- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 February 2016 17:34
- Hits: 661
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET พักตัวพอควรแล้ว คาดเตรียมขึ้นใหม่ ดังนั้นซื้อลบแล้วถือ
กลยุทธ์ : สัปดาห์ที่แล้ว SET ปรับพักตัวลง หลังจากช่วงก่อนหน้าดัชนีขยับขึ้นมาพอควรแล้ว ซึ่ง FSS คาดว่าเป็นการพักตัวช่วงสั้น ก่อนลุ้นพลิกกลับไปรีบาวด์ขึ้นใหม่ตามคาด ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบแล้ว แนะนำให้เน้นถือ เพื่อรอลุ้นโอกาสขยับขึ้นหาเป้าหมาย 1350 จุดหรือใกล้เคียงต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TWPC, HFT, THAI(buy back)
แนวโน้ม : สัปดาห์ที่แล้ว SET อยู่ระหว่างการปรับพักตัวย้อนลบ โดยเฉพาะลงแรงพอควรในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอ่อนแอต่อเนื่อง เพราะการเจรจาเพื่อแก้ปัญหา Oversupply ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ช่วงปรับตัวลงก็ยังพอที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุน SET ให้เริ่มมีจังหวะแกว่งทรงตัวได้บ้าง ก่อนที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะมีจังหวะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้แรงในช่วงสิ้นสัปดาห์ โดยราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นมาปิดเป็นบวกถึงกว่า 12% เพื่อขานรับคำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของ UAE ที่สร้างความหวังให้กับนักลงทุนว่าผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถจับมือกันเพื่อลดกำลังการผลิตได้ในที่สุด ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปพลิกกลับมาปิดเป็นบวกได้แรงพอควร ประกอบกับมีข่าวว่าดอยช์ แบงก์ เตรียมซื้อคืนหุ้นกู้บางส่วน ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับดอยช์ แบงก์ลงได้บ้าง ซึ่งตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ตอบรับไปในเชิงบวก ดังนั้น FSS ยังคาดว่าหลังจาก SET พักตัวลงพอควรแล้ว น่าจะเริ่มมีแรงซื้อหนุนให้รีบาวด์กลับขึ้นได้ตามคาด ดังนั้นหลังจากซื้อลบแล้ว เราแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อนได้
แนวรับ 1276-1270 , 1266 จุด
แนวต้าน 1280-1286 , 1290-1294 , 1300(+/- เล็กน้อย) จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$356ล้าน โดยไหลออกหนักสุดที่เกาหลีใต้ US$316.2 ล้าน ตามด้วยไทย US$27.9 ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$1.8 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค และวันนี้จีน ไต้หวัน เวียดนามจะกลับมาเปิดทำการเป็นวันแรกหลังหยุดตรุษจีน แต่แรงขายอาจชะลอเนื่องจากได้รับบรรยากาศเชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแรงหลังมีข่าวว่าโอเปกอาจร่วมกันลดปริมาณการผลิต
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 12% หนุนกลุ่มพลังงาน รมว.พลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวว่า OPEC ส่งสัญญาณร่วมมือลดปริมาณการผลิต เป็นลบต่อ TASCO, VNG, กลุ่มสายการบิน, กลุ่มโรงกลั่น
(+) LIT กำไร 4Q15 ดีเกินคาด +18% Q-Q, +57.5% Y-Y เป็น 21 ล้านบาท และดีกว่า 3Q15 ที่เป็น High season จากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าคาด ส่วนภาพรวมทั้งปี สินเชื่อ +30% รายได้น่าประทับใจ +49% Loan yield เพิ่มขึ้นจากการกระจายไปยังสินเชื่อกลางน้ำซึ่งมีกำไรมากกว่าสินเชื่อปลายน้ำ และกระจายฐานลูกค้าจากภาครัฐสู่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ ทำให้กำไรทั้งปี +47% Y-Y เราปรับกำไรปี 2016 ขึ้น 4.5% เป็น 91 ล้านบาท เติบโต 30% Y-Y ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไปบริษัทมีแผนขยายไปสู่ธุรกิจอื่นในกลุ่มการเงิน เปิดสาขาในต่างจังหวัดและมีแผนซื้อกิจการ เราปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 10 บาทจาก 9.70 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) TVO เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ แต่ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 26.50 บาทจากเดิม 29 บาท เนื่องจาก PE ต่ำเพียง 10.3 เท่าปีนี้และ 9.4 เท่าปีหน้า ขณะที่คาด Dividend yield สูงถึง 8-9% ต่อปี แม้จะคาดว่ากำไรปกติ 4Q15 จะแผ่วลง 68.6% Q-Q และ 51.1% Y-Y เป็นกำไรต่ำสุดของปี และทำให้กำไรปกติปี 2015 หดตัว 5.7% Y-Y เพราะราคาถั่วเหลืองที่ตกต่ำ มุมมองราคาถั่วเหลืองปีนี้ยังเป็นกลางเพราะยัง Oversupply แต่กำไรของ TVO จะโตจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก เราคาด
