- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 February 2016 18:25
- Hits: 4795
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'มีแกว่งแต่ไม่หลุด 1310 ยังถือได้'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปรับขึ้น 6.14 จุด ปิดที่ 1331.93 ดีกว่าคาด โดยมีแรงซื้อหุ้นแบงค์ใหญ่เพราะคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อกลุ่มไอซีทีได้เพิ่มในปีนี้, หุ้นสื่อสารเนื่องจากประเมินว่า JAS มีโอกาสคืนใบอนุญาต 4G, หุ้นส่งออกที่มีการเติบโตดีและและได้อานิสงค์จากบาทอ่อน (แม้ว่าภาพรวมส่งออกจะซบเซาต่อเนื่องก็ตาม) นอกจากนั้นแรงขายหุ้นพลังงานก็ไม่แรงมาก เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการปี 2016 จะพลิกฟื้นขึ้นได้จากฐานที่ต่ำมากในปี 2015 สถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิ รายย่อยขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
ในวันนี้ Sentiment ตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังควรระวังการแกว่งตัวจากแรงขาย Sell on fact ผลประกอบการ & เงินปันผลของปี 2015 ส่วนปัจจัยหนุนคือ แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันที่มีการปรับพอร์ตโดยการขายตราสารหนี้แล้วเข้ามาเพิ่มการลงทุนในหุ้น แต่ส่วนนี้อาจจะเป็นเพียงระยะหนึ่ง เมื่อราคาตราสารหนี้ลดลง Yield ขยับขึ้นการปรับพอร์ตก็สิ้นสุด ส่วนปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดหุ้น คือ เศรษฐกิจและการเงิน นั้นไม่ค่อยดีนัก ความผันผวนและซบเซายังมีอยู่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเองก็ค่อนข้าง Mixed ผลประกอบการปี 2016 ที่เป็น Core Profit เติบโตได้แต่ไม่มาก (ส่วนกำไรสุทธิขยายตัวแกร่งเพราะปี 2015 มีขาดทุนในรายการพิเศษจำนวนมาก) กลยุทธ์การลงทุนใน Equity : เล่นรอบไม่ควรหวัง Gap กำไรมากเพราะตลาดยังผันผวน ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำให้ทยอยซื้อเป็น Step หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เลือกเป็น HANA
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก แต่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ แนวต้านระยะสั้น 1340-1350 จุด เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า1310 จุด ควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 860- 870 จุด และมีระดับ Stop loss ที่ 830 จุด
การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น ASK, DIF, TTCL, TKN ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BIG, CPN หุ้นที่หลุด Listเป็น CHG และหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ BWG, BCH, ERW
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ภาคบริการก.พ.ชะลอตัวมากกว่าคาด มาร์กิตเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการชะลอตัวสู่ระดับ 49.8ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นภาวะหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
- สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่ม.ค.ลดลง 9.2%MoM สู่ระดับ 494,000 ยูนิต ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015
• สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจติดตามสัปดาห์นี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.และประมาณการ GDP ประจำ 4Q15 ครั้งที่ 2 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- บราซิล : Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงเป็น “Junk” ซึ่งเป็นสถาบันที่ปรับลดลงเป็นรายที่ 3 โดยอันดับเครดิตลดลงเป็น Ba2 จากBaa3 แนวโน้มเป็น “Negative” หมายถึงอันดับเครดิตมีโอกาสลดลงได้อีกในระยะ 1 ปีข้างหน้า Moody’s ระบุว่าสถานะการเงินประเทศย่ำแย่ลงหนี้สิน/จีดีพีจะเพิ่มเป็น 80% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ความท้าทายด้านการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการปฎิรูปเศรษฐกิจและการคลัง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นได้ โดยดัชนี DJIA ปิด +53.21 จุดปิดที่16,484.99 จุด ตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ตลาดดีดตัวขึ้นจากที่ติดลบในการซื้อขายช่วงแรกและปิดบวกได้ในที่สุด
