- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 February 2016 18:54
- Hits: 635
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนได้แต่กรอบลบแคบ ก่อนลุ้นขยับขึ้นต่อตามคาด
กลยุทธ์ : หลังจาก SET รีบาวด์ขึ้นมาค่อนข้างเร็วในช่วง 2 วันนี้ จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรกดดันบ้าง แต่ FSS ยังคาดว่าเป็นการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ โดยคาดว่ายังลุ้นดัชนีขยับขึ้นไปใกล้เคียง 1350 จุดได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นยังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอขายสูงต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, AUCT, SAMART(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ช่วงเช้า SET ขยับบวกตามภาวะตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในด้านบวก หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวขึ้นได้ดี ประกอบกับนักลงทุนยังมีความหวังว่าที่ประชุม ECB ในช่วงต้นเดือนหน้าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตามในภาคบ่ายตลาดหุ้นไทยเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันอีกครั้ง ทำให้ SET อ่อนตัวลงไปแดนลบเล็กน้อย ก่อนจะปิดเป็นบวกแคบๆ แสดงอาการอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคค่อนข้างมาก ขณะที่เช้านี้แม้ว่าจะมีแรงหนุนจากการปิดบวกกว่า 1% ของตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ตลาดหุ้นในเอเชียหลายแห่งเริ่มเปิดทำการด้วยการแกว่งตัวผันผวนและมีจังหวะพักตัวให้เห็นบ้าง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกลับมาปรับตัวลงอีกครั้ง หลัง 4 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เห็นพ้องกันที่จะให้ตรึงกำลังการผลิต แต่ไม่มีการแสดงท่าทีว่าจะปรับลดกำลังการผลิตลง จึงทำให้ตลาดน้ำมันยังอยู่ในภาวะ Oversupply ต่อไป ดังนั้น FSS คาดว่า SET อาจจะมีจังหวะอ่อนตัวลงต่อได้ แต่กรอบลบน่าจะค่อนข้างจำกัด โดยยังมีลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ตลาดพลิกกลับไปแกว่งบวกต่อได้ในเร็วๆ นี้
แนวรับ 1287-1285 , 1282-1278 จุด
แนวต้าน 1294-1298 , 1304-1308 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$302ล้าน นำโดยไต้หวัน US$259.1ล้าน และเกาหลีใต้ US$32.7ล้าน ขณะที่ไหลออกเวียดนามประเทศเดียว US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นหลังคาดการณ์ว่า ECB จะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติม และสหรัฐและจีนที่เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) การเจรจาลดกำลังการผลิตน้ำมันเป็นไปได้ยาก ล่าสุด 4 ผู้ผลิตน้ำมัน (ซาอุฯ รัสเซีย กาตาร์ เวเนซุเอล่า) ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 25% ของโลก เห็นพ้องตรึงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับการผลิตของเดือนม.ค. แต่ทั้งนี้อยู่บนเงื่อนไขว่าผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นต้องปฎิบัติตามด้วย ซึ่งมองว่าเป็นไปได้ยากในเร็วๆนี้ เนื่องจากอิหร่านยังต้องการเพิ่มการส่งออกน้ำมันเพื่อชดเชยช่วงที่ถูกคว่ำบาตร ทำให้ตลาดน้ำมันจะยังอยู่ในภาวะ Oversupply ต่อไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันปิดลดลง 1.4-3.6%
(+) BEAUTY กำไรสุทธิ 4Q15 มีแนวโน้มดีกว่าที่เราคาดไว้เดิม 120 ล้านบาท เป็นไปได้ที่จะสูงถึง 130-140 ล้านบาท จาก High Season ซึ่งทำให้ยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิลเพิ่มขึ้นทะลุ 800 บาท/เดือน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สัดส่วนลูกค้าชาวจีนและตะวันออกกลางรวมกันแตะ 30% ของยอดขายรวม มากกว่าคาดการณ์ของเราที่ 25% ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีมาร์จิ้นสูง จึงมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ เราคาดไม่ต่ำกว่า 0.07 บาท/หุ้น ส่วนปี 2016 บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 20% จากการขยายสาขา ออกสินค้าใหม่ และเพิ่มช่องทางการขายผ่านสื่อออนไลน์ เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 6.10 บาท
(0) KTC การประชุม Opportunity day วานนี้ ผู้บริหารยังคงเป้าเพิ่ม Market share ซึ่งหมายถึงการใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น ทำให้กำไรปี 2016 ไม่โต เป็นไปตามที่เราคาดว่ากำไรปีนี้จะทรงตัว (แต่ไปเติบโตในปีหน้า) ประเด็นการลงทุนของ KTC ในปีนี้จึงไม่ใช่การเติบโต แต่เป็นความแข็งแกร่งของคุณภาพสินทรัพย์จาก NPL ที่ต่ำ ขณะที่ราคาหุ้นเหลือ upside เพียง 8% จากราคาพื้นฐานที่ 94 บาท ความน่าสนใจจึงไปอยู่ที่หุ้นตัวอื่นในกลุ่มมากกว่า เรายังคงแนะนำถือ KTC หรือ switch เป็น MTLS (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) GL (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) และ LIT (ราคาพื้นฐาน 10 บาท)
(0) SPRC พลิกเป็นกำไรสุทธิ 1,846 ล้านบาทใน 4Q15 จากที่ขาดทุนใน 3Q15 และ 4Q14 และผิดไปจากที่เราคาดว่าจะขาดทุน จากค่าการกลั่นที่สูงกว่าที่เราคาดมาก และประกาศจ่ายปันผล 0.26376772 บาท/หุ้น (yield 2.9%) XD 9 พ.ค. สำหรับปี 2016 เราคาดกำไรลดลงตามค่าการกลั่นที่จะชะลอในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการหลังรับฟังข้อมูลจากผู้บริหารในวันที่ 19 ก.พ. นี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวพุ่งขึ้นได้ค่อนข้างแรงโดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารและค้าปลีก รวมถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นของจีน
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ปิดค่อนมาในแดนลบจากราคา Commodity ที่ลดลง ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่กระจัดกระจายบดบังปัจจัยบวกจากคำพูดของประธาน ECB ในเรื่องการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมหลังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 35.55-35.70 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 0.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 29.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังนักลงทุนผิดหวังข่าวที่ว่า 4 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เห็นห้องว่าให้ตรึงกำลังการผลิตโดยไม่มีการปรับลดแต่อย่างใด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงแรง 31.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,208.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาและโยกเงินเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวบวก
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17-ก.พ. - ไต้หวัน: 4Q15 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts & Building permits (ม.ค.), Fed Minutes จากการประชุม 26-27 ม.ค.
18 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- สหรัฐ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
19-ก.พ. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ เนื่องในวัน Chhatrapati Shivaji
- สิงคโปร์: 2015 GDP
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
20-ก.พ. - ไทย: ยอดขายรถ (ม.ค.)
22-ก.พ. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ เนื่องในวันมาฆบูชา
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.พ.)
23-ก.พ. - สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.), ยอดขายบ้านเก่า (ม.ค.), ดัชนีราคาบ้าน S&P/CaseShiller Index (ธ.ค.)
24-ก.พ. - ฮ่องกง: 2015 GDP (ตลาดคาด +2.3% ชะลอจากปีก่อนที่โต 2.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่(ม.ค.)
25-ก.พ. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการ วันปฎิวัตประชาชน Edsa People Power
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch