- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 12 February 2016 17:57
- Hits: 12117
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี'
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: GL(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : M 23%, GLOBAL 15%, KTC 14%, PTT 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ
Support Resistance Stop Loss
SET 1260,1240-30 1290-1300 ค่าลบ
SET50 790,780-770 820,830 ค่าลบ
Technical Picks - Today KKP, AP, KAMART, CBG
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BTS (จากถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยดิ่งตามตลาดหุ้นยุโรปและราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อ ปิดตลาด SET Index อยู่ที่ 1280.74 (-24.00 จุด) หุ้นหลักส่วนใหญ่ปรับลง ยกเว้นหุ้นปันผลสูงที่ยังพอยืนบวกได้แต่ก็น้อยตัว แรงขายนำโดยพอร์ตบล.และแรงซื้อมาจากรายย่อย ขณะที่สถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อย
สถานการณ์ตลาดหุ้นโลกเมื่อคืนนี้ไม่ดี เพราะความวิตกกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกกดดัน นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ของภาคธนาคารระดับโลกด้วย โดยเฟดเองก็แสดงความประหลาดใจกับการลดลงแรงของราคาพลังงานและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เช้าวันนี้ Sentiment ผ่อนคลายลงบ้าง เพราะดัชนีค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินเยนเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น สำหรับการ Review น้ำหนักการลงทุนรอบก.พ.ของ MSCI พบว่าของตลาดหุ้นปรับเปลี่ยนในรอบนี้ไม่มาก โดยหลักๆ คือ เอาหุ้น KTIS ออกจากการคำนวณใน IMI และ Small Cap Index แต่ไม่มีการเอาหุ้นเข้าและออกจากการคำนวณใน Index อื่นๆ มีเพียงการปรับน้ำหนักลดและเพิ่มเล็กๆน้อยๆเท่านั้น โดยรวมการลงทุนยังต้องระมัดระวังสูงเพราะปัจจัยภายนอกมีความเสี่ยงมากขึ้น การเก็งกำไรตามรอบ ไม่ควรหวัง Gap กำไรมาก หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อโดยเฉพาะจังหวะราคาอ่อนตัววันนี้เป็น GL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ และควรระวังโครงการขาลงในระยะกลางที่จะกดดันให้มีการแกว่งถึงอ่อนตัวแรงได้ แนวต้านระยะสั้น 1290-1300 จุด ค่าลบดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสอ่อนลงไปที่ 1260, 1240-1230 จุด สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 820, 830-840 และ Stop loss ถ้าเป็นลบ โดยมีแนวเด้ง 790, 780-770
การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น AP, THCOM ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BBL, SUPER, ASK, VIBHA หุ้นหลุด List เป็น MTLS, TTA, SYNEX, TPIPL, APCS, WIIK, GUNKUL, MINT หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ S11
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : เฟดประเมินว่าความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกมีมากขึ้น ประธานเฟดยังเน้นย้ำในการแถลงต่อวุฒิสภาว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกสร้างแรงกดดันและเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความเสี่ยงเหล่านี้มากพอที่จะทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ย นอกจากนั้นเฟดยังแสดงความประหลาดใจถึงการดิ่งลงแรงของราคาพลังงานและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา
+ สหรัฐ : ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ก่อนลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ก.พ. โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 281,000 ที่คาดการณ์ไว้
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 254.56 จุด...วิตกปัญหาภาคการเงินโลก หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงร่วงหนักเพราะวิตกว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะกดดันคุณภาพสินทรัพย์ และอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้กดดันผลประกอบการกลุ่มธนาคารในปี 2016 หุ้นเจพีมอร์แกนดิ่ง 4.4% หุ้นแบงก์ออฟอเมริการ่วง 6.8% หุ้นซิตี้กรุ๊ปปรับลงกว่า 6.5% ขณะที่หุ้นโกลด์แมนแซคร่วงกว่า 4%
