- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 February 2016 17:24
- Hits: 2674
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
คาดทิศทางตลาดวันนี้ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น? ตามตลาดต่างประเทศจากปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 3% ในคืนที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT และ PTTEP
ด้านปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับราคาน้ำมันค่อนข้างมาก ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นไปตามราคมน้ำมัน สำหรับประเด็นที่เราอยากจะแนะให้ติดตาม การประชุมรัฐมนตรีการคลังและผู้ว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 ที่นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อหาแนวทางรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก,การประกาศตัวเลข GDP ของสหรัฐที่จะมีขึ้นในคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.7%QoQ และการประกาศตัวเลข PMI ของจีนในวันที่ 1 มี.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 48.53
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังคงมีทิศทางบวก และนักลงทุนยังคงจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ส่วนทางด้านปัจจัยอื่น ในระยะถัดจากนี้ ต้องติดตามความรุนแรงภัยแล้ง หลังระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับต่ำในรอบหลายปี ซึ่งจะกระทบต่อพื้นที่เกษตรกว่า 4 ล้านไร่ และคาดอาจมีความเสียหายกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +212.30, NASDAQ +39.59, S&P +21.90, FTSE +145.63 CAC +93.11 และ DAX +163.68
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นนำโดยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน โดยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับการผิดชำระหนี้ของบริษัทน้ำมัน ในขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 4.9% มากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เพียง 2.7%
ในขณะที่หุ้นทางฝั่งยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการ Q4 ของหลายๆบริษัทดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณืไว้ โดย บริษัท 53 % ของดัชนี STOXX 600 ของยุโรปเปิดเผยผลประกอบการ Q4 ที่ ตรงตามคาดหรือดีเกินคาดในระยะนี้ ในขณะที่บริษัท 47 % เปิดเผยผลประกอบการที่เลวร้ายเกินคาด
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวลดลง 6.41% จากดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับตัวเพิ่ม โดยดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนชนิดข้ามคืน(RP O/N) ปรับเพิ่มขึ้น 14 bps มาอยู่ที่ 2.11% ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้นในตลาดการเงิน ซึ่งอาจจะกระทบต่อเนื่องถึงสภาพคล่องของระบบธนาคารในจีน
ตัวเลขการส่งออกไทยประจำเดือน ม.ค.59 ลดลง 8.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.1% หดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน โดยสาเหตุสำคัญเกิดจาก 1. การชะลอตัวของเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน ซึ่งมีสัดส่วน 11% ของมูลค่าการส่งออกรวม และ ประเทศในกลุ่มโอเปก ซึ่งมีสัดส่วน 14% ของมูลค่าการส่งออกรวม 2.ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกปรับลดลง 2.8%YoY P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.52 1.76 3.41
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 42,490.04
สถาบัน +331.44
บัญชีหลักทรัพย์ -420.55
ต่างประเทศ +114.76
ในประเทศ -25.66
(3) กลุ่มพลังงาน ระยะสั้น PTT และ PTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(7) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.71% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.61 อยู่ที่ 19.11
หุ้นแนะนำ : SUTHA
นักวิเคราะห์ : ประวิทย์ เจียวก๊ก โทร.02-684-8797