- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 February 2016 16:57
- Hits: 2371
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ความเสี่ยงในต่างประเทศกดดัน'
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: BTSGIF(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : THAI 25%, PTTEP 13%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อบวก 1310-1320,1340 หลุด 1290
SET50 ซื้อบวก 830-840,850 หลุด 815
Technical Picks - Today KTB, TPIPL, SYNEX, DEMCO, PK, MINT, TTA, KAMART
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : CHG (จากถือ เป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index อ่อนตัวไม่มาก (-3.61 จุด) โดยปิดที่ 1303.96 การซื้อขายยังไม่คึกคักมาก เพราะหลายตลาดยังปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม นับว่าตลาดหุ้นไทยยัง Outperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่เปิดทำการเมื่อวานนี้ (ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงถึง 918.86 จุดหรือ -5.4% ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ลดลง 127.70 จุด หรือ -1.89%) เนื่องจากกังวลกับความผันผวนของตลาดเงิน เงินเยนแข็งค่าขึ้นเร็วมาก คาดว่าจะเป็นเพราะมีการปิดสถานะ Carry Trade ที่ทำไว้ช่วงก่อน ทำให้อุปสงค์ในเงินเยนเพิ่มขึ้น นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิสูงขึ้นเป็น 1.3 และ 2.5 พันล้านบาท ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
หุ้นกลุ่มธนาคารในต่างประเทศร่วงแรง นำโดยหุ้นธนาคารในตลาดยุโรปเพราะกังวลเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ที่ทำให้ธนาคารขนาดใหญ่มีความเสี่ยงเรื่อง NPL และการด้อยค่าของเงินลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากลูกค้าธนาคารในกลุ่มผู้ผลิตก๊าซและน้ำมันที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก็ทำให้ประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารลดลงด้วย ตลาดยังคงจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาล่างในวันพุธและวุฒิสภาในวันพฤหัสฯ เพื่อดูว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่และอย่างไร แต่เราคาดการณ์ว่านางเยลเลนอาจไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมจากครั้งก่อนเพราะจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่จะรายงานออกมาก่อนการประชุมในเดือนมี.ค.2016 สำหรับในประเทศยังเป็นการเลือกลงทุนเป็นรายบริษัท หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อเพื่อรับปันผลสูง คือ BTSGIF
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบเล็กๆ (ปิดลบ แต่ยังเหนือเส้น SMA10) ควรระวังโครงการขาลงในระยะกลางยังกดดันให้มีการแกว่งถึงอ่อนตัวได้อีก แนวต้านระยะสั้น 1310-1320,1340 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ดัชนีต่ำกว่า 1290 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสอ่อนลงอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 830-840, 850 และ Stop loss ถ้าต่ำกว่า 815 จุด การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น SYNEX, TPIPL, APCS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BBL, SUPER, MTLS, ASK, SF, TTA, S11 หุ้นหลุด List เป็น TACC, PTTGC
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : ปธน.โอบามาเตรียมยื่นงบประมาณประจำปี 2017 เข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส โดยเสนอการใช้จ่ายสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีงบประมาณในโครงการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็ง, แก้ปัญหาโลกร้อน การต่อสู้กับภัยคุกคามจากกลุ่ม IS ด้วย ทั้งนี้ร่างงบประมาณนี้จะเป็นฉบับสุดท้ายก่อนที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้งปธน.คนใหม่ในปลายปี 2016
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมร่วงลงสู่ระดับ 93.9 ในเดือนม.ค.2016 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014 และลดลงจาก 95.2 ในเดือนธ.ค.2015
- ตลาดหุ้นกรีซร่วงต่ำสุดในรอบ 27 ปี เพราะวิตกกับเจ้าหนี้ไม่คืบหน้า ดัชนีตลาดหุ้นกรีซเมื่อคืนนี้ร่วงอีก 2.5% สู่ระดับ 452.70 โดยในระหว่างวันดัชนีต่ำสุดที่ 439.08 ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ย.1989 หลังวันก่อนหน้าดัชนีลดลงไปแล้ว 8% ทั้งนี้รัฐบาลกรีซหวังว่าจะได้ข้อสรุปจากการเจรจากับเจ้าหนี้ภายในสิ้นก.พ.2016 นี้
- ตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงแรงเพราะกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และการดิ่งลงแรงของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและทั่วโลก ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกัน 7 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ลดลง 1.6% ปิดที่ 309.39 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันลดลง 1.11% ปิดที่ 8,879.40 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 1.00% ปิดที่ 5,632.19 จุด