- หุ้นโบอิ้งร่วงลง 6.8% หลังมีข่าวว่าก.ล.ต.สหรัฐกำลังตรวจสอบการคาดการณ์ยอดขายเครื่องบินและการคำนวณต้นทุนของบริษัท รวมทั้งมีข่าวว่าโบอิ้งกำลังวางแผนปรับลดจำนวนพนักงานในแผนกเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ที่สุดของบริษัท เนื่องจากบริษัทต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
- ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI (ส่งมอบมี.ค.) และ BRENT (ส่งมอบเม.ย.) ลดลง 1.24 และ 0.78 ดอลลาร์ มาปิดที่ 26.21 และ 30.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐว่าพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ 65 ล้านบาร์เรล รวมทั้งอิหร่านประกาศขายตัดราคาน้ำมันในตลาดเอเชีย (ราคาต่ำกว่าซาอุฯ 0.1 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน)
+ ราคาทองคำพุ่งแรงมาก โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.2016 ปรับขึ้นถึง 53.2 ดอลลาร์ หรือ +4.45% ปิดที่ระดับ 1,247.80 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนโยกเงินกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยสูงอย่างทองคำอีกครั้งหลังเฟดย้ำถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก
ค่าเงินดอลลาร์และเยนเช้านี้เริ่มมีเสถียรภาพขึ้น โดยดัชนี Dollar cash index ล่าสุดเช้านี้อยู่ที่ 95.65 หลังลงไปต่ำสุด 95.236 เมื่อวานนี้ ส่วนค่าเงินเยนกลับขึ้นมาเป็น 112.365 เยน/ดอลลาร์ หลังแข็งค่าสุดเมื่อวานนี้ที่ 110.997 เยน/ดอลลาร์
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ออกมากล่าวว่า ทาง BOJ พร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินเยน ซึ่งในตลาดประเมินว่า BOJ ได้เข้าแทรกแซงเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยนในเช้าวันนี้
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
MSCI Quarterly Index Review รอบก.พ.2016...ของไทยปรับเปลี่ยนไม่มาก (หลักๆ คือ เอาหุ้น KTIS ออกจากการคำนวณใน IMI และ Small Cap Index ที่เหลือเป็นการลด&เพิ่มน้ำหนักเล็กๆน้อยๆ) ดังรายละเอียดด้านล่างนี้
# MSCI Thailand Index : ไม่มีเปลียนตัวหุ้น แต่มีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน BTS และ SCB และลดน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน PTT, KBANK-F, CPALL, ADVANC, AOT, SCC-F, PTTGC, BDMS, BH, KBANK
# MSCI Thailand Large Cap Index : ไม่มีเปลียนตัวหุ้น แต่มีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน SCB และลดน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน PTT, KBANK-F, CPALL, ADVANC, AOT, SCC-F, PTTGC, BDMS, PTTEP, KBANK
# MSCI Thailand Mid Cap Index : ไม่มีเปลียนตัวหุ้น แต่มีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน BTS และลดน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน BH, TOP, IRPC, DELTA, BEM, TU, IVL, BEC, HMPRO, EA
# MSCI Thailand IMI Index : ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออกคือ KTIS และมีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน PTT, KBANK-F, SCB, CPALL, ADVANC, AOT, JAS, SCC-F, PTTGC, KBANK
# MSCI Thailand Small Cap Index : ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออกคือ KTIS และมีปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเล็กน้อยใน JAS, KCE, TCAP, SAWAD, HANA, TISCO, STEC, SUPER, WHA, BA
กลุ่มสายการบิน : กพท.จะให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้า-ออกนอกประเทศในอัตรา 15 บาท/คน/เที่ยว ตามพ.ร.ก.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทยพ.ศ.2558 มาตรา 39 (2) โดยจะเรียกเก็บจากผู้ประกอบการสายการบินตามปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งเห็นว่าเป็นอัตราที่ผู้โดยสารต่างประเทศจ่ายได้ ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในคณะกรรมการกบร. และจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมประมาณปลายปี 2016...ผลกระทบต่อผู้ประกอบการสายการบินไม่มากเพราะอัตราที่เรียกเก็บไม่ได้สูง และผลักต้นทุนนี้ไปยังผู้โดยสารได้โดยไม่กระทบกระเทือนความสามารถในการซื้อตั๋วโดยสาร
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค[email protected]