- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 February 2016 16:26
- Hits: 1899
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ปรับฐานจากแรงขายทำกำไร? เราประเมินว่า SET Index วันนี้จะเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยแม้ว่าปัจจัยหลักที่ชี้นำดัชนี ในขณะนี้คือราคาน้ำมันจะมี Sentiment ดีขึ้นบ้าง และน่าจะสร้างฐานได้แล้ว แต่การเพียงคงกำลังการผลิตของผุ้ผลิตรายใหญ่ จะยังไม่สามารถขจัดอุปทานส่วนเกินราววันละ 1.5 -2.0 ล้านบาร์เรล (ตัวเลขอ้างอิงจาก EIA) ที่การซึบซับอุปทานส่วนเกินออกจากระบบต้องอาศัยเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี พิจารณาจากการเติบโตของ Demand ที่เพิ่มขึ้นราวปีละ 1 ล้านบาร์เรล/วัน
ด้านเศรษฐกิจโลก เริ่มมีโมเมนตัมไปในเชิงลบมากขึ้น ล่าสุดมูดี้ส์ เปิดเผยรายงาน ว่าขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ และภาวะสินเชื่อตึงตัวในบางประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนี้มีมากเกินกว่าที่นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางในประเทศยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกได้
ในแง่ของภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ทั่วโลก เราประเมินว่ากำลังส่งสัญญาณถึงความเปราะบางในรอบหลายปี โดยมีข้อสังเกตจาก ประเทศที่เป็น โรงงานหลักๆ ของโลก อย่าง จีน และเกาหลีใต้ ที่รายงานตัวเลขส่งออก ม.ค. ออกมาหดตัวถึง 11.2% และ 18.5% ตามลำดับ ขณะที่ประเทศที่เป็น Port หลักของเอเชีย อย่างสิงคโปร์ ประกาศตัวเลขส่งออก ม.ค. หดตัว 9.9% ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็ในแถบ Intra Asia กำลังหดตัวลงตัว
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดปัจจัยที่คอยพยุงตลาดในระยะสั้นนี้ อย่างการประกาศผลประกอบการจะค่อยๆ จะมีน้ำหนักลดลง หาก Outlook ของเศรษฐกิจ ยังอยู่ในทิศทางไม่สดใสนัก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่เปราะบางอยู่แล้ว แต่อาจถูกกระทบเพิ่มเติม จากปัจจัยต่างประเทศ และภัยแล้ง
นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปลายก.พ. – ต้นมี.ค. กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทาง ประกอบด้วย (1) รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ 148 กิโลเมตร (2) ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ 131 กิโลเมตร (3) ช่วงนครปฐม - หัวหิน 170 กิโลเมตร และ (4) ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร 167 กิโลเมตร
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(0) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -40.40, NASDAQ -46.53, S&P -8.99, FTSE -58.37 CAC +6.29 และ DAX +86.43
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนใหญ่ปิดตัวในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดัน จากการขายทำกำไร หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกรีบาวน์ได้ตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา ประกอบกับ ราคาน้ำมันที่เริ่มลดช่วงบวกลงหลังจากรับข่าวการคงกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ไปแล้ว อีกทั้งตลาดยังได้รับความผิดหวังจากกรณี วอล-มาร์ต ที่นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มยอดขายของบริษัท
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +11 เซนต์ ปิดที่ 30.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ BRENTส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง -22 เซนต์ ปิดที่ 34.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันได้รับแรงกดดัน หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA)ประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล ไปแตะที่ระดับ 504.1ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +14.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,226.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการการที่สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ และราคาน้ำมันเริ่มกลับมาอยู่ในแดนลบอีกครั้ง
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,245 ล้านบาท สะสม YTD
-9,848 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.06 1.72 3.43
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,993.39
สถาบัน +183.01
บัญชีหลักทรัพย์ -1212.00
ต่างประเทศ 1245.00
ในประเทศ -216.01
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 โดยคาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.07 อยู่ที่ 1.74% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.67 อยู่ที่ 21.64
หุ้นแนะนำ : TWPC
นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค โทร.02-684-8796