- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 February 2016 16:58
- Hits: 6442
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : มีโอกาสทะลุผ่าน แนวโน้มลงที่ 1340-1344
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1333.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,654 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1340 จุด แล้วมีแรงขายทำกำไรออกมาค่อนข้างแรง แต่ยังสามารถยืนเหนือระดับ 1330 จุดได้
Weekly: ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ 1340 จุด แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ หลังจากมีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น แต่เรายังคงคาดว่า แนวโน้มของ SET Index น่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงในระยะยาวไปทดสอบแนวต้านที่ 1360 และ 1400 จุด เนื่องจากการฟื้นตัวของหุ้นขนาดใหญ่สามารถฟื้นกลับขึ้นไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนได้หมดแล้ว ยกเว้นหุ้นสื่อสาร
กลยุทธ์ :SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1340 จุดของแนวโน้มขาลงในระยะยาวขึ้นไป และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1360 จุดแต่เราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะขายทำกำไร และมีแนวรับสำคัญที่ 1310 จุด
Asia Fund Flow : 25 กุมภาพันธ์ 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 31 ล้านเหรียญ (26 ก.พ.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 201 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 2 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 9 ล้านเหรียญ (24 ก.พ.)
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 3 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
ADVANC สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 174-175 แนวรับ 167 170 / 168 174 / 175
SCB แนวต้านสำคัญ 140-141 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 145-146 140 / 138 142 / 145
AOT ขายที่แนวต้าน 400 แนวรับ 390 และ 380 390 / 386 396 / 400
PTTEP ซื้อต่อเนื่องที่แนวรับ 66.00 แนวต้าน 70.00 67.00 / 66.00 69.00 / 70.00
KBANK แนวโน้มขึ้นทดสอบ 177 และ 180 แนวรับ 170 171 / 170 175 / 177
BBL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 170 แนวรับสำคัญ 165 166 / 165 168 / 170
PTT แนวต้านสำคัญ 265 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้มีโอกาสขึ้นทดสอบ 280 260 / 258 264 / 265**
JAS แนวโน้มลงทดสอบ 2.60 แนวต้าน 2.88-2.90 2.74 / 2.70 2.80 / 2.84
CPALL สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 46.00 แนวรับ 43.00 43.50 / 43.00 44.50 / 45.00
INTUCH แนวโน้มขึ้นทดสอบ 59.00 และ 60.00 เป็นจังหวะขายทำกำไร แนวรับ 56.00 57.00 / 56.00 59.00 / 60.00
Thanachart Capital (TCAP TB; THB 38.75) - ซื้อ
แนวต้าน : 41.00 และ 42.00
แนวรับ : 38.75 และ 38.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ทะลุผ่านแนวต้านขึ้นไปทำจุดสุงสุดใหม่ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TCAP โดยมีแนวรับที่ 38.75 และ 38.50 และมีแนวต้านที่ 41.00 และ 42.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 37.75 ลงไป
Kulthorn Kirby (KKC TB; THB 3.90) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.14 และ 4.20
แนวรับ : 3.90 และ 3.86
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน และมีแนวต้านของรูปแบบสามเหลี่ยมที่ 3.90 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ KKC โดยมีแนวรับที่ 3.90 และ 3.86 และมีแนวต้านที่ 4.14 และ 4.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.78 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...แรงหนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันยังหนุน SET ไปต่อ
เมื่อวานนี้แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวลดลงแรงถึง 6.4% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น (money-market rate) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้น การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในจีนได้สร้างความวิตกกังวลว่าจะส่งกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการของภาคเอกชน นอกจากนั้นตลาดยังปรับลงหลังค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 อีกด้วย แสดงให้เห็นถึงเงินทุนไหลออกจากตลาดจีนเพราะอาจวิตกภาวะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นยุโรป (+1.8%-2.5%) และสหรัฐ (DJIA +1.29%, S&P500 +1.1%) กลับปิดพุ่งขึ้นแรงเมื่อคืนนี้ ขานรับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน และข้อมูลแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้กลับมาปิดบวกเป็นวันที่ 2 อีก 0.92 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +2.9% ปิดที่ 33.