลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น 17.5 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนพัฒนา 2 พันล้านบาท แถมซุ่มเจรจาพันธมิตรญี่ปุ่นเพิ่ม 2-3 โครงการ รวม 40-50 เมกะวัตต์ คาดสรุปกลางปีนี้ หนุนสิ้นปี 2559 มีกำลังไฟฟ้าญี่ปุ่น 100 เมกะวัตต์
(+) กลุ่ม SAMART* ปีนี้โตแรง ปั๊มรายได้ทะลุ 2.4หมื่นล. (ทันหุ้น) กลุ่ม SAMART การันตีผลงานปีนี้โตก้าวกระโดดไม่ต่ำกว่า 30% มั่นใจโกยรายได้ทะลุ 2.4 หมื่นล้านบาท จากการเติบโตของทุกสายธุรกิจด้าน SAMTEL เตรียมประมูลงานใหม่ 1 หมื่นล้านบาท ส่วน SIM เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ขณะที่ธุรกิจพลังงานเดินหน้าตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในกัมพูชา 2000 เมกะวัตต์ และเซ็นสัญญาซื้อขายไฟเร็วๆ นี้
(0) CPI กุมภาพันธ์ หดตัวเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง -0.50% YoY ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น +0.68% YoY เงินเฟ้อเดือนก.พ.ที่ลดลงมีสาเหตุสำคัญจากการลดลงของหมวดพลังงาน ตามการลดลงของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ และการปรับลดลงของค่าตั๋วโดยสารรถตามต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลง แต่หากเทียบกับเดือนก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.15% MoM มีสาเหตุสำคัญจากการปรับอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ ซึ่งส่งผลให้ราคาบุหรี่ภายในประเทศสูงขึ้น 5-10 บาท ต่อซอง หรือสูงขึ้น 18.94% รวมถึงยังมีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวดอาหาร กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 2559 ใหม่ โดยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 0.0-1.0% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 1.0-2.0% เมื่อเดือนธ.ค.58 (Bisnews) เรายังคงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 2559 จะติดลบ -0.3% ส่วน กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ไปในปี 2560 ถ้าภาวะเศรษฐกิจไม่ทรุดตัวลงจากระดับปัจจุบัน ไม่มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้แน่นอน แต่มีโอกาสลดดอกเบี้ยถ้าภาวะแห้งแล้งรุนแรงหนัก ซึ่งคาดว่าจะหนักมากในช่วงเดือนเมษายนและเศรษฐกิจต่างประเทศส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวลง เราอาจจะเห็น กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมวันที่ 11 พ.ค. หรือ 22 มิ.ย.
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 6 บาท ... ประเมิน Downside risk ต่ำ (ราคาตอนนี้ต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมของโรงไฟฟ้าที่มีในมือ + ที่ดิน รร ดาราเทวี) และรอข่าวดีเร็วๆนี้ เรื่องการซื้อธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม
SMT (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 13 บาท ... ไม่รวม Upside จากการประกอบแผงโซลาร์เซลล์) วานนี้ถูกแรงขายทำกำไรหลังรายงานงบไตรมาส 4/58 Turnaround ตามคาด เราประเมินแนวรับ 13.4 บาท แนะนำ “ซื้อ” คาดไตรมาส 1/59 แนวโน้มกำไร Turnaround ต่อ
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) วานนี้ราคาหุ้นปรับลงตามภาวะตลาดฯ แนะนำ “ซื้อสะสม” (Stop loss 5.2 บาท) คาดกำไรไตรมาส 1/59 จะทำนิวไฮโต QoQ, YoY ต่อ
VGI* (เป้า Consensus 3.92 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 4.2 บาท แนวต้าน 4.56 บาท และถัดไปที่ ±4.9 บาท ... ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด
MACO (เป้า Consensus 1.60 บาท) หากวันนี้รีบาวด์ยืนเหนือ 1.10 บาทได้ แนะนำ “ถือ” แต่ถ้าหลุด Stop loss 1.10 บาท แนะนำ “ขายตัดขาดทุน”
RS* (เป้าพื้นฐาน 12 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินแนวรับ 10 บาท (Stop loss 9.8 บาท) แนวต้าน ±11.5 บาท
สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
CPALL* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 56 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯมีมุมมองเป็นบวก คาด Same store sale growth จะฟื้นตัวขึ้นในปี 2559 (จาก 0.9% ในปีที่แล้ว เป็น +3% ปีนี้) + การขยายสาขาใหม่ๆต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีเราปรับลดประมาณการฯลงเล็กน้อย จากการปรับลดประมาณการฯ MAKRO
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยรับ 1342 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1342 จุดนั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1342 - 1365 จุด แต่หากวันนี้ SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1342 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1342 - 1325 จุด
แนวรับวันนี้: 1342/1332/1325 แนวต้านวันนี้: 1354/1364
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]