- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 12 February 2016 17:37
- Hits: 786
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ภาวะอึมครึม
คาดหุ้นไทยลงต่อวันนี้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกจากความวิตกที่มากขึ้นเกี่ยวกับธนาคารทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในทิศทางอ่อนตัว ซึ่งยังจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางอยู่แล้ว มาตรการอัตราดอกเบี้ยติดลบกลายเป็นปัญหาเสียเองแทนที่จะเป็นมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำพุ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงินเยน สวิสฟรังค์ พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ตั๋วเงินคลังสหรัฐ สะท้อนการเลี่ยงความเสี่ยง ความกังวลในระดับโลกกลบปัจจัยในประเทศทั้งหมดซึ่งก็ไม่มีข่าวดีอยู่ดี
หุ้นเด่นวันนี้ : SCCC (ราคาปิด 275.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 350.00 บาท)
เราคาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการของบมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง ในปีนี้หลังจากที่เผชิญกับภาวะการชะลอตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยเชื่อว่าจะได้แรงหนุนในปีนี้จากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันของภาครัฐผ่านมาตรการหลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากหญ้า รวมไปถึงการเร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งจะช่วยหนุนให้เกิดความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เพิ่มสูงขึ้นและขยายตัวได้ในระยะยาว โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ขณะที่ตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ ยังคงมีแนวโน้มสดใสในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV จากแผนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่ยังขาดแคลนในประเทศที่กำลังเติบโตเหล่านี้ จากประมาณการกำไรของ Bloomberg consensus คาดว่าจะเห็นกำไรสุทธิปีนี้ฟื้นตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้ว 7% YoY มาอยู่ที่ 4.9 พันลบ. ก่อนที่จะเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าอีก 9% YoY มาอยู่ที่ 5.3 พันลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ระดับ PER ปีนี้ที่เพียง 13.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต 5 ปีที่ 20.0 เท่า และยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึง 5.4-5.9% ต่อปี ในส่วนของ Price Pattern ของ SCCC ได้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ประกอบกับการเกิดสัญญาณ Bullish Divergence แม้จะยังคงถูกกดดันจากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal อยู่ ด้วย แต่คาดว่า Price Pattern ของ SCCC จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นเพื่อไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 316 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 343 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ของ SCCC ในรอบนี้อยู่ที่ 272 บาท (แนวต้าน: 277.00, 279.00, 283.00; แนวรับ: 273.00, 271.00, 267.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ยังเลือกตั้งปีหน้า แม้ร่าง รธน.ไม่ผ่าน รัฐบาลยืนยันวานนี้ว่าแม้ผลประชาพิจารณ์ร่ารัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร ก็จะจัดการเลือกตั้งในปีหน้า โดยถ้าร่างเสร็จใน ก.ค. ปีหน้า การเลือกตั้งจะจัดในเดือนเดียวกัน แต่ถ้าไม่ผ่านการเลือกตั้งก็ยังคงต้องจัดไม่เกิน ธ.ค. 60 (Bangkok Post)
ธปท. มองหาสิ่งช่วยป้องกันความผันผวน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้พิจารณาการเปิดเสรีเคลื่อนย้านเงินทุนเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเงินทุนไหลเข้ากับเงินทุนไหลออก ในการช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มธุรกิจ แม้ว่าประเทศจะยังสามารถควบคุมความผันผวนทางการเงินได้จากบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลในระดับสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงอื่นจากเศรษฐกิจในตลาดที่พัฒนาแล้วยังเป็นความท้าทายต่อการวิเคราะห์สถานการณ์ (The Nation)
นายกเตือนปกป้องสินทรัพย์ทางปัญญาให้เข้มแข็งขึ้น นายกรัฐมนตรี นายประยุทธ์ จันโอชา ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติรายใหม่ๆ และเพื่อให้เป็นไปตามข้อเรียนร้องในกรอบความตกลงการค้าระหว่าประเทศ (Bangkok Post)
สตาร์ทอัพดัน GDP 0.2% ม.หอการค้าไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 66 องค์กรร่วมลงนามส่งเสริมเอสเอ็มอี ยกระดับศูนย์การสร้างผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม (IDE center) เพื่อพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพรายใหม่ โดยคาดว่าหากพัฒนาสตาร์ทอัพขึ้นมาได้ 100 รายจะทำให้เงินสะพัดราว 6 พัน ลบ. และมีการจ้างแรงงานกว่า 7,000 คนแก่ระบบเศรษฐกิจและดัน GDP ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 0.1-0.2% โดยจะช่วยเป็นปัจจัยหนึ่งในการผลักดัน GDP ให้เติบโตถึงเป้าของประเทศที่ 3.5% (Post Today)
