- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 12 February 2016 17:29
- Hits: 675
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET พักตัวเพื่อรอขึ้นต่ออีกครั้ง ดังนั้นซื้อลบแล้วถือต่อ…
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET จะปรับตัวย้อนลบแรงไปบ้างเมื่อวาน แต่ FSS ยังคาดว่าเป็นการพักตัวช่วงสั้น ก่อนลุ้นรอบรีบาวด์ขึ้นใหม่ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือเพื่อรอลุ้นโอกาสขยับกลับขึ้นไปหาเป้าหมาย 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ตามคาดในช่วงถัดไปเช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AP, AGE, BA(buy back)
แนวโน้ม : SET ปรับพักตัวย้อนลบลงแรงพอควรในช่วงบ่ายวานนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่แถว 26 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลงอีกเกือบ 5% วานนี้ จากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่จุดส่งมอบสัญญาน้ำมันล่วงหน้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับตลาดหุ้นในเอเชียที่เปิดทำการส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลงแรงพอควรด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นกลุ่ม TIPs วานนี้จะปิดบวกได้ก็ตาม ขณะที่เช้านี้ยังมีแรงกดดันต่อเนื่องหลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลดลงถึง 1-5% จากปัจจัยลบเกี่ยวกับการร่วงลงรุนแรงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบโลกเริ่มฟื้นตัวได้บ้างเช้านี้ และตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลงแรงวานนี้ก็เริ่มมีจังหวะฟื้นตัว ส่วนค่าเงินบาทก็ยังแข็งค่าอยู่ รวมทั้งคาดว่านักลงทุนยังมีความหวังกับการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในการประชุมเฟดกลางเดือนหน้าด้วย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET จะลบลงในกรอบจำกัด และมีลุ้นแรงซื้อที่จะเข้ามาช่วยหนุนให้กลับรีบาวด์ขึ้นต่อได้ตามคาด ดังนั้นจังหวะตลาดปรับลงจึงยังถือเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยซื้อได้
แนวรับ 1278-1276 , 1274-1272 , 1270-1266 จุด
แนวต้าน 1283-1285 , 1288-1292 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$175 ล้าน เกาหลีใต้ที่เพิ่งเปิดทำการเป็นวันแรกหลังหยุดเทศกาลตรุษจีน มีเม็ดเงินไหลออกมากที่สุด US$233 ล้าน ขณะที่กลุ่ม TIP เม็ดเงินไหลเข้ารวม US$59 ล้าน ส่วนใหญ่มาจากอินโดนีเซีย US$65.4 ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากความกังวลฐานะการเงินของธนาคารในยุโรป คำแถลงของประธาน Fed เมื่อคืนนี้แสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดิ่งตัวลงของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันอาจส่งผลต่อสภาพคล่องของภาคธุรกิจในสหรัฐ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ดอลลาร์อ่อน เยนแข็ง เงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ธนาคารกลางสวีเดนปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเป็น -0.50% จาก -0.35% หวังกระตุ้นเงินเฟ้อที่ต่ำกว่า 1% มา 3 ปีครึ่ง ค่าเงินโครนร่วงต่ออีก 0.5% แตะ 9.511 โครนต่อยูโร อ่อนสุดในรอบ 6 เดือน
(-) ราคาน้ำมันดิ่ง WTI หลุด US$27/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี ตลาดกังวลกับการเพิ่มขึ้นของสต๊อคน้ำมันในอนาคต โดยสต๊อคน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งเพิ่มขึ้น W-W มาอยู่ที่ 64.7 ล้านบาร์เรล โดยแหล่งคุชชิงมีความจุที่ 73 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันจากการที่อิหร่านตัดราคาขายน้ำมันดิบ และความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก (0) MSCI Quarterly Review ดัชนี Global Standard Indexes ไม่มีหุ้นที่เอาเข้า-ออก แต่ดัชนี Small Cap Indexed มี KTIS ถูกเอาออก และไม่มีหุ้นเอาเข้า
