- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 February 2016 18:26
- Hits: 1137
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ฟื้นตัวต่อ ยังคงผันผวนสูง
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ฟื้นตัวต่อ ชะลอแถว 1,300 จุด อิงมุมมองนักเทคนิค KGI (วานนี้ SET ฟื้นท้ายตลาด แกร่งกว่าคาด) คาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวช่วงสั้น หลังดัชนีเงินดอลล่าร์ฯ ร่วงคืนเดียว 1.6% รับตัวเลข ISM ภาคบริการสหรัฐฯ ม.ค. ที่ต่ำคาด และความเห็นของผู้ว่าเฟดนิวยอร์ก นายวิล ดัดลีย์ ว่าตลาดการเงินตึงตัวขึ้นและจะกดดันการตัดสินใจของ US FOMC ในระยะสั้น นอกจากนี้รัสเซียออกแถลงอีก ชี้พร้อมประชุมฉุกเฉินกับโอเปกเพื่อลดปริมาณผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTi +10.28% และน่าจะหนุนหุ้นน้ำมันต้นน้ำในวันนี้ ทั้งนี้เราคงมอง SET แกว่งขึ้น แต่ผันผวนสูงตามการแกว่งตัวแรงของตลาดน้ำมันโลก และมุมมองต่อดอกเบี้ยเฟดที่ยังไม่นิ่ง คงกลยุทธ์ซื้อเก็งกำไรเร็ว
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร GL*, BJCHI* / สะสม VGI*
GL* (เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/58 โตเด่นเป็น 189 ล้านบาท (คาดกำไร +103% YoY และ +33% QoQ) และประเมิน Earnings momentum ปีนี้ยังไปต่อ คาดกำไรโต 38% CAGR 2558 - 2560 2) Upside risk อยู่ที่การลงทุนในต่างประเทศ โดย GL ประสบความสำเร็จในการลงทุนที่ประเทศกัมพูชาไปแล้ว (กำไรจากกัมพูชาตอนนี้คิดเป็น 40-50% ของกำไรรวมทั้งบริษัทฯ แล้ว) ในส่วนของประเทศลาวและอินโดนีเซีย (JV กับ บ.ญี่ปุ่น J-Trust และตลาดรถจักรยานยนต์ที่อินโดนีเซียใหญ่กว่าไทย 3 - 4 เท่า มียอดขายเฉลี่ยปีละ 7 - 8 ล้านคัน ขณะที่ไทยปีที่แล้วมียอดขายเพียง 1.6 ล้านคัน) ที่ได้เริ่มธุรกิจลีสซิ่งไปแล้วนั้น คาดใช้เวลาราว 1 - 2 ปีในการรุกตลาดฯ หากประสบความสำเร็จเช่นใน กัมพูชา มีโอกาสที่กำไรจะโตกว่าที่คาด 3) รูปแบบราคามีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 23.2 บาท และถัดไปที่ ?26 บาท แนวรับใกล้ 21.1 บาท และ 20.9 บาท
BJCHI* (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) 1) หากวันนี้ดีดพ้นแนวต้าน 5.80 บาทได้ แนะนำ "เก็งกำไรตาม" คาดมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 6.05 บาท และถัดไปที่ ?6.50 บาท แนวรับ 5.65 บาท (หากต่ำกว่าแนะนำ Stop loss) 2) ประเมินปันผลที่จะประกาศในปลายเดือน ก.พ. นี้ = 0.55 บาท/หุ้น (Dividend yield 9.6%) 3) ราคาน้ำมันเริ่มยืน เป็น Sentiment บวกต่อแนวโน้มการประมูลงานรับเหมาฯ ในอุตสาหกรรมพลังงานของ BJCHI
