- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 July 2014 17:32
- Hits: 2232
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มผันผวนบวก/ลบ ทำให้ยังลุ้นรอบปรับพัก ดังนั้นรอซื้อลบดีกว่า!
กลยุทธ์ : แม้ว่าเมื่อวานนี้ SET จะยังปิดบวกต่อเนื่องได้ แต่ก็มีจังหวะแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน และมีจังหวะย้อนเป็นลบให้เห็นบ้างแล้วด้วย ทำให้ยังต้องระวังการแกว่งพักตัวลงอยู่ ดังนั้นช่วงนี้เรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงเช่นเดิมไว้ก่อน โดยถ้าเข้าเทรดดิ้งช่วงบวกก็ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ส่วนพอร์ตลงทุนยังสามารถถือต่อเนื่องไว้ก่อนได้ เพื่อรอจังหวะขายปรับพอร์ตแถว 1520 จุดหรือสูงกว่าต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BEAUTY, DRT, BH(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐสามารถพลิกกลับมาปิดบวกอีกครั้ง หลังจากรายงานการประชุมของเฟดรอบที่ผ่านมาไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐด้วย ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็สามารถพลิกกลับมาเปิดแกว่งตัวด้านบวกได้เช่นกัน ดังนั้นโอกาสที่ SET จะยังมีจังหวะแกว่งตัวด้านบวกต่อเนื่องจึงยังมีความเป็นไปได้อยู่ อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าแรงขายทำกำไรที่กดดัน SET ในระหว่างวันต่อเนื่องมาเกือบ 2 สัปดาห์ก็น่าจะยังมีออกมากดดันตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในวันนี้ โดยเฉพาะท้ายสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นบ้านเราจะติดวันหยุดพิเศษด้วย ทำให้เราคาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวผันผวน และยังต้องระวังการปรับตัวลงอยู่เช่นเดิม เราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อในช่วงตลาดปรับตัวลงดีกว่าอยู่
แนวรับ 1506-1503 , 1500-1495 จุด แนวต้าน 1510-1513 , 1516-1520 จุด
Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเกือบทุกตลาด ยกเว้นไทย ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายตลาดหุ้นไต้หวัน US$63.6 ล้าน เกาหลีใต้ US$58.8 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$5.0 ล้าน และเวียดนาม US$1.9 ล้าน แต่ซื้อตลาดหุ้นไทย US$59.9 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบาง แต่บาทแข็งค่า Flow น่าจะยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) รายงานการประชุม Fed ไม่ surprise ตลาด ทำให้มีการขายดอลลาร์ต่อ (ค่าเงินดอลลาร์อ่อน) เพื่อนำมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เห็นได้จากราคาทองคำและน้ำมันขยับขึ้น ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้สดใส โดยในรายงานการประชุม Fed เมื่อคืนนี้ ระบุถึง 4 เรื่องคือ 1. มีแนวโน้มสูงที่ QE จะสิ้นสุดในเดือน ต.ค. นี้ (ปัจจุบันขนาดของการซื้อสินทรัพย์อยู่ที่เดือนละ US$3.5 หมื่นล้าน) เป็นไปตามที่เราและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด 2. ไม่ได้พูดถึงการเริ่มขึ้นดอกเบี้ย แต่พยายามชี้นำตลาดว่าดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับต่ำไปเพราะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มศักยภาพ 3. การ Exit หรือลดขนาดสินทรัพย์ของ Fed จะไม่มีการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ แต่จะปล่อยให้หมดอายุตามเวลาและไม่ re-invest ต่อ และ 4. จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Discount rate (อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ไปกู้จาก Fed ในช่วงวิกฤต) และ Reverse repo rate (การจ่ายดอกเบี้ยบน excess reserve) รายงานของ Fed เป็นสัญญาณบวกต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง
(+) CPF กำไรปกติใน 2Q14 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 8 ไตรมาส โดยเราคาดว่ากำไรปกติจะเพิ่ม 29% Q-Q และพลิกจากขาดทุนในปีก่อน จากการฟื้นตัวของราคาหมูในประเทศและการฟื้นตัวของธุรกิจต่างประเทศ ส่วนธุรกิจไก่และกุ้งยังไม่ดีเท่าที่ควร ในไตรมาสนี้จะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น CPALL เล็กน้อย ทำให้กำไรสุทธิเพิ่ม 43% Q-Q และ 79% Y-Y ประเด็นที่สหรัฐปรับลดอันดับไทยเรื่องการค้ามนุษย์ลงสู่ Tier3 แทบไม่กระทบ เพราะลูกค้าที่เคยระงับการสั่งซื้อไป ปัจจุบันกลับมาซื้อเป็นปกติแล้ว เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นหลังประกาศงบการเงิน 13 ส.ค. ปัจจุบันคาดกำไรปกติ 7.8 พันล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุน 1.5 พันล้านบาทในปีก่อน เบื้องต้นยังคงเป้าหมายปีนี้ที่ 33 บาท และยังคงแนะนำซื้อ คาดจ่ายปันผลครึ่งปีแรก 0.35 บาท/หุ้น (yield 1.3%)
(+) AAV กำไร 2Q14 จะเป็นจุดต่ำสุด จากการเมืองและการประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ทำให้เราคาดกำไรสุทธิใน 2Q14 ลดลง 57% Q-Q และ 77% Y-Y เหลือ 60 ล้านบาท และน่าจะเป็นจุดต่ำสุดในปีนี้ เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 33% เหลือ 736 ล้านบาท ลดลง 29% Y-Y ส่วนปี 2015 คาดกำไรสุทธิโตก้าวกระโดด 96% Y-Y จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การรับมอบเครื่องบินเพิ่ม 5 ลำในปีนี้ (เพิ่มจากแผนเดิมที่ 4 ลำ) การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของสายการบินไทยแอร์เอเชีย (AAV ถือ 55%) โดยไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ที่เปิดบริการตั้งแต่ 17 มิ.ย. 2014 จะช่วยส่งผ่านผู้โดยสารไปยังสายการบินไทยแอร์เอเชีย เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 5.70 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมขาย และชอบมากกว่า NOK
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมารีบาวด์กลับขึ้นมาได้หลังจากปรับตัวลดลงช่วง 2 วันก่อนหน้า หลังจากรายงานการประชุม FED มีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานโดยคาดว่าจะสิ้นสุด QE ในเดือนตุลาคมนี้ โดยไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในกรอบแคบๆก่อนมีการเปิดเผยรายงานการประชุม FED
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบๆ โดยตลาดจับตาดูตัวเลขดุลการค้าจีนเช้านี้
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรงจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าและแรงหนุนหลัง FED ไม่ได้ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย โดยล่าสุดแกว่งอยู่ในกรอบ 32.07-32.20 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงอีก 1.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดที่ 102.29 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนคลายความกังวลต่อปัจจัยด้านอุปทานจากการที่ลิเบียสามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 7.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,324.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้า นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลังจากรายงานการประชุม FED ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ก.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.), TISCO รายงานผลประกอบการ 2Q14
- จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.), สินเชื่อ (มิ.ย.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- สิงคโปร์: 2Q14 GDP
14 ก.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารทยอยประกาศผลประกอบการ
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ค.)
15 ก.ค. - ไทย: รฟท.จัดประมูลรถไฟรางคู่สัญญา 1 วงเงิน 1.02 หมื่นล้านบาท
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.ค.)
16 ก.ค. - จีน: 2Q14 GDP
- สหรัฐ: PPI (มิ.ย.), รายงาน Beige Book
17 ก.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (มิ.ย.)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (มิ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852