- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 February 2016 18:59
- Hits: 1865
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ค่าบวกมีลุ้น 1300 หรือสูงกว่า"
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: BCP (ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : M 30%, THAI 22%, GLOBAL 15%, GLOW 14%, BLA & CENTEL 13%, TU & CPN 12%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1300,1310-1320 หุลด 1280
SET50 ซื้อค่าบวก 820,830-840 หลุด 800
Technical Picks- Today : KTB, TPIPL, PS, CKP, RS, TACC, GFPT, TWPC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ Outperform ภูมิภาคโดยปิดบวก 6.47 จุด ปิดที่ 1291.77 โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วงท้ายหลังราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สขยับขึ้น และยังคงมีการซื้อหุ้นหลักปันผลสูงในกลุ่มสื่อสาร เช่น ADVANC, INTUCH ต่อ หุ้นกลุ่มอาหาร Perform ดีทั้ง GFPT และ CPF หลัง TU ปรับขึ้นแรงไปวันก่อนหน้า หุ้นวัสดุก่อสร้างอย่าง SCC และ TASCO มีรีบาวด์ นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิกลุ่มละ 1.1-1.2 พันล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
การรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบหนุนหุ้นพลังงานและตลาดในระยะสั้น นอกจากนั้นการเก็งกำไรผลประกอบการ+ปันผลปี 2015 และแนวโน้มปี 2016 ที่คึกคักขึ้นเพราะบจ.ทยอยรายงานผลประกอบการและจัด Analyst Meeting ก็ช่วยเสริมด้วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังความผันผวน เพราะถึงแม้รัสเซียจะพร้อมเจรจาหาทางพยุงราคาน้ำมันแต่ทางกลุ่มโอเปกยังไม่ตอบรับ ขณะเดียวกันสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐยังเพิ่มขึ้นต่อ (สัปดาห์ก่อน EIA รายงานว่า +7.8 ล้านบาร์เรลเป็น 502.7 ล้านบาร์เรล) การลงทุนระยะยาวในกลุ่มพลังงานจึงควรเป็นการทยอยซื้อสะสม ส่วนการเก็งกำไรก็ว่ากันไปเป็นรอบๆ หุ้นหนึ่งที่เด่นในกลุ่มพลังงานนี้คือ BCP โดยความเสี่ยงด้อยค่าในเงินลงทุนได้ทำไปมากในปี 2015 ทำให้กำไรปี 2016 มีโอกาสเติบโตสูงกว่า 60% ด้าน P/E ปีนี้ก็ต่ำเพียง 6.3 เท่าและคาดว่าจะให้ Dividend Yield ปี 2016 สูงที่ 6.6%
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ (ปิดบวกและเหนือเส้น SMA10) แต่โครงการขาลงในระยะกลางยังกดดันให้มีการแกว่งถึงอ่อนตัวได้อีก แนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่ 1300, 1310-1320 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ดัชนีต่ำกว่า 1280 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสอ่อนลงอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 820, 830-840 และ Stop loss ถ้าต่ำกว่า 800 จุด
การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น QTC, TACC, GFPT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SMT, TKN, DIF, CBG, HFT หุ้นหลุด List - วันนี้ไม่มี และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่ขายทำกำไรได้แก่ CKP, VGI, WICE, TU
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ยูโรโซน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนม.ค.ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยลดลงมาที่ 53.6 จาก 54.3 ในเดือนธ.ค.2015 โดยมาร์กิตระบุว่า ถึงแม้ดัชนีจะสูงกว่า 50 แต่โมเมนตัมของกิจกรรมทางธุรกิจ คำสั่งซื้อ และการจ้างงาน อยู่ในภาวะชะลอตัวลง
- ญี่ปุ่น : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.2016 ลดลง โดยดัชนีที่ปรับตามปัจจัยฤดูกาลอ่อนลงเป็น 42.5 จาก 42.7 ในเดือนธ.ค.ปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.ยังแข็งแกร่ง ADP รายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.2016 ถึงแม้จะลดลงจากเดือนธ.ค.ที่ 267,000 ตำแหน่ง-ปรับใหม่ แต่ก็สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 195,000 ตำแหน่ง
- สหรัฐ : ISM รายงานดัชนี PMI ภาคบริการม.ค.ลดลงเป็น 53.5 จาก 55.8 ในเดือนธ.ค.ปีก่อน...อ่อนแอลงและแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แม้ดัชนีจะอยู่สูงกว่า 50 ก็ตาม
+ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2016 นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุว่าตลาดการเงินมีการตึงตัวอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2015 ซึ่งเป็นประเด็นที่คณะกรรมการต้องหารือกันถ้ายังเป็นอยู่ต่อไป เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอและการแข็งค่าของดอลลาร์ ก็ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐด้วย
- สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อนเพิ่มมากกว่าคาด โดย EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 502.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับรายงานสต็อกของ API ก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรลเป็น 500.4 ล้านบาร์เรล