BTS (8.05 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 3QFY59 (ต.ค.-ธ.ค. 58) อยู่ที่ 607 ลบ. เพิ่มขึ้น 28% QoQ แต่ลดลง 38% YoY หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 589 ลบ. เพิ่มขึ้น 93% QoQ และ 1% YoY. (SET) ความเห็น: ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ไว้ที่ 389 ลบ.หรือมากกว่า 52% โดยผลประกอบการงวด 9MFY59 (เม.ษ.-ธ.ค. 58) อยู่ที่ 4.1 พันลบ. คิดเป็น 86% ของประมาณการทั้งปีของเรา เราคงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมายงวด FY59 (สิ้นสุด มี.ค. 59) ที่ 11.30 บ. แต่อยู่ในระหว่างทบทวนและปรับราคาเป้าหมายในงวด FY60
ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างร่วงลงเมื่อวันพฤหัส จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและกลุ่มธนาคาร ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแก่หุ้นกลุ่มธนาคารทั่วโลกมาจากความกังวลของนักลงทุนว่าอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ธนาคารกลางหลายแห่งใช้อยู่นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในตอนนี้มากกว่าที่จะเป็นการแก้ไขปัญหา และมีการหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอีกครั้ง (Reuters)
เยลเลน: ยังไม่กำหนดนโยบายไว้ล่วงหน้า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดพยายามสร้างความมั่นใจและทำให้นักลงทุนสงบลงในการแถลงต่อสภาคองเกรสว่าเฟดจะยังคงยืดหยุ่นในวิธีการเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและประสิทธิผลของนโยบายของธนาคารกลางซึ่งก่อให้เกิดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงอยู่ที่ 1.53% ต่ำสุดนับแต่เดือนก.ย. 55 (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดวอลล์สตรีทร่วงลงเมื่อวันพฤหัส นำโดยการเทขายอย่างหนักในหุ้นกลุ่มธนาคารจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งยังคงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ย ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยตัดผลขาดทุนในช่วงท้ายของช่วงเวลาซื้อขายหลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าโอเปกพร้อมจะให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต (Reuters)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ลดต่ำลงเน้นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ตัวเลขเบื้องต้นของผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ก่อนซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้าว่าตัวเลขจะลดลงอยู่ที่ 281,000 ราย การลดลงดังกล่าวทำให้ตัวเลขอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดหลังจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ (post-recession) ที่ประมาณ 256,000 ราย เป็นการบ่งชี้ว่ามีการเลิกจ้างพนักงานในอัตราที่ต่ำมากถึงแม้แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีความไม่แน่นอนมากขึ้นก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวในขณะนี้อยู่ต่ำกว่า 300,000 รายซึ่งเชื่อมโยงกับสภาพตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งติดต่อกัน 49 สัปดาห์แล้ว – ยาวนานที่สุดนับแต่ช่วงต้นของยุค 1970 (Reuters)
ยุโรป :
ดัชนี ตลาดหุ้นยุโรปหลักๆ เมื่อวันพฤหัสบดีต่างปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง นำโดยการปรับตัวลดลงครั้งใหม่ของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ราคาหุ้นธนาคาร Societe Generale ปรับตัวลดลงหลังจากประกาศผลประกอบการที่น่าผิดหวัง (Reuters)
เอเชีย :
ญี่ปุ่นเตรียมควบคุมสถานการณ์การแข็งค่าของเงินเยน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมจะใช้แนวทางต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการควบคุมความผันผวนของค่าเงินในปัจจุบัน ทั้งนี้การเปิดเผยดังกล่าวนับเป็นการส่งสัญญาณการแทรงแทรงค่าเงินเป็นครั้งแรกหลังจากที่ค่าเงินเยนเริ่มแข็งค่าในเดือนนี้ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบดีดกลับกว่า 4% จากจุดต่ำสุดรอบ 12 ปีเช้าวันนี้ หลัง รมว.พลังงานกลุ่มประเทศ OPEC มีความเห็นออกมาในเชิงที่ทำให้มีความหวังต่อการร่วมกันลดปริมาณการผลิตมากขึ้น รมว.พลังงานของเอมิเรตส์เน้นย้ำการเรียกร้องจาก OPEC ว่าสมาชิกพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้ผลิตรายอื่นในการลดกำลังการผลิต น้ำมันดิบสหรัฐซื้อขายกันที่ 27.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ เวลา 00.14 GMT ปรับขึ้น 1.14 ดอลลาร์ (+4.35%) จากราคาปิดที่ 26.21 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (-5.9%) จากที่ราคาลงไปแตะจุดต่ำสุดนับแต่ปี 46 ในวันก่อนจากการที่ตัวเลขสต็อกเติบโต (Reuters)
ราคาทองพุ่งกว่า 5% วันพฤหัส แตะจุดสูงสุดในรอบปี จากราคาที่พุ่งขึ้นมากสุดในรอบกว่า 7 ปีจากความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน ดอลลาร์ที่อ่อนค่าและราคาหุ้นที่ร่วงลงทั่วโลก ทำให้นักลงทุนแห่มาพักเงินในทองแท่ง ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ เม.ย.เพิ่มขึ้น 4.5% ปิด 1,247.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้วยธุรกรรมซื้อขายในออปชั่นที่มากกว่าปกติสำหรับคอล เดือน มี.ค.และ เม.ย. ที่ 1,250 และ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331