WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  มีโอกาสปรับขึ้น? ตาม Sentiment ที่ดีของตลาดต่างประเทศ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ภายใต้ความคาดหวังในเชิงบวกต่อการเจรจาของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในการลดปริมาณผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตามระดับราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้คาดยังมีผลกดดันต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มพลังงานอยู่ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดค้าปลีกที่ออกมาดี
  อย่างไรก็ตามแนะติดตามตลาดหุ้นจีน ที่จะเปิดทำการเป็นวันแรก (หลังหยุดไป 1 สัปดาห์ ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง) ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับภาพรวมตลาดฯ ได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนของปัญหาเศรษฐกิจจีน แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร
  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ โดยยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงปลายก.พ. ส่วนทางด้าน Fund Flow มีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิสลับกันไป ล่าสุด YTD ยอดขายสุทธิสะสม สูงกว่า 14,500 ล้านบาท และยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.65 – 35.67 บาท อ่อนค่าจากวันก่อนหน้าที่ 35.57 บาท อย่างไรก็ตามคาดยังมีแนวโน้มแข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
  อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
  ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
  (2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +313.66, NASDAQ +70.68, S&P +35.70, FTSE +170.63, CAC +98.35 และ DAX +214.64
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หลังกลุ่มโอเปก แสดงความพร้อมที่จะเจรจากับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยยอดค้าปลีก – ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อธ.ค. และสูงกว่าคาดที่ระดับ 0.1% แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นก.พ. ลดลงเกินคาดสู่ระดับ 90.7 จาก 92.0 ในช่วงท้ายเดือนม.ค.
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังดอยช์แบงก์ออกแถลงการณ์ว่าธนาคารจะซื้อคืนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ของธนาคารจำนวนมากกว่า 5 พันล้านUSD และพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นกู้ไม่มีประกันสกุล
ยูโร มูลค่า 3 พันล้านยูโร (3.38 พันล้านUSD) และทำคำเสนอซื้อหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ มูลค่าอีก 2 พันล้านดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$3.23 อยู่ที่ US$ 29.44ต่อบาร์เรล โดยตอบรับในเชิงบวกต่อคำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ก่อให้เกิดความหวังว่าผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถจับมือกันลดกำลังการผลิต เพื่อผลักดันให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$8.4 อยู่ที่ US$ 1,239.4 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไรหลังสัญญาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -992 ล้านบาท สะสม YTD
-14,584 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.18 1.72 3.38
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 37,112.07
สถาบัน -3,416.04
บัญชีหลักทรัพย์ +706.64
ต่างประเทศ -991.82
ในประเทศ +3,701.22

ประเด็นที่ต้องติดตาม 15 - 19 ก.พ. 2559
  15/2/59 : ไทย – ตัวเลข GDP – 4Q/58 และ ปี’58 คาดขยายตัว 2.7%yoy (ชะลอตัวจาก 2.9%เมื่อ 3Q/58) และ 2.8% (ดีขึ้นจาก 0.9%เมื่อปี’57) ตามลำดับ
   ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประธานาธิบดี

16/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีการผลิตเดือนก.พ.
   ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.
   เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนธ.ค.

17/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค.
   ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.
   การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนม.ค.
   สต็อกน้ำมัน

18/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
   ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติกเดือนก.พ.
   ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.

19/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.
  (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
  (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
  (6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.10 อยู่ที่ 1.75% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -2.74 อยู่ที่ 25.40
  หุ้นแนะนำ : PS

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!