- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 February 2016 17:44
- Hits: 2823
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : แกว่งในกรอบ 1320-1340
ตลาดไทยเมื่อวานนี้แข็งแกร่งกว่าตลาดเพื่อนบ้าน โดยติดลบในช่วงเช้าแต่มีแรงซื้อกลับเข้ามาทำให้ดัชนีอยู่ในแดนบวกได้ สำหรับวันนี้เราคาดตลาดจะแกว่งในกรอบจำกัด มีโอกาสปิดในแดนบวกอีกครั้ง เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นกลางถึงบวก ปัจจัยภายในประเทศได้แก่ หุ้นกลุ่มแบงก์ พลังงาน สื่อสาร และ SCC ที่ยังคงหนุนตลาดอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่เข้าสู่ช่วงประกาศจ่ายเงินปันผล ทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา ทางด้านปัจจัยต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นบวก เช่น ราคาน้ำมันที่ทรงตัวได้ดีเหนือ 30 เหรียญต่อบาเรลและการประชุม ECB ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ลดดอกเบี้ยหรือเพิ่มวงเงิน QE นอกจากนี้การประชุมเฟดวันที่ 15-16 มีนาคม ก็มีโอกาสจะส่งสัญญาณเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปอีก ดังนั้น ถึงแม้ว่า upside ของตลาดหุ้นไทยจะมีจำกัดแต่โอกาสที่จะปรับลงแรงก็มีน้อยเช่นกัน แนะนำหากดัชนีสามารถผ่าน 1340 จุดได้ ให้ follow buy กลุ่มหุ้นที่ราคายังไม่แพง เช่น รับเหมา อาหาร และอสังหาฯ แต่หากดัชนีไม่สามารถผ่าน 1340 ได้ ให้รอย่อต่ำกว่า 1310 จุดแล้วจึงค่อยซื้อ
แนวรับ/แนวต้าน : 1300/1340 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
กลยุทธ์ : เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา พลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว หลีกเลี่ยงกลุ่มสื่อสารไปก่อน
นักลงทุนระยะสั้น : CI (2.80), BR (8)
CI (2.80) โดยเราคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการตั้งกอง REIT โครงการศรีพันวามูลค่า 1 พัน 4 ร้อยล้านบาท และมีรายได้และกำไรโตก้าวกระโดดในไตรมาส 4 ปี 58และไตรมาส 1 ปี 59 รวมไปถึงทั้งปี 59 จากการโอนคอนโดและโครงการบ้านเดี่ยวตามนโยบายกระตุ้นการโอนของรัฐบาลในปีนี้
BR (8) เป็ดน้อยกำลังเติบโตเป็นเป็ดใหญ่ ด้วยการเริ่มขยายกำลังการผลิตที่จังหวัดสระแก้วในปีนี้ และการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียในไม่ช้านี้ จะช่วยขยายตลาดส่งออกของ BR อย่างชัดเจน นอกจากนี้เราคาดราคาเป็ดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 58 และคู่แข่งจะแข่งขันในเชิงราคาน้อยลง นอกจากนี้ยังมีการเจรจากับโอปองแปงและ Mcdonalds ผลิตอาหารประเภทเป็ดใหม่ๆ gross margin สูงใกล้ๆ 30% น่าลองไปชิมดูนะครับ
นักลงทุนระยะยาว : CK (34), SCC (630)
CK (34) (1)Mega projects เช่นรางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปี 2559 (2)การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL (3)นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการของบริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1หมื่น7พันล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญา Q1 ปี 2559 (4)Q3 & Q4 ของปี 2558 sale & earnings ไม่ค่อยดี แต่โครงการ mega projects จะชัดเจนมากขึ้นปี 2559 ทั้งการประมูลและการก่อสร้างจริง ดังนั้นช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK
SCC (630) ผลิตภัณฑ์ olefins ยังคงมี demand แข็งแกร่งทำให้มี spread สูงใกล้เคียง 700 ดอลล่าห์ต่อตันในปีนี้ ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ย 400 ดอลล่าห์ต่อตันในปีที่แล้ว นอกจากนี้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นหลัง Chandra Asri Cracker ในอินโดนีเซียเสร็จสิ้นกระบวนการปรับปรุงระบบการผลิตในปีนี้ ประกอบกับเราคาด demand ปูนซีเมนต์จะเติบโต 3-4% yoy ปีนี้เทียบกับ 0% ในปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐโดยตรง บวกกับโรงปูนใหม่ที่กัมพูชาและอินโดนีเซียจะช่วยดันยอดขายและกำไรให้โตไม่ต่ำ 17% ในปีนี้อีกด้วย
นักวิเคราะห์: ยศพณ แสงนิล , CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154