(+) TCAP เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 ขึ้น 17% เป็น 6.55 พันล้านบาท เติบโต20.6% Y-Y เป็นกำไร (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในปี 2009 และ 2013) ที่โตสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี สาเหตุมาจากอัตราภาษีจ่ายที่น่าจะอยู่ในระดับต่ำ 2-5% ใกล้เคียงปีก่อนจากประโยชน์ทางภาษีที่ยังเหลืออีก 5 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะใช้ได้ถึง 1H18 ประกอบกับความจำเป็นในการตั้งสำรองส่วนเกินลดลงเพราะคุณภาพสินเชื่อดีขึ้นมาก ขณะที่เราคาดสินเชื่อจะขยายตัวเพียง 1% เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 50 บาท จากเดิม 43 บาท ยังคงแนะนำซื้อ และคาดเงินปันผล 2H15 หุ้นละ 1.10 บาท (yield 3%)
(0) LPN กำไร 4Q15 ต่ำกว่าคาด -46.6% Q-Q, -25.4% Y-Y จากค่าตอบแทนผู้บริหารที่สูงกว่าคาดแต่เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว สำหรับปี 2016 ไม่น่าเป็นห่วงเพราะมี Backlog รองรับคาดการณ์รายได้ของเราแล้ว 68% เราจึงคงประมาณการกำไรที่ 2.89 พันล้านบาท โต 19.8% Y-Y แต่การเปิดโครงการใหม่น้อยลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ Backlog ที่จะโอนในปี 2017 มีเพียง 377 ล้านบาท เป็นความท้าทายที่ LPN ต้องเร่งเปิดโครงการใหม่ที่มีขนาดเล็กลงเพื่อให้โอนทันในปีหน้า ด้วยฝีมือในอดีตทำให้เราคิดว่า LPN ยังมีโอกาสทำได้ เราคงราคาพื้นฐาน 19 บาท แนะนำซื้อ
(-) BEC แนวโน้มกำไร 4Q15 ไม่สดใส เราคาดลดลง 8.7% Q-Q และ 25.9% Y-Y เหลือ 744 ล้านบาทจากรายได้โฆษณาชะลอและค่าใช้จ่ายดำเนินงานของช่องทีวีดิจิตอลที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะทำให้กำไรทั้งปีหดตัว 31.7% Y-Y ส่วนกำไรปี 2016 เราคาดโตเพียง 5% Y-Y และโต 8% Y-Y ในปี 2017 จำนวนช่องทีวีที่เพิ่มขึ้นมากทำให้การเติบโตของกำไรของ BEC ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิม เรายังคงแนะนำเพียงถือรับปันผล คาดจ่าย 0.65 บาท/หุ้นงวด 2H15 คงราคาพื้นฐานที่ 31 บาท
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนยังคงปรับตัวร่วงแรงและติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังราคาน้ำมันดิบยังร่วงลงต่อเนื่อง และนักลงทุนคาดว่าไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่กลุ่ม OPEC จะสามารถตกลงกันลดกำลังการผลิตลง
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเฉลี่ยราว 3-4% โดยกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารและ Commodity ยังถูกเทขายอย่างหนัก
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงแรงเช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบอย่างหนัก
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.16-35.26 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 1.24 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 26.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นสูดสุงเป็นประวัติการณ์ แต่เช้านี้ราคาน้ำมันเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาได้จากความคาดหวังที่กลุ่ม OPEC จะสามารถร่วมมือกันลดกำลังการผลิตหลังรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุฯออกมาให้ความเห็น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 53.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,247.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาน้ำมันดิบดิ่งลงจากความกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12-ก.พ. - ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน เวียดนาม ปิดทำการ
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ม.ค.)
- ยูโรโซน: 4Q15 GDP, Industrial Production (ธ.ค.)
- MSCI Quarterly Index Review
15-ก.พ. - ไทย: 2015 GDP (ตลาดคาดทั้งปี +2.7% Y-Y)
- จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2015 GDP (ตลาดคาด -1.2%)
16 ก.พ. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.พ.)
17-ก.พ. - ไต้หวัน: 4Q15 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts & Building permits (ม.ค.), Fed Minutes จากการประชุม 26-27 ม.ค.
18 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- สหรัฐ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
19-ก.พ. - สิงคโปร์: 2015 GDP
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)