WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  มีโอกาสลดลง? ภายใต้ประเด็นต่างประเทศ ซึ่งแม้เป็นปัจจัยเดิมแต่ยังมีน้ำหนักกดดันภาพรวมตลาด โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่ำกว่า 30USD อีกครั้ง หลังการเจรจาระหว่างซาอุดิอาระเบียและเวเนซูเอล่า เพื่อหารือในการปรับลดปริมาณผลิต ไม่สำเร็จ ทำให้ยังประสบปัญหาภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยูในระดับสูง และคาดกดดันราคาน้ำมันต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่? โดยอยู่ระหว่างรอถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันพุธ – พฤหัสฯ นี้
  นอกจากนี้ยังมีความกังวลต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีน แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร
  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงปลายก.พ. ขณะที่คาดในวันนี้ยังได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิต่อเนื่องของต่างชาติ (แม้มูลค่าลดลงเหลือเพียง 45 ล้านบาท) และยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.51 – 35.53 บาท ใกล้เคียงวันก่อนหน้าที่ 35.51 บาท อย่างไรก็ตามคาดบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าส่วนหนึ่งจากคาดการณ์ว่าเฟดชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
  อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
  ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
  (2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -177.92, NASDAQ -79.39, S&P -26.61, FTSE -158.70, CAC -134.36 และ DAX -306.87
ภายใต้ปัจจัยลบจาก (1) ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและบริษัทพลังงาน ขณะที่การประชุมระหว่าง รมต.พลังงาน ของ ซาอุดิอาระเบีย และเวเนซูเอล่า ไม่มีการประกาศแผนการลดปริมาณการผลิตน้ำมันตามที่เวเนซุเอล่าเรียกร้อง และ (2) ความไม่แน่นอนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่? โดยอยู่ระหว่างรอถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการด้านบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ พุธนี้ และต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยกดดันเพิ่ม จากแนวโน้มเศรษฐกิจกรีซ รวมถึงอยู่ระหว่างติดตามโครงการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินฉบับใหม่ต่อกรีซ หลังกลุ่มตัวแทนเจ้าหนี้ต่างชาติได้เดินทางออกจากกรีซเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา จากการเจรจาเป็นเวลา 5 วันกับเจ้าหน้าที่กรีซเกี่ยวกับเงื่อนไขในการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$1.20 อยู่ที่ US$ 29.69ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด และล่าสุดมีรายงานว่า การประชุมระหว่าง รมต. พลังงานซาอุดิอาระเบียและเวเนซุเอลาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการใช้มาตรการกระตุ้นราคาน้ำมัน
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$40.2 อยู่ที่ US$ 1,197.9 ต่อออนซ์ จากการเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อความปลอดภัย หลังราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่อง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงP/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.92 1.76 3.28
ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 27,024.27
สถาบัน -1,060.74
บัญชีหลักทรัพย์ +1,405.46
ต่างประเทศ +44.52
ในประเทศ -389.25

  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +45 ล้านบาท สะสม YTD -8,738 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 9 - 12 ก.พ. 2559
9/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค.

10/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   สต็อกน้ำมัน
   งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค.

11/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

12/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.
   ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.
   ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.
   สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.
  (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
  (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
  (6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.11 อยู่ที่ 1.74% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +2.62 อยู่ที่ 26.00
หุ้นแนะนำ : GPSC

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!