WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Test 1330
ตลาดหุ้นวานนี้:
      ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ขยับขึ้นอย่างโดดเด่น ทะลุด่าน 1,307 / 1,315 จุด ผลักดันด้วยหุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / SCC อีกทั้งเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า ทำให้สถาบันภายในประเทศกลับมาเร่งสะสมหุ้นเพิ่มขึ้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 25.60 จุด มาอยู่ที่ 1,320.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,302.83 ล้านบาท
     เม็ดเงินทุนต่างชาติยังคงหนาแน่น ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 1,454 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 7,556 สัญญา แม้ว่าจะขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 มากถึง 9,808 ล้านบาท คาดว่าเป็นการปรับเงินลงทุนสูงสินทรัพย์เสี่ยง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
- กลุ่มโอเปก และรัสเซีย เตรียมหารือเพื่อกำหนดเพดานกำลังการผลิตน้ำมันในวันที่ 1 มี.ค.
- ผลตอบแทนปันผล ณ ปัจจุบันของไทย 3.7% มากกว่าผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีที่ 2.045% คาดจะยังเห็นเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
- การประชุม ครม. คาดรองนายกฯ สมคิด นำเสนอมาตรการกระตุ้นระยะสั้นวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท

มุมมองต่อตลาด
     หลัง SET INDEX สามารถทะลุแนว 1,307 / 1,315 จุดได้ภายในวันเดียวของวันศุกร์ที่ผ่านมา เราประเมินว่าภาพรวมของการลงทุนจะยังเป็น "กลางถึงบวก" ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมของการลงทุนจะเป็นกลางไม่มีความโดดเด่นก็ตาม แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่
- เม็ดเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าตลาดเอเชียเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดกลุ่ม TIP อย่างอินโดนีเซียและไทย ด้วยภาพเศรษฐกิจที่เห็นการฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมา
- ผลตอบแทนปันผลของไทย ณ ปัจจุบัน 3.7% เทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ที่ 2.045% ทำให้เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะขายตลาดตราสารหนี้ และเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะกลับมาซึมตัวอีกครั้ง แต่ก็เป็นไปอย่างจำกัด ประเมิน NYMEX แกว่งแคบระหว่าง US$29-33/barrel ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / SCC ทรงตัวได้ดี อีกทั้งราคา ณ ปัจจุบันสะท้อนปัจจัยเสี่ยงของราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำไปมากแล้วเช่นกัน
ขณะที่กลุ่ม Domestic Play นำโดยกลุ่มธนาคาร จะกลับมาโดดเด่นในช่วงนี้ เพื่อเก็งกำไรต่อการประกาศเงินปันผลงวดปี 2558 หรือ 2H58 ตั้งแต่สัปดาห์นี้จนถึงต้นเดือนมี.ค. บวกกับราคาหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ปรับฐานลงมาแรงมากในช่วงก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะฟื้นตัวเด่นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานยังมี upside gain ที่สูง
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,310-1,325/1,330 จุด มูลค่าการซื้อขายจะหนาแน่นขึ้นเป็นระดับใกล้เคียง 5.0 หมื่นล้านบาท เพราะเมื่อต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง SET INDEX ปิดทะลุแนวต้านก่อนหน้าทีทดสอบมาหลายครั้ง ย่อมทำให้จิตวิทยาการลงทุนกลับมาเป็นบวกมากขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน
     เราแนะนำให้ "นักลงทุนทยอยขายทำกำไรบางส่วนที่บริเวณ 1,330 จุด +/- ขณะที่จับจังหวะทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย"

Speculative Buy: PTTGC / TPIPL

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "เก็งกำไร" ได้แก่
1. PTTGC : ราคาปิด 56.00 บาท ราคาเหมาะสม 60.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะปรับตัวขึ้นเด่นในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX +5.2% และ BRENT +5.1% dod เนื่องจากสหรัฐฯรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน และ IEA คาดว่าปริมาณการผลิต Shale Oil ในปี 2559 จะลดลง 6 แสนบาร์เรลต่อวัน
b) ประกาศเงินปันผล 2H58 หุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.3% ขึ้น XD วันที่ 25 ก.พ.
c) คาดกำไรสุทธิ 1Q59 จะดีขึ้น qoq เนื่องจากมีโอกาสน้อยที่จะมีผลขาดทุนจาก Stock น้ำมันเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับ 4Q58 ที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบดูไบสิ้นสุดวานนี้อยู่ที่ US$31.86/barrel เทียบกับสิ้น 4Q58 ที่ US$32.37/barrel และสิ้นสุด 3Q58 ที่ US$46.40/barrel
d) Valuation ยังไม่แพง ซื้อขายระดับ PBV2559 ที่ 1.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD และหุ้นในกลุ่ม ได้แก่ TOP 1.3x, SPRC 1.1x และ BCP 1.1x
2. TPIPL : ราคาปิด 2.24 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่ม High Beta จะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด จากเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง และตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากคาดว่า ECB จะอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม และเฟดมีโอกาสส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.
b) คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q58 ที่ 391 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ -509 ล้านบาท ใน 3Q58 และ -237 ล้านบาท ใน 4Q57
c) จากแรงหนุนของธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งจะสร้างกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาท ใน 4Q58 จากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW ส่งผลให้ TPIPL มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 113 MW ได้แก่ โรงไฟฟ้าความร้อนทิ้ง 40MW และโรงไฟฟ้าขยะ 73MW
d) ขณะที่ธุรกิจที่เหลือ คาดว่าธุรกิจปูนซีเมนต์จะมีกำไรสุทธิราว 150 ล้านบาท แต่ถูกหักลบจากธุรกิจปิโตรเคมีที่คาดว่าจะมีผลขาดทุนราว150 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม TPIPL จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 191 ล้านบาทใน 4Q58 จากค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นราว 1.47 บาทต่อยูโร เนื่องจาก TPIPL มีหนี้สินในรูปสกุลยูโรราว 163 ล้านบาท
e) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2559 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตถึง +1,041.9% เป็น 2,879 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าจำนวน 113MW แบบเต็มปี และคาดว่าธุรกิจปูนซีเมนต์จะฟื้นตัวในปี 2559 จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นตามแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิ US$40 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$500 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 1,454 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 6,191 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสะสมลดลงเป็น 8,384 ล้านบาท
และ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 7,556 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 19,475 สัญญา คาดเป็นการเปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง เมื่อ SET50 Index ทะลุ 830 จุด การทยอยเปิดสถานะ Long ส่งผลให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 3.11 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 7.53 จุด แต่ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิทะลุ 100,000 สัญญา เป็น 107,489 สัญญา
แม้ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 9,808 สัญญา รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 16,598 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 21,997 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยแกว่งในกรอบแคบ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เพียง 0.01bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.66bps ปิดที่ 2.045%

Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 735 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,387 ล้านนบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 เน้นกลุ่ม ICT และ SCC อย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 1,238 ล้านบาท มากกว่าวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,102 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 4,956 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นกลุ่ม ICT และ SCC อย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่ม ICT ถูกกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 308 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 82 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 222 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 152 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 211 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 246 ล้านบาท กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิ 147 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ขายสุทธิสูงสุด 52 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
IEA ประเมินสหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันแทงโอเปกในอีก 5 ปี: IEA ประเมินสหรัฐฯ จะเป็นผู้นำในการผลิตน้ำมันภายในปี 2564 แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ภาพรวมอุปสงค์ - อุปทานของน้ำมันจะกลับสู่สมดุลย์ภายในปี 2560 และหลังจากนั้นสหรัฐฯ จะกลับมาเร่งการผลิตน้ำมัน รวมถึงอิหร่านที่จะกลับมาเร่งกำลังการผลิต IEA ประเมินภายในปี 2564 สหรัฐฯ จะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มนอกโอเปค ตามมาด้วยอิหร่าน และกลุ่มโอเปก ตามลำดับ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง:
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น เดือนก.พ. เท่ากับ 51.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 52.5 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 52.7 จุด เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยภาคการผลิตชะลอตัว การเติบโตของคำสั่งซื้อใหม่ชะลอเช่นกัน
ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนม.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ Bloomberg consensus คาด -0.1% mom เท่ากับเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราเงินเฟ้อแท้จริงเพิ่มขึ้น 0.3% mom มากกว่าที่ตลาดคาด 0.1% mom โดยภาคบริการราคาเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ยุโรป
อียูเสนอให้อังกฤษอยู่ในสถานะพิเศษของกลุ่ม: นายกฯ อังกฤษ ได้เสนอแคมเปญ "Heart and Soul" เพื่อให้อังกฤษคงสมาชิกในกลุ่มอียู หลังนายกฯ ได้คุยกับอียูถึงสถานะพิเศษของอังกฤษ รวมถึงเตรียมกำหนดวันประชาพิจารณ์ต่อการคงสถานะสมาชิกในกลุ่มอียูต่อไปหรือไม่ กำหนดวันที่ 23 มิ.ย.
IMF ประเมินราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวในระดับต่ำอีกยาวนาน: IMF ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบอาจจะทรงตัวในระดับต่ำยาวนานกว่าที่คาดการณ์ พร้อมคาด 6 ประเทศในตะวันออกกลางจะออกใช้กฎหมายภาษี VAT ของราคาน้ำมัน รวมถึงการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีที่ดิน เพื่อช่วยให้รัฐบาลมีรายได้มากขึ้น
ดัชนี PMI การผลิตของอียูชะลอตัว: เดือนม.ค. เท่ากับ 52.7 ต่ำสุดในรอบกว่าปี ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.6 จุด โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเยอรมันหดตัวลงจากภาคการส่งออก
Deutsche Boerse AG หยุดการซื้อขายอนุพันธ์ชั่วคราว: ด้วยการซื้อขาย Eurex เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เนื่องจากมีปัญหาด้านเทคนิค ซึ่งตลาดนี้มีการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย, พันธบัตรเยอรมัน และดัชนีตลาดหุ้น เช่น Euro Stoxx50 Index, DAX Index เป็นต้น
ประธานธนาคารกลางฟินแลนด์ส่งสัญญาณ ECB พร้อมเพิ่มมาตรการ: ทางด้านการเงิน หากมีความจำเป็น เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่มากขึ้น ทำให้ ECB ต้องนำมาพิจารณาถึงผลกระทบ และพร้อมที่จะเพิ่มมาตรการ

จีน
ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
มาเลเซียหยุดการจ้างงานพนักงานต่างชาติ: มาเลเซียเตรียมหยุดชั่วคราวในการจ้างพนังงานต่างชาติ ถือเป็นนโยบายการจ้างงานของรัฐบาลที่กลับไปกลับมาในเดือนก.พ. หลังมีการประท้องถึงนโยบายการจ้างงาน ทั้งนี้รัฐบาลจะมีการพิจารณาถึงระบบการจ่ายผลตอบแทนของพนักงานต่างชาติในมาเลเซีย

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!