/- ผู้เชี่ยวชาญคาดราคาน้ำมัน 1Q16 จะผันผวนในกรอบ 25-35 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการปรับสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานจะต้องใช้เวลา ซึ่งทาง DBS Group Research คาดว่าหากผู้ผลิตไม่มีการปรับลดอุปทานน้ำมันดิบลง แล้วรอให้อุปสงค์เติบโตไปตามปกติ กว่าจะถึงจุดสมดุลได้ก็เป็นประมาณ 3Q17 แต่ถ้าผู้ผลิตร่วมมือกันปรับลดปริมาณการผลิตลงก็จะถึงจุดสมดุลได้ประมาณปลายปี 2016 (แต่มองว่าโอกาสที่จะปรับลดการผลิตอย่างจริงจังมีค่อนข้างน้อย ถึงแม้รัสเซียจะย้ำหลายรอบว่าพร้อมร่วมมือในการลดปริมาณการผลิต แต่กลุ่มโอเปกและสหรัฐยังไม่ตอบรับเรื่องนี้ และแม้ว่าจะตกลงกันได้ในที่ประชุมแต่เมื่อผลิตจริงก็อาจจะสูงอีก ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามักจะเป็นเช่นนี้ ซึ่งในที่สุดแล้วปริมาณการผลิตน้ำมันจะลดลงจากการปิดกิจการของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ)
+/- สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบมี.ค.2016 ปิด +2.4 และ +2.32 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 32.28 และ 35.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับการส่งสัญญาณพร้อมเจรจาหาช่องทางพยุงราคาน้ำมันของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังความผันผวนเพราะ 1) ทางกลุ่มโอเปกยังไม่ตอบรับว่าจะเจรจาด้วย, 2) ตลาดประเมินว่าการลดผลิตจากการเจรจาอาจไม่เกิดขึ้นจริง, 3) ปริมาณสต็อกสหรัฐและทั่วโลกยังสูงมาก
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX บวก 14.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,140.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หนุนโดยการอ่อนค่าของเงินดอลลร์สหรัฐ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์ โดยดัชนี DJIA ปิด +183.12 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง รวมถึงประเมินว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.2016 ที่จะออกมาศุกร์นี้จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 5.0% (เดือนธ.ค.ปีก่อนการจ้างงานเพิ่ม 292,000 ตำแหน่ง) ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น หลังมีข่าวว่ารัสเซียพร้อมเจรจากับกลุ่มโอเปกเพื่อหาทางพยุงราคาน้ำมัน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กนง.ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2016 จะขยายตัวได้ 3.5% ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต คือ การลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวมากขึ้น การทยอยฟื้นตัวของการบริโภคและลงทุนภาคเอกชน ภาคท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง ส่วนความเสี่ยงหลัก เป็นปัจจัยต่างประเทศ…ถือว่าผลประชุมออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และทาง DBS Group Research คาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ตลอดปี 2016
กลุ่มทีวีดิจิตอล & BBL : ที่ประชุมคณะทำงานเสนอทางออกในการคืนใบอนุญาตทีวีดิจิตอล โดยจะยึดเฉพาะเงินค่างวดที่ต้องจ่าย แต่ไม่ต้องจ่ายหลังคืนใบอนุญาตแล้ว ซึ่งหากคืนตอนนี้ก็จะถูกยึดค่างวดที่ 1-2 ให้เป็นรายได้ของแผ่นดิน แต่งวดที่เหลือคือ 3-6 ไม่ต้องจ่าย แต่แนวทางนี้ยังมีบางหน่วยงานรัฐเห็นขัดแย้ง ซึ่งต้องเสนอเรื่องให้กรรมการกสทช.พิจารณาเพื่อหาข้อยุติ โดยคณะกรรมการกสทช.จะประชุมวันที่ 10 ก.พ.นี้
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : หากเป็นไปตามนี้ จะเป็นผลดีกับ BBL ผู้ออกแบงก์การันตีให้ไทยทีวีสำหรับค่าใบอนุญาตจำนวน 1,634 ล้านบาท (ไม่รวม VAT) และต้องชำระค่างวดที่ไทยทีวีไม่จ่ายให้กับกสทช.แทน เพราะวงเงินที่ต้องรับผิดชอบก็จะน้อยลงไปมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องติดตามผลการประชุมกสทช.วันที่ 10 ก.พ.นี้ก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
- DTAC (ราคาปิด 35.25 บาท) : ปรับลดนโยบายการจ่ายปันผลลงเป็นไม่ต่ำกว่า 50% (จากเดิมไม่ต่ำกว่า 80%) ล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.52 บาท/หุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสม กำหนดวัน XD 16 ก.พ.2016 (เมื่อรวมกับ 3 ครั้งที่จ่ายไปแล้วสำหรับงวด 1Q15-3Q15 ที่ 2.41 จะรวมเป็นปันผลสำหรับงวดผลประกอบการปี 2015 เท่ากับ 2.93 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 118% ของกำไรสุทธิ และ Dividend Yield 8.3%)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : บริษัทประกาศลดนโยบายการจ่ายปันผลลง เราจึงคาดการณ์ว่าเงินปันผล/หุ้น (DPS) ปี 2016 จะน้อยลงจากที่จ่ายในปี 2015 ในเบื้องต้นถ้าให้สมมติฐาน Payout ratio 60-70% จะได้เงินปันผลจ่ายปี 2016F ที่ 2.0-2.3 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ปี 2016F เท่ากับ 5.7-6.5% จากความน่าสนใจด้านเงินปันผลของ DTAC ที่น้อยลง ในเชิงกลยุทธ์ เราจึงเห็นว่าถ้าจะลงทุนเพื่อรับเงินปันผลสูงก็อาจพิจารณาเป็น ADVANC หรือ INTUCH แทน เพราะให้ Dividend Yield สูงกว่า โดยคาดการณ์ของปี 2016F ไว้ประมาณ 7% ทั้งนี้เราคำนวณ Dividend Yield จากราคาปิดหุ้นวันที่ 3 ก.พ. และคาดการณ์กำไรปี 2016
การเมืองในประเทศ : รัฐบาลจะผลักดันให้มีเลือกตั้งตามโรดแมปในเดือนก.ค.2017 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลจะเสนอให้ออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เสร็จก่อน เพื่อจัดการเลือกตั้ง และระหว่างที่จัดการเลือกตั้งก็ให้สนช.พิจารณากฎหมายที่เหลือให้เสร็จ เพื่อให้กฎหมายทั้งหมดใช้ได้ทันกับรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง
นักกลยุทธ์ & วิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]