- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 February 2016 16:45
- Hits: 1540
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'มีโอกาสปรับขึ้นต่อ'
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: PTTGC(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : ANAN 65%, GLOBAL 33%, TTCL 23%, SAMART 13%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก และมีลุ้นปรับขึ้นต่อ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1300,1310-1320 หลุด 1280
SET50 ซื้อค่าบวก 820, 830-840 หลุด 800
Technical Picks - Today TCAP, GL, CPN, SMT, ASIMAR, XO, PTTGC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวานนี้รีบาวด์เหมือนต่างประเทศ ปิดตลาด SET Index +11.91 จุดที่ 1288.40 นำโดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ซึ่งได้อานิสงค์ทางบวกจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งมี Valuation จูงใจ นักลงทุนสถาบันในประเทศ พอร์ตบล. และต่างชาติซื้อสุทธิ แต่กลุ่มละไม่มาก ส่วนรายย่อยขายสุทธิ
ภาพระยะสั้นของตลาดหุ้นยังเป็นบวก เมื่อพิจารณาจากดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับขึ้น 230-240 จุด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% ในเช้าวันนี้ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นต่อ เนื่องจากมีข่าวว่าผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกคือซาอุดิอาระเบียและรัสเซียจะประชุมกันที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งตลาดคาดหวังว่าจะมีแนวทางในการพยุงราคาน้ำมันที่ตกต่ำร่วมกัน หุ้นเด่นในช่วงสั้นจึงเป็นกลุ่มพลังงาน ในเชิงกลยุทธ์เราชอบ PTTEP, PTT, PTTGC (เมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้น PTTGC จะมีมาร์จิ้นดีกว่าโรงกลั่นอื่น เพราะวัตถุดิบเป็น Gas base ที่ราคาปรับขึ้นช้ากว่าน้ำมัน) เนื่องจากผลประกอบการปี 2016 มีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2016, Forward P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เลือกเป็น PTTGC
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวกเล็กๆ โดยลุ้นรีบาวด์ต่อ แนวต้านระยะสั้น 1300, 1310-1320 จุด เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1280 จุด ควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 820, 830-840 จุด และมีจุด Stop loss ที่ 800 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น GL, SMT, TCAP ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BBL, SUPER, ASK, VIBHA, AP, THCOM, EASTW, WIIK, TPIPL, CKP
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ตลาดมีความหวังว่า ECB และ BOJ จะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม เมื่อวานนี้นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวต่อรัฐสภายุโรปเมื่อวานนี้ว่า ECB พร้อมทำการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มี.ค.2016 หากยังมีความผันผวนในตลาดการเงินในระยะสั้น และผลกระทบในระยะยาวจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็อาจใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่หดตัวใน 4Q15 (-1.4%) เพราะการบริโภคอ่อนแอ
+ มีข่าวว่าผู้ผลิตน้ำมัน 2 รายใหญ่ของโลก คือ ซาอุอาระเบียกับรัสเซียนัดประชุมกันวันนี้ (16 ก.พ.) โดยจะมีเวเนซูเอล่าและกาตาร์เข้าร่วมด้วย การประชุมจัดที่ประเทศกาตาร์ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ที่ซื้อขายทางระบบอิเล็คทรอนิกส์ปรับขึ้น 1.26 ดอลลาร์ (+4.3%) เป็น 30.70 ดอลลาร์/บาร์เรลในเช้าวันนี้
คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะยังช่วยหนุนตลาดหุ้นในระยะสั้นต่อ ซึ่งเราเห็นว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นและมี Forward P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า คือ PTT, PTTEP และ PTTGC
เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดย Dollar Cash Index เพิ่มเป็น 96.269 จุดเมื่อวานนี้ หลังจากลงไปต่ำสุดที่ 95.236 จุดใน 2 วันทำการก่อน
+ ภาพระยะสั้นของตลาดหุ้นยังเป็นบวก ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์สหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวัน President's Day แต่แนวโน้มระยะสั้นเป็นบวก เมื่อพิจารณาจากดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับขึ้น 230-240 จุด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% ในเช้าวันนี้ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นต่อ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
สศช.รายงาน GDP Growth ประจำปี 2015 ของไทยเท่ากับ 2.8% และปรับคาดการณ์ของปี 2016 เป็น 2.8-3.8% โดยมีค่ากลาง 3.3% (จากเดิมที่ 3.0-4.0% และค่ากลาง 3.5%) เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าคาด เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาทำให้การส่งออกยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย
PTTGC (ราคาปิด 53 บาท) : รายงานกำไรปี 2015 เพิ่มขึ้น 33% เป็น 20.5 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิ 4Q15 เท่ากับ 4.69 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 5.1 พันล้านบาทใน 4Q14 และเติบโต 290%QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1.30 บาท XD 25 ก.พ.2016
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2016 คาดว่าจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตจากปีก่อน เพราะราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทำให้ Margin โรงกลั่นบริษัทมีกำไรดีกว่าโรงกลั่นอื่นๆ เพราะใช้วัตถุดิบเป็น Gas base ซึ่งราคาปรับขึ้นช้ากว่าน้ำมัน
ในด้าน Valuation ก็จูงใจ โดยราคาปัจจุบัน 53 บาท ซื้อขายที่ P/BV ปี 2016 ที่ 0.9 เท่า มี EV/EBITDA 5.3 เท่า ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.3 เท่า และจ่ายปันผลดี คาดการณ์ Dividend Yield ปี 2016 ไว้ที่ 5% ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ
GL (ราคาปิด 21.80 บาท) : ผลประกอบการ 4Q15 ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในปี 2016 โดยเรามองว่า Key Growth ของปีนี้มาจากธุรกิจในกัมพูชาและลาว ซึ่งในกัมพูชาเติบโตดีทั้งในส่วนธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และแผงโซลาร์เซลล์ในชนบทที่ระบบไฟฟ้าส่วนกลางยังไปไม่ถึง ส่วนในลาวที่เพิ่งได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจไปเมื่อพ.ค.2015 ก็สามารถทำกำไรได้แล้วตั้งแต่ 4Q15 และมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2016
GL ตั้งบริษัทร่วมทุนและกำลังจะเริ่มทำธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ในชนบทของอินโดนีเซีย (GL ถือหุ้น 65%, J-Trust ถือ 20% และพันธมิตรในท้องถิ่นถือ 15%) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นใน 1H16 โดยบริษัทคาดว่าจะทำกำไรได้ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการ ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนจะไม่ได้ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อ แต่เป็นธุรกิจบริหารจัดการโดยมีรายได้เป็นค่าธรรมเนียมบริหารและมีแต่ต้นทุนดำเนินงาน โดยทาง J-Trust จะเป็นผู้จัดการด้านเงินทุนทั้งหมด ดังนั้น GL จึงไม่ต้องใส่เงินลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนเข้าไปในบริษัทร่วมทุนนี้มากนัก เราคาดว่าธุรกิจในอินโดนีเซียจะทำกำไรยังไม่มากในปี 2016 แต่จะเห็นชัดเจนขึ้นในปี 2017 เป็นต้นไป บริษัทกำลังศึกษาที่จะขยายธุรกิจไปในเมียนมาร์และเวียดนาม เพราะเห็นว่าเป็นตลาดที่น่าจะเติบโตได้สูง ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 2016-2017 จะเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องที่ 64% และ 39% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 28 บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]