(-) CENTEL แนวโน้มกำไร 4Q15 อ่อนแอ คาดลดลง 8.8% Y-Y จากรายได้ของธุรกิจโรงแรมที่โตเพียง 1.3% Y-Y เพราะโรงแรมที่มัลดีฟถูกกระทบจากการ renovate ส่วนโรงแรมที่พัทยาและภูเก็ตถูกกระทบจากนักท่องเที่ยวรัสเซียที่หายไป ค่าใช้จ่ายพนักงานสูงขึ้น และมีตั้งสำรองปิดสาขาร้านอาหารเพิ่ม และรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก CTARAF เราปรับกำไรปกติปี 2016 ลง 5% เหลือโตเพียง 7% Y-Y การเติบโตของกำไรผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โครงการลงทุนใหม่ๆจะแล้วเสร็จอย่างเร็วปลายปี 2018 เราปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 41 บาทจาก 47 บาท ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ จากซื้อ
(-) BJC กลายเป็นผู้ซื้อ BIGC และบริษัทย่อย C-Distribution Asia จาก Casino Group โดย TCC Corporation เป็นเพียงผู้ยื่นประมูลและทำสัญญาในฐานะตัวแทน BJC และ BJC จะทำ Tender offer ในราคา 252.88 บาท/หุ้นตามเกณฑ์ คิดเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 2.09 แสนล้านบาท จะมีการขออนุมัติผู้ถือหุ้น 21 มี.ค. นี้ (ต้องได้เสียง 3 ใน 4 โดย TCC มีสิทธิออกสีเยงด้วย) แหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ทั้งหมด ก่อนจะเพิ่มทุนภายหลัง เราปรับลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมซื้อ เพราะไม่ว่ากู้หรือเพิ่มทุน ล้วนไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นใน 1-2 ปีนี้ที่เชื่อว่า BJC มีโอกาสขาดทุนจากภาระดอกเบี้ยจ่าย 8-9 พันล้านบาท/ปี และ D/E จะพุ่งขึ้นเป็น 12-13 เท่า ขณะที่การเพิ่มทุนทำให้เกิด Dilution
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์รีบาวด์ขึ้นมาแรงจากหุ้นในกลุ่มแบงค์ที่พุ่งขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเช่นกัน ขณะที่ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ม.ค. ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปิดบวกเฉลี่ยได้กว่า 2% หลังมีข่าวว่า Deutsche Bank จะซื้อคืนหุ้นกู้บางส่วน ทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวบวกได้แรงเช่นกันการบรรยากาศการลงทุนที่สดใส อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาดูตลาดหุ้นจีนหลังจากปิดทำการในสัปดาห์ที่ผ่านมา
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกข้างหลังจากอ่อนค่าแรงเมื่อวันศุกร์ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.54-35.67 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. พุ่งขึ้น 3.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 29.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่ม OPEC แจจะสามารถตกลงและร่วมมือกันในการปรับลดกำลังการผลิตได้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 8.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,239.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15-ก.พ. - ไทย: 2015 GDP (ตลาดคาดทั้งปี +2.7% Y-Y)
- จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2015 GDP (ตลาดคาด -1.2%)
16 ก.พ. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.พ.)
17-ก.พ. - ไต้หวัน: 4Q15 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts & Building permits (ม.ค.), Fed Minutes จากการประชุม 26-27 ม.ค.
18 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- สหรัฐ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
19-ก.พ. - สิงคโปร์: 2015 GDP
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
20-ก.พ. - ไทย: ยอดขายรถ (ม.ค.)
22-ก.พ. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.พ.)
23-ก.พ. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/CaseShiller Index (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch