- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 February 2016 17:15
- Hits: 1273
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
ผันผวนจากหลากปัจจัยเสี่ยง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ หลังได้ฟังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กังวลถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.62%, 0.35%, -0.02%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคารหลังมีข่าวดอยช์แบงก์เตรียมซื้อหุ้นกู้คืน ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 1.55%, 0.71%, 1.59%, 5.03%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 0.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 27.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 30.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ผิดหวังที่สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นเล็กน้อย สวนทางกับภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง เนื่องจากมีความวิตกกังวลแรงขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปทำให้ตลาดหุ้นโลกในช่วงนี้กลับมาผันผวนค่อนข้างแรงอีกครั้ง ในขณะที่ตลาดหลักอย่างฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวันจะกลับมาเปิดทำการในวันที่ 11 นี้ ทำให้มีความกังวลว่าจะมีแรงขายออกมาเพิ่มเติมจากการที่มีวันหยุดตรุษจีนหลาย ๆ วัน ทั้งนี้ความกังวลในส่วนธนาคารฝั่งยุโรปจะโฟกัสไปที่ธนาคารดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนีว่าจะไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้แปลงสภาพที่ไปลงทุนในธุรกิจพลังงาน ทำให้ CDS ของดอยช์แบงก์ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี ตรงกันข้ามกันราคาหุ้นที่ทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี มีรายงานจากสื่อฝั่งอังกฤษว่า ดอยช์แบงก์กำลังพิจารณาเรื่องการซื้อคืนตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิ์ของธนาคาร หรือที่เรียกว่าตราสารหนี้ CoCos และธนาคารอาจจะไม่แปลงสภาพตราสารหนี้ดังกล่าว โดยธนาคารมีภาระต้องไถ่ถอนตราสารหนี้ไม่ด้วยสิทธิ์มูลค่า 5.38 หมื่นล้านยูโร โดยเตรียมที่จะซื้อคืนหุ้นกู้หลายพันล้านยูโรคืนอย่างเร่งด่วน เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน
ส่งผลให้ราคาหุ้นของดอยช์แบงก์เมื่อวานนี้ฟื้นตัวขึ้นทันทีที่เปิดตลาดกว่า 10% และดึง sentiment ของธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ ในยุโรปปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้การซื้อขายของตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ฟื้นตัวขึ้น สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงเมื่อปิดตลาด หลังได้ฟังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการการเงิน สภาผู้แทนราษฎรว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้านของโลก อาทิเช่น การตึงตัวของตลาดการเงินหลังราคาหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลง ความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจจีน และความเสี่ยงด้านเครดิตของโลก อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเป้าหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แต่อย่างไรก็ตามเฟดยังคาดหมายว่าจะสามารถทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังสามารถขยายตัวได้ระดับปานกลางต่อไป โดยเป้าหมายเดิมของเฟดตั้งเป้าว่าจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ถ้อยแถลงดังกล่าวได้สร้างความวิตกต่อตลาดเล็กน้อยเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ยังคงอยู่ ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าน่ะจะผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่หลาย ๆ ตลาดจะกลับมาเปิดทำการ โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงที่คาดว่าน่าจะปรับตัวลงชดเชยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ภาวะตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลง ทั้งนี้ประเด็นดอยช์แบงก์ยังคงต้องติดตามต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : เล่นสั้น ๆ ในกรอบระหว่าง 1,285-1,320 จุด ต่ำกว่า 1,280 จุด หยุดเก็ง
Saravut Tachochavalit, Analyst
TEL : +66 (0) 2682 9754 Ext. 9754
EMAIL : [email protected]