WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Sideways

ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ มีความพยายามที่จะขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,300 จุด แต่ด้วยแรงกดดันจาก DTAC ที่งบ 4Q58 ออกมาอย่างผิดหวัง อีกทั้ง PTT ประกาศตั้งสำรองเงินลงทุนราว 1.0 หมื่นล้านบาทใน 4Q58 ทำให้หุ้นหลักแผ่วตัวลง และ SET INDEX ที่ไม่ผ่าน 1,300 จุด ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรรอบสั้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 5.34 จุด มาอยู่ที่ 1,297.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,843 ล้านบาท
ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง ตลาดหุ้นซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 838 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเช่นกัน 11,943 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 7,260 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ผลการดำเนินงานของ ADVANC ใกล้เคียงคาด พร้อมกับจ่ายปันผลงวด 2H58 ที่ 100% ตามนโยบายเดิม
ติดตามภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ คืนนี้

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการประกาศงบ 4Q58 ต่อเนื่อง
การแถลงของประธานเฟดต่อ สส.และสว.วันที่ 10 และ 11 ก.พ.
ตลาดหุ้นจีน / ไต้หวัน /เวียดนาม ปิดทำการตลอดทั้งสัปดาห์หน้า
กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัวระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ. เพราะตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์ปิดทำการ เนื่องในวันตรุษจีน
การประกาศปรับดัชนี MSCI รอบ 3 เดือน เช้าวันที่ 12 ก.พ. ตามเวลาประเทศไทย

มุมมองต่อตลาด
แม้ว่า SET INDEX วานนี้จะมีความพยายามทดสอบ 1,300 จุด แต่ก็ยังไม่ผ่าน เนื่องจากผลกระทบของ DTAC ทั้งในแง่ของผลการดำเนินงาน และปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผล ทำให้ตลาดกังวลว่า ADVANC จะปรับเปลี่ยนหรือไม่ กดดันกลุ่ม ICT รวมถึงการตั้งสำรองด้อยค่าเหมืองถ่านหินของ PTT ใน 4Q58 มูลค่า 1.0 หมื่นล้านบาท
แต่เรากลับมองว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็น "กลางถึงบวก" สภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินทั่วโลก แนวโน้มค่าเงินดอลาร์จะมีเสถียรภาพมากขึ้น นโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญของโลกส่งสัญญาณผ่อนคลาย สำหรับเฟด นักลงทุนทั่วโลกต่างรอฟังถ้อยแถลงของประธานเฟดในวันที่ 10-11 ก.พ.นี้ เราเชื่อว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณประวิงเวลาในการขยับอัตราดอกเบี้ย หลังความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ กดดันอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น หากเป็นไปตามคาด เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับในเชิงบวก และนี่อาจเป็นมุมมองที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมามองตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ดังจะเห็นได้จากวานนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิทั้งตลาดหุ้น / SET50 Index Futures / ตลาดตราสารหนี้อย่างหนาแน่น เราเชื่อว่าภาพดังกล่าวจะดำเนินต่อเนื่องมายังวันนี้
เมื่อ ADVANC ยืนยันการจ่ายเงินปันผลที่ 100% ของกำไรสุทธิ งวด 2H58 เท่ากับ 6.49 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 31 มี.ค. เป็นการยืนยันและสอดคล้องกับเป้าหมายของทาง ADVANC ที่จะคงการจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิ ทำให้เราเชื่อว่า ADVANC/ INTUCH วันนี้จะฟื้นตัว
ด้วยปัจจัยข้างต้น เราประเมินว่า SET INDEX วันนี้จะแกว่ง 1,290-1,310 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น แม้ว่าจะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ เพราะกระแสเงินทุนต่างชาติที่เชื่อว่าจะซื้อสุทธิต่อเนื่อง และประเด็นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ยังคงเอื้อต่อการเก็งกำไร

กลยุทธ์การลงทุน
     เราแนะนำให้ "นักลงทุนยังสามารถซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายได้เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เพื่อรอจังหวะขายทำกำไรบริเวณ 1,300-1,310 จุดในระลอกการฟื้นตัวนี้"

