WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  มีโอกาสปรับลง? แต่คาดอยู่ในกรอบแคบ แม้มีปัจจัยบวกจากการส่งสัญญาณล่าสุดของประธานเฟดชะลอขี้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า แต่คาดอยู่ในความคาดหมายของตลาด และคาดไม่สามารถชดเชยประเด็นความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ซึ่งคาดกดดัน

ผลการดำเนินงานของกลุ่มพลังงานต่อไป
  นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนของปัญหาเศรษฐกิจจีน แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร
  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ โดยยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงปลายก.พ. แต่คาดได้รับปัจจัยลบจากแรงชายสุทธิของต่างชาติ ที่ล่าสุดสูงกว่า 2,500 ล้านบาท โดยยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.24 – 35.28 บาท แข็งค่าจากวันก่อนหน้าที่ 35.29 บาท และคาดยังมีแนวโน้มแข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
  อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
  ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -99.64, NASDAQ +14.83, S&P -0.35, FTSE +40.11, CAC +63.66 และ DAX +137.89
หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แม้ส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า แต่ยังไม่สามารถชดเชยปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทั่วโลก เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะอุปทานล้นตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์
  ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกน้ำมัน ทำให้สภาวะทางการเงินของภาคธุรกิจสหรัฐฯ ตึงตัวขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงอีก 1.8%

ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวก จากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลัง
  ดอยช์แบงก์กำลังพิจารณาเรื่องการซื้อคืนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ของทางธนาคาร หรือหุ้นกู้ CoCos พร้อมระบุว่า ธนาคารอาจจะไม่แปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าวทำให้ช่วยคลายความกังวลก่อนหน้านี้ว่าธนาคารไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ได้
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$0.49 อยู่ที่ US$ 27.45ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุดลดลง เพียง 0.8 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 502 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดไว้
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$4.0 อยู่ที่ US$ 1,194.6 ต่อออนซ์ หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยข้างต้น

  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,505 ล้านบาท สะสม YTD -13,786 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.67 1.76 3.29
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 30,807.05
สถาบัน -958.74
บัญชีหลักทรัพย์ +2,461.65
ต่างประเทศ -2,505.34
ในประเทศ +1,002.43

ประเด็นที่ต้องติดตาม 11 - 12 ก.พ. 2559
11/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

12/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.
   ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.
   ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.
   สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.
  (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
  (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
  (6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 1.71% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.25 อยู่ที่ 26.29
  หุ้นแนะนำ : AAV

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!