• ราคาน้ำมันดิบบวกขึ้นแต่ไม่มาก อันเนื่องมาจากรายงานล่าสุดของEIA ระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่19 ก.พ. ปรับตัวลง 33,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นไม่มากเพราะปริมาณสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อนยังคงเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรลเป็น 507.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงมาก ปิดตลาดเมื่อวันพุธสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิด +0.28 และ +1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 32.15 และ 34.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ
+ ราคาทองคำพุ่งขึ้น โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.พุ่งขึ้น16.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,239.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
-/• ก.พาณิชย์ยอมรับว่ามูลค่าส่งออกเดือนม.ค.2016 ของไทยยังติดลบต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังซบเซา โดยเฉพาะตลาดหลักๆ และหลายประเทศรณรงค์ใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น และการลดลงของราคาน้ำมันดิบส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทส่งออกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีผลประกอบการที่ดี เนื่องจากเป็นบริษัทชั้นนำที่มีฐานลูกค้าแข็งแรง และมีการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เติบโต Outperform การส่งออกของประเทศ หุ้นเด่นเป็น KCE, HANA, TU เป็นต้น
• MSCI Quarterly Index Review รอบก.พ.2016...ของไทยปรับเปลี่ยนไม่มาก (หลักๆ คือ เอาหุ้น KTIS ออกจากการคำนวณใน IMI และ SmallCap Index ที่เหลือเป็นการลด&เพิ่มน้ำหนักเล็กๆน้อยๆ โดยมีผลบังคับใช้29 ก.พ.นี้เป็นต้นไป สำหรับรายละเอียดเป็นดังด้านล่างนี้
# MSCI Thailand Index : ไม่มีเปลี่ยนตัวหุ้น แต่มีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน BTS และ SCB และลดน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน PTT,KBANK-F, CPALL, ADVANC, AOT, SCC-F, PTTGC, BDMS, BH,KBANK
# MSCI Thailand Large Cap Index : ไม่มีเปลียนตัวหุ้น แต่มีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน SCB และลดน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน PTT,KBANK-F, CPALL, ADVANC, AOT, SCC-F, PTTGC, BDMS, PTTEP,KBANK
# MSCI Thailand Mid Cap Index : ไม่มีเปลียนตัวหุ้น แต่มีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน BTS และลดน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน BH,TOP, IRPC, DELTA, BEM, TU, IVL, BEC, HMPRO, EA
# MSCI Thailand IMI Index : ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออกคือ KTIS และมีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน PTT, KBANK-F, SCB, CPALL,ADVANC, AOT, JAS, SCC-F, PTTGC, KBANK
# MSCI Thailand Small Cap Index : ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออกคือ KTISและมีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน JAS, KCE, TCAP, SAWAD,HANA, TISCO, STEC, SUPER, WHA, BA
+ กลุ่มไฟแนนซ์ : กำไรปี 2015 เติบโตแข็งแกร่งและมีแนวโน้มดีต่อในปี 2016 โดยในปี 2016 คาดการณ์ว่า EPS growth จะแข็งแกร่งที่ 37-45% ซึ่งในส่วนของ GL มาจากการขยายตัวของธุรกิจในกัมพูชาและลาวด้าน MTLS และ SAWAD มาจากการขยายสาขาและพอร์ตสินเชื่อในประเทศ ซึ่งยังมีช่องทางการตลาดที่สามารถทำได้ เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับอุตสาหกรรมนี้ แม้ว่า Valuation ในด้าน P/E จะค่อนข้างสูง แต่ก็สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของผลประกอบการทำให้ PEG ปี 2016F ต่ำกว่า 1 เท่าทั้งสามบริษัท
กลุ่ม Finance : EPS & P/E
PEG Price Target Upside
2015 2016F 2015 2016F 15 16F 16F (Bt ) (Bt ) (%)
GL 0.49 0.67 337% 37% 42.9 31.4 0.86 21.00 28.0 33%
MTLS 0.39 0.55 18% 41% 52.3 37.1 0.90 20.40 32.0 57%
SAWAD 1.31 1.90 56% 45% 33.6 23.2 0.51 44.00 59.3 35%
* SAWAD : based on IAA consensus numbers.EPS EPS Growth P/E
- NOK : นักบินลาออกอีก 17 คน มีผลวันที่ 1 มี.ค.2016 คาดว่าจะทำให้เที่ยวบินของ NOK จะลดลงไปในช่วง 1Q16 แม้ว่าจะเสริมด้วยการเช่าเหมาลำสายการบินพันธมิตร เช่น การบินไทย ไทยสมายล์ ไลอ้อนแอร์ไลน์แล้วก็ตาม ยังผลให้ผลประกอบการของบริษัทจะยังไม่ดีต่อ จากที่ขาดทุนอยู่แล้วในช่วง 9M15 ที่ 572 ล้านบาท สำหรับ BVS บริษัท ณ สิ้นก.ย.2015 อยู่ที่ 5.12 บาท/หุ้น
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]