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนายอูโลจิโอ เดล ปิโน รัฐมนตรีพลังงานของเวเนซูเอล่ายืนยันจะเข้าร่วมประชุมกับตัวแทนของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงรัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ โดยการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนมี.ค. ข่าวการจัดการประชุมดังกล่าวช่วยให้ตลาดมีความหวังว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อาจจะหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการพยุงราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซาอุดิอาระเบีย, รัสเซีย, กาตาร์ และเวเนซูเอล่า ต่างก็เห็นพ้องเรื่องการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันในการเจรจาที่จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังคงขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ. ปรับตัวลง 33,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรล/วัน เราประเมินว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ในระยะสั้นมีโอกาสจะปรับขึ้นต่อไปทดสอบระดับ 35 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในเดือนมี.ค. ซึ่งน่าจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานทั่วโลกให้ปรับตัวขึ้นได้
สำหรับ Fund flow ในตลาดหุ้นไทย จะเห็นได้ว่ามีแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในเดือนก.พ. โดยนับจากต้นเดือนนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิไปแล้ว 2 พันล้านบาท พลิกจากเดือนม.ค. ที่ขายสุทธิไปประมาณ 8 พันล้านบาท ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกลับมา outperform ตลาดหุ้นในเอเชีย โดยนับจากต้นปีปรับขึ้นไป +4.6% เป็นอันดับ 2 ในเอเชียรองจากอินโดนีเซีย หากวัดผลตอบแทนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ แต่หากไม่คำนึงถึงผลของค่าเงินตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้น +3.5% เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย (อินโดนีเซีย +1.4%) โดยแรงซื้อหลักยังอยู่ในหุ้นกลุ่มหลักอย่าง พลังงาน ธนาคารและ ICT ที่ปีที่แล้ว underperform และถูกขาย short ออกมามาก อย่างไรก็ตามเราประเมินว่าแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้ยังเป็นแค่การเก็งกำไร/cover short ระยะสั้นเท่านั้น หลังราคาน้ำมันเริ่มมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงต่างๆ ยังคงมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน, ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจไทย (เมื่อวานนี้ตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ออกมา -8.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ -8%) และความไม่แน่นอนของแผนการเลือกตั้งที่ส่งผลให้อุณหภูมิทางการเมืองเริ่มกลับมาสูงขึ้นช่วงนี้
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนนี้ยังเป็น 1) การประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/58 ของบริษัทจดทะเบียน 2) การประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศจี-20 ในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า จี-20 จะหารือแนวทางในการรับมือการทรุดตัวของราคาน้ำมัน 3) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค. ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) เพิ่มหรือไม่ และ 4) การประชุมตัวแทนของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในกลางเดือนมี.ค. เพื่อหารือการพยุงราคาน้ำมัน
โดยเราประเมินว่าบริษัทที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/58 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นได้ (outperform) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าตลาดฯ อาจมีการปรับประมาณการผลกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นได้ โดยหุ้นที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีที่เราแนะนำให้ซื้อลงทุนได้ในช่วงนี้ประกอบไปด้วย UNIQ MINT PS GFPT ERW SC BCH TPCH CFRESH VIBHA SAWAD ANAN GUNKUL BJCHI
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เราจะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงาน (+5.8%), ธนาคาร (+11.2%) และ ICT (+6.3%) ปรับขึ้นมามากนับจากต้นปีเทียบกับตลาด (SET) ที่ +3.5% ดังนั้นเราคาดว่านักลงทุนอาจจะเริ่มทยอยขายทำกำไร แล้วหันไปเปลี่ยนกลุ่มเล่นในหุ้นกลุ่มที่ยังคงปรับตัวขึ้นช้ากว่า (laggard) หุ้นกลุ่มหลัก อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มอสังหาฯ ที่นับจากต้นปีปรับลดลง -10%, -4.1% ตามลำดับ โดยหุ้นที่ปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้าซื้อเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาฯ ประกอบไปด้วย STEC (ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus อยู่ที่ 28.7 บาท มี upside 53%) และ UNIQ (ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus อยู่ที่ 23.20 บาท มี upside 39%) และกลุ่มอสังหาฯ เราแนะนำ LPN และ LH โดย ราคาหุ้น LPN ปรับลดลงแรงที่สุดในกลุ่มถึง -20.6% และ LH -14.3% เทียบกับกลุ่มที่ -4.1% เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีนักลงทุนต่างประเทศถืออยู่มากเลยเผชิญแรงขายค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันคาดว่าจะมีการฟื้นตัวจากการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้ Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย LPN และ LH ที่ 16.00 บาท (upside 26%) และ 9.94 บาท (upside 23%) ตามลำดับ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1326-1330 และแนวต้านที่ 1340-1350 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เราจะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงาน (+5.8%), ธนาคาร (+11.2%) และ ICT (+6.3%) ปรับขึ้นมามากนับจากต้นปีเทียบกับตลาด (SET) ที่ +3.5% ดังนั้นเราคาดว่านักลงทุนอาจจะเริ่มทยอยขายทำกำไร แล้วหันไปเปลี่ยนกลุ่มเล่นในหุ้นกลุ่มที่ยังคงปรับตัวขึ้นช้ากว่า (laggard) หุ้นกลุ่มหลัก อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มอสังหาฯ ที่นับจากต้นปีปรับลดลง -10%, -4.1% ตามลำดับ โดยหุ้นที่ปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้าซื้อเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาฯ ประกอบไปด้วย STEC (ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus อยู่ที่ 28.7 บาท มี upside 53%) และ UNIQ (ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus อยู่ที่ 23.20 บาท มี upside 39%) และกลุ่มอสังหาฯ เราแนะนำ LPN และ LH โดย ราคาหุ้น LPN ปรับลดลงแรงที่สุดในกลุ่มถึง -20.6% และ LH -14.3% เทียบกับกลุ่มที่ -4.1% เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีนักลงทุนต่างประเทศถืออยู่มากเลยเผชิญแรงขายค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันคาดว่าจะมีการฟื้นตัวจากการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้ Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย LPN และ LH ที่ 16.00 บาท (upside 26%) และ 9.94 บาท (upside 23%) ตามลำดับ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1326-1330 และแนวต้านที่ 1340-1350 จุด
Themes play :
MEGA TRC ASEFA MC : เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นที่เมื่อวานนี้ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2558 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดและมีแนวโน้มที่ตลาดอาจจะปรับประมาณการผลกำไรและราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่าง MEGA TRC ASEFA และ MC โดย MEGA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 ออกมาดีกว่าตลาดคาด 43% (+8% yoy, +78% qoq) Bloomberg consensus (BB) ให้ราคาเป้าหมาย 21.50 (Buy/Hold/Sell : 4/1/0), TRC ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาด 52% (+226% yoy, +57% qoq) BB ให้ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท (Buy/Hold/Sell : 3/0/0), ASEFA ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาด 45% (+25% yoy, -5% qoq) BB ให้ราคาเป้าหมาย 6.65 บาท (Buy/Hold/Sell : 2/0/0) และ MC ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาด 17% (+28% yoy, +122% qoq) BB ให้ราคาเป้าหมาย 15.58 บาท (Buy/Hold/Sell : 8/1/0)
Opportunity Day
26 ก.พ. : SMPC GC ADVANC THCOM CSL INTUCH IVL
29 ก.พ. : JSP ILINK KTIS MTLS JMART J JMT
1 มี.ค. : SPCG MALEE EPG PF TK HMPRO TASCO
2 มี.ค. : MC TU KOOL TRU BA
3 มี.ค. : PTT PTTEP PTTGC TOP GPSC BJCHI COM7 IRPC
4 มี.ค. : MONO JWD TRT TICON BAFS SYNEX LALIN
คาดการณ์วันประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2558
26 ก.พ. : BDMS BEAUTY CENTEL CK DEMCO EA LH RS QH SAMART SIM SVI THAI TRUE
29 ก.พ. : AH CPF CPALL TVO ITD SIRI TTA
Fundamental Stock :
WHA : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อราคาเป้าหมาย3.40บาท)
GLOW: COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย88บาท)
BANPU : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย20 บาท)
BH : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ขาย ราคาเป้าหมาย198 บาท)
SAPPE : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย21.90บาท)
TPCH: COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย26บาท)
Technical Pick :
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวรับ 1325 แนวต้าน 1340 จุด
Kulthorn Kirby (KKC TB; THB 3.90) - ซื้อ
Thanachart Capital (TCAP TB; THB 38.75) - ซื้อ
SET Index : แนวโน้มทดสอบ 1340