CEO ดอยช์แบงก์ยืนยันว่าธนาคารยังคงมีความแข็งแกร่งในด้านเงินกองทุนและงบดุล จากที่ตั้งสำรองฯไปมากแล้ว ทั้งนี้ธนาคารรายงานขาดทุน 6.8 พันล้านยูโร (7.5 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2015
ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลงไม่มาก โดยดัชนี DJIA ปิด -12.67 จุดที่ 16,014.38 จุด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงต่อเพราะราคาน้ำมันดิบลงไปต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรลอีกรอบ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนลง แต่ก็ได้รับการชดเชยจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มสุขภาพและผู้ผลิตวัตถุดิบ
- ราคาน้ำมันดิบร่วงลง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบมี.ค.ปิดร่วงลง 1.75 ดอลลาร์ หรือ -5.9% มาที่ 27.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิดลดลง 2.56 ดอลลาร์ หรือ -7.8% ที่ 30.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ IEA ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ปี 2016 ลงสู่ระดับเฉลี่ย 37.59 ดอลลาร์/บาร์เรล (จาก 38.54 ดอลลาร์/บาร์เรล) และปรับลดราคาน้ำมัน BRENT เฉลี่ยเป็น 37.52 ดอลลาร์/บาร์เรล (จาก 40.15 ดอลลาร์/บาร์เรล) สะท้อนการคาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดจะยังมีภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นเกินต่อเนื่อง
ราคาทองคำทรงตัว สัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ปิดบวก 0.70 ดอลลาร์ที่ 1,198.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
BTSGIF (ราคาปิด 10.60 บาท) : กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานรายแรกของไทย BTSGIF มีขนาดกองทุนเริ่มต้นที่ 6.25 หมื่นล้านบาท (5,788 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10.8 บาท) เป็นกองทุนที่ลงทุนในรายได้สุทธิจากการดำเนินงานรถไฟฟ้า (Net Fare Box Revenue) ของเส้นทางเดินรถสายหลักของ BTS ซึ่งรวมถึง สายสุขุมวิท 17 กม และ สายสีลม 6.5 กม (รวมทั้งหมด 23 สถานี) โดยมีโครงข่ายรถไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น โดยกองทุนมีอายุถึงธ.ค.2029 (เหลือราว 13.8 ปี)
การเติบโตมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร ซึ่งมีแนวโน้มดีเมื่อมีการเปิดเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เข้ามา คาดการณ์อัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารไว้ที่ 4% ต่อปี และอัตราค่าโดยสารปรับขึ้น 4% ในทุกๆ 2 ปี จนถึงสิ้นสุดอายุสัมปทาน
สำหรับปันผลงวด 4Q15 คาดว่าจะขึ้นเครื่องหมาย XD ปลายเดือนก.พ.2016 และจ่ายเงินราวกลางเดือนมี.ค.2016 ใกล้เคียงกับทุกปีที่ผ่านมา ประมาณการ Yield สำหรับ 4Q15 ไว้ที่ 1.5%
แนะนำซื้อ ประเมินมูลค่าหุ้นไว้ที่ 11.70 บาท (DCF) และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2016 ไว้ที่ 6.3% (จ่ายทุกไตรมาส และเงินปันผลได้รับการยกเว้นภาษี)
- ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อตลาดหุ้นลดลงต่อเป็นเดือนที่ 3 สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มดัชนีหุ้นใน 3 เดือนข้างหน้า (ก.พ.-เม.ย.16) ว่าความเชื่อมั่นได้ลดลง 3 เดือนติดต่อกันมาอยู่ในระดับซบเซาที่ 71.90 จากระดับ 74.35 (-3.3% จากเดือนก่อน) โดยปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและปัญหาค่าเงินหยวนของจีน ส่วนปัจจัยที่ช่วยพยุงดัชนีคือเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เป็น Key Growth ของปีนี้
กลุ่มที่พักอาศัย : เติบโตไม่มากแต่หลายบริษัทให้ Dividend Yield จูงใจ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์คาดยอดขาย Presales ปี 2016 จะเติบโตไม่เกิน 5% โดยมาตรการกระตุ้นภาครัฐช่วยหนุนได้แค่ถึง 1Q16 ขณะที่ธนาคารยังระวังการปล่อยสินเชื่อรายย่อย เพราะระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงมาก
ยอดขาย Presales ที่เติบโตน้อยจะทำให้ยอดรับรู้รายได้ของบริษัทในปี 2H16-2017-2018 เติบโตชะลอตัวตามไปด้วย ดังนั้นการเติบโตของกำไรกลุ่มที่พักอาศัยในปี 2016-2017 จะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่บริษัทชั้นนำในกลุ่มนี้ยังมีความมั่นคงทางธุรกิจสูง และจ่ายปันผลได้ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทชั้นนำที่ DBSV ทำการวิเคราะห์และคาดการณ์ว่าจะให้ Dividend Yield ปี 2016 สูงกว่า 5% คือ AP (5.4%), LH (5.3%), LPN (6.5%), QH (6%), SC (5.5%), SIRI (5.7%) และ SPALI (5.5%)
นักกลยุทธ์ & วิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]