- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 February 2016 18:44
- Hits: 754
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาด (+) ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หลังรัสเซียส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับกลุ่มโอเปก เพื่อร่วมมือกระตุ้นราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามคาดยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นดังกล่าว ทำให้การลงทุนในกลุ่มพลังงานแนะนำเพียงการเก็งกำไรตามราคาน้ำมัน +/- เนื่องจากคาดภาพรวมยังคงมีความกังวลต่อปัญหาอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง
(-) ความกังวลต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจ ทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งล่าสุดตัวเลขการผลิตยังไม่ดี แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามคาดอาจได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นที่คาดว่าเฟดอาจ
ยังไม่พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. (15 – 16/3/59)
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงปลายก.พ. แต่คาดได้รับ ปัจจัยลบจากความผันผวนของ Fund Flow โดย YTD ยอดขายสุทธิสะสมของต่างชาติ อยู่ที่ประมาณ 10,500 ล้านบาท และแรงขายของสถาบันในประเทศ ยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.58 – 35.60 บาท แข็งค่าจากวันก่อนหน้าที่ 35.72บาท ขณะที่การประชุม กนง. วานนี้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ส่วนแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร คาดมีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yieldหลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯ ยังคงมีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +183.12, NASDAQ -12.71, S&P +9.50 FTSE -84.87, CAC -57.03 และ DAX -146.22
ตอบรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เพิ่มขึ้นถึง 8% หลังรัสเซียส่งสัญญาณพร้อมเปิดช่องทางในการเจรจากับ โอเปก นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน – ม.ค. เพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่ม195,000 ตำแหน่ง แต่ลดลงจาก 267,000 ตำแหน่ง เมื่อธ.ค. ซึ่ง ADP ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขดังกล่าว โดยเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ดัชนีภาคบริการของ ISM – ม.ค. อยู่ที่ 53.5 ลดลงจาก 55.8 เมื่อธ.ค. และยังต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 55.1
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการในเขตยูโรโซน – ม.ค. อยู่ที่ 53.6 ลดลงจาก 54.3 เมื่อธ.ค. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ทำให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในยูโรโซนชะลอตัวในเดือนม.ค.
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$2.40 อยู่ที่ US$ 32.28ต่อบาร์เรล หลังรัสเซียส่งสัญญาณพร้อมเปิดช่องทางในการเจรจากับกลุ่ม โอเปก เพื่อร่วมมือกันกระตุ้นราคาน้ำมัน ซึ่งสามารถชดเชยปัจจัยลบจากสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐฯ เพิ่มสูงถึง 7.8 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 502.7 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$14.1 อยู่ที่ US$ 1,141.3 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.67 1.74 3.37
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,654.93
สถาบัน -1,047.26
บัญชีหลักทรัพย์ +621.91
ต่างประเทศ -1,183.96
ในประเทศ +1,609.31
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,184 ล้านบาท สะสม YTD
-10,581 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
(0) คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% (ตามคาด) พร้อมคาดการณ์ GDP ปี’59 ที่ 3.50%
ประเด็นที่ต้องติดตาม 4 – 5 ก.พ. 2559
4/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ข้อมูลที่มีการปรับแก้ไขของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2015
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.
5/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค.
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 1.88% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.33 อยู่ที่ 21.65
หุ้นแนะนำ : SUTHA
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788