Speculative Buy: GOLD
Accumulative Buy: PTTGC

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. PTTGC : ราคาปิด 53.25 บาท ราคาเหมาะสม 60.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ PTTGC และคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะมีทิศทางไต่ระดับขึ้นทดสอบบริเวณ US$34.00-35.00/barrel ได้ เนื่องจาก Dollar Index ที่อ่อนค่าลงจะช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาน้ำมัน NYMEX ที่บริเวณ US$30.00/barrel และแรงเก็งกำไรโอกาสของการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน
b) PTTGC จะกลับมา Outperform หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากสายการผลิตปิโตรเคมีเป็น Gas Base ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว จะส่งผลให้ Spread Margin ธุรกิจปิโตรเคมีของ PTTGC เร่งตัวขึ้นได้เร็วกว่าโรงกลั่นอื่นๆในกลุ่ม
c) คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q58 ที่ 4.69 พันล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุน -5,116 ล้านบาท ใน 4Q57 และขยายตัว +289% qoq จากแรงหนุนของธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจอะโรเมติกส์
d) Downside Risk ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV2559 เพียง 0.92 เท่า เทียบกับ BCP ที่ 1.04 เท่า, TOP ที่ 1.33 เท่า และ IRPC ที่ 1.04 เท่า
e) คาดการณ์เงินปันผล 2H58 หุ้นละ 0.77 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.5% และปี 2559 หุ้นละ 2.63 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5%
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. GOLD : ราคาปิด 6.10 บาท ราคาเหมาะสม 10.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งขึ้น หลังเสร็จสิ้นการขาย PP ให้กับ เฟรเซอร์ส พร๊อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง ประเทศไทย (FPHT) ซึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ GOLD จะช่วยต่อยอดการเติบโตในระยะยาวจากโครงการที่เป็น Recurring Income
b) มีปัจจัยบวกระยะสั้น รออยู่ คือการจัดตั้งกองทุน REIT ตึกสาทรสแควร์ และ Park Venture ขนาดกองทุนราว 10,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 1Q59 และส่งผลให้บริษัทได้เงินสดหมุนเวียนราว 4,500 ล้านบาท และจะทยอยบันทึกกำไรตลอดอายุสัญญาของ REIT
c) ปี 2559 จะเริ่มรับรู้รายได้ค่าเช่าอาคารสำนักงาน FYI Center ถนนพระราม 4 และช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตสูงถึง +55.1% yoy เป็น 631 ล้านบาท และต่อเนื่อง +21% yoy เป็น 763 ล้านบาทในปี 2560
d) เชื่อว่าราคาหุ้นควรจะซื้อขายทไม่ต่ำกว่าระดับ PBV เฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.7 เท่า เนื่องจากจุดเด่นของ GOLD นอกจากจะมีความแข็งแกร่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบแนวราบแล้ว ยังมีการเติบโตของรายได้แบบค่าเช่าที่มั่นคงในระยะยาว และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตเนื่องจากมีสิทธิในการพัฒนาที่ดินโครงการใหญ่บริเวณสามย่านซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนา
e) ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PBV 1.3 เท่า และราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคา PP ที่ขายให้ FPHT ที่ 7.25 บาท

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง US$4 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$284 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกัลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอย่างหนาแน่น
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 838 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,614 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทอีกครั้ง เป็น 9,743 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเช่นกัน มากถึง 11,943 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 10,913 สัญญา คาดเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Long อีกครั้ง หลัง S50H16 ไม่หลุดแนว 805 จุด และทำให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเล็กน้อยเป็น 10.80 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 11.42 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิทะลุ 70,000 สัญญา มาเป็น 71,540 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิ 7,26 ล้านบาท น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มากถึง 10 สตางค์+/- ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย แม้ว่าราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงก็ตาม ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ 2.05bps จากวันก่อนหน้าลดลง 4.11bps ปิดที่ 2.299%

Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 902 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,215 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ด้วยการขาย ICT และซื้อพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 267 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 622 ล้านบาท โดยเป็นการขายกลุ่ม ICT และยังคงเน้นสะสมกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มพลังงานซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 523 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 180 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 385 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 190 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 204 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 106 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 515 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 175 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 92 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 143 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 572 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
โอบามาเสนอให้เก็บค่าธรรมเนียม US$10/barrel: ประธานาธิบดี โอบามา เตรียมเสนอค่าธรรมเนียม US$10/barrel เพื่อเก็บกับบริษัทผลิตน้ำมัน เพื่อนำเข้ากองทุนการขนส่งสะอาด เช่นโครงการรถไฟความเร็วสูง, รถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้เอง และการขนส่งในรูปแบบอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลด Emission จากระบบการขนส่งของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการพิจารณาแผนดังกล่าวร่วมกับงบประมาณในสัปดาห์หน้า
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นลบ
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.85 แสนตำแหน่ง ออกมาแย่กว่า Bloomberg consensus คาดที่ 2.80 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.77 แสนตำแหน่ง
คำสั่งซื้อโรงงาน เดือนธ.ค. หดตัว 2.9% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ -2.8% mom และหดตัวลงแรงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -0.7% mom คำสั่งซื้อสินค้าทุนหดตัวลงแรง 4.3% mom ยอดการขนส่งลดลง 1.4% mom เช่นกัน

ยุโรป
อียูปรับประมาณการเงินเฟ้อปีนี้ลง: ประเมินไว้เพียง 0.5% ในปีนี้ ลดลงจากการประเมินเดือนพ.ย.ที่ 1.0% และเป้ามายของอียูที่ 2.0% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ พร้อมปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงเป็น 1.7% จากประมาณการเดิมที่ 1.8% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกขนาดใหญ่อย่าง เยอรมัน, ฝรั่งเศส และ อิตาลี ทำได้ต่ำกว่าประมาณการเมื่อ 3 เดือนก่อน
BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5%: มีมติเอกฉันท์ 9-0 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ทั้งนี้ BoE ส่งสัญญาณความเสี่ยงจากต่างประเทศ จนทำให้ต้องปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในปีนี้

จีน
ทางการจีนผ่อนคลายการเคลื่อนย้ายเงินทุน เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ MSCI: ล่าสุดทางการจีนได้เปิดให้กองทุนที่ได้รับอนุญาตผ่านโครงการ Qualified Foreign Institutional Investor Program (QFII) ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติโควต้า โดยจะมีการพิจารณาและกำหนดเพดานการจัดสรรเงินลงทุนภายใต้การบริหารกองทุนนั้นๆ ไม่เกิน US$5.0 พันล้าน ส่วนกองทุนเปิด จะสามารถโยกเงินลงทุนเข้าและออกจากหุ้นจีนรายวันได้เช่นกัน

เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี

ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน: เดือนม.ค.อยู่ที่ 75.5 จาก 76.1 ใน ธ.ค. โดยดัชนีที่ปรับลดลง ในม.ค. เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการปรับตัวลงของตลาดหุ้นโลก ทั้งนี้ราคาสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ส่งผล ให้กำลังซื้อในประเทศยังไม่ฟื้นตัว

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!