VGI* (เป้า Consensus 3.92 บาท) 1) เรายังคงแนะนำ "สะสม" VGI ต่อ โดยประเมิน Downside risk จำกัด ราคาหุ้น Underperfrom ตลาดฯ ในช่วงปีที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยลบไปพอควรแล้ว (การบริโภคในประเทศชะลอ + เลิกสัญญาสื่อโฆษณาในโมเดิร์นเทรด) ขณะที่จำนวนนักวิเคราะห์ใน Bloomberg consensus เริ่มปรับคำแนะนำขึ้น จาก "ขาย" เป็น "ถือ" (เดือน ม.ค.58 นักวิเคราะห์ 10 แห่ง แนะนำ "ขาย" / 3 แห่ง แนะนำ "ซื้อ" ล่าสุดจำนวนนักวิเคราะห์ที่แนะนำ "ขาย" ลดลงเหลือเพียง 3 แห่ง / แนะนำ "ถือ" 8 แห่ง / แนะนำ "ซื้อ" 2 แห่ง แสดงให้เห็นถึง Momentum ที่เริ่มดีขึ้น) 2) เราประเมินรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาในธุรกิจการบินจะเข้ามาเพิ่มขึ้นในปีนี้ (ตามการท่องเที่ยวที่เติบโตเด่น) ซึ่งจะช่วยชดเชยการหายไปของรายได้สื่อในโมเดิรน์เทรด 3) ประเมินแนวรับ ?4 บาท แนวต้านใกล้ 4.1 บาท และแนวต้านถัดไป 4.2 บาท (หากยืนเหนือ 4.2 บาทได้ จะเป็นการยืนยันจบขาลง)
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มสื่อสาร สำหรับนักลงทุนที่เก็งกำไรหุ้น DTAC* ตามที่เราแนะนำก่อนหน้า (2 ก.พ.) อาจพิจารณา "ขายล๊อกกำไร" เนื่องจากมีข่าวลบเข้ามาเพิ่มเติม คือการประกาศลดนโยบายปันผลลงเหลือ 50% (จากเดิม 80%) ส่งสัญญาณด้านลบต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน (Signaling Hypothesis) แต่ยังคงแนะนำ "ถือ" ADVANC* ... อย่างไรก็ดีหาก JAS* ที่เป็นผู้เล่นรายใหม่เริ่มมีความชัดเจนเรื่องการลงทุน 4G (ตอนนี้ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ปล่อยกู้) แนะนำ "ขายล๊อกกำไร" ADVANC* เนื่องจากการมีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มเข้ามาอาจกดดันให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น
กลุ่มพลังงาน สำหรับนักลงทุนที่เข้า "เก็งกำไร" PTT* และ PTTEP* ตามที่เราแนะนำก่อนหน้า (วันที่ 28 ม.ค.) อาจพิจารณา "ถือ" รอความชัดเจนเรื่องการหารือเพื่อลดกำลังการผลิตน้ำมันของรัสเซียและกลุ่ม OPEC โดยกำหนดจุด Stop loss หากขาดทุนมากกว่า 3 - 5%
หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL*) การเลื่อนจับสลากโครงการโซลาร์ส่วนราชการ (รอที่ประชุม กพช อนุมัติหลักเกณฑ์ใหม่ คาดประชุมเดือน มี.ค.นี้) เรามีมุมมองต่อประเด็นนี้เป็น 2 มุมมอง
i) การเลื่อนฯ สามารถพิจารณาได้ทั้งมุมบวกและลบ: มุมบวกคือ มีโอกาสที่โครงการของผู้ประกอบการที่ยื่นไปก่อนหน้า แล้วติดปัญหาผังเมืองจะได้รับการพิจารณาเพิ่ม ขณะมุมลบคือเป็นการเลื่อนโครงการออกไป ซึ่งอาจกระทบต่อ Sentiment การลงทุน (เรายังคงมุมมองเดิมว่า โครงการนี้มี IRR ต่ำ เป็นเพียง Event ปลดล๊อกอุตฯเท่านั้น)
ii) ผู้ประกอบการที่ กระจายการลงทุนไปยังพลังงานทดแทนในต่างประเทศ และธุรกิจอื่นๆ จะเด่นกว่าหุ้นที่หวังพึ่งเพียงการประมูลจากรัฐบาลไทย: IFEC มีการเตรียมแผนรองรับโดยการเข้าลงทุนในต่างประเทศ (พลังงานลมที่เกาหลี คาดโอนหุ้นเสร็จในเดือน มี.ค., พลังงานลมที่เวียดนามเริ่มเดินหน้าแล้ว, พลังงานลมที่ออสเตรเลียคาดรอการสรุปแผนลงทุนกับ Goldwind, โซลาร์ฟาร์มที่กัมพูชา คาดจะ COD เดือน ก.พ.นี้) และการลงทุนในธุรกิจ รร ดาราเทวี / ขณะที่ GUNKUL* มีการศึกษาลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
หุ้นปันผล i) PS* (เป้าพื้นฐาน 32.3 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผลที่เหลือของปี 2558 ที่จะประกาศจ่ายหลังปิดงบปี ?0.8 บาท/หุ้น ii) KTB* (เป้าพื้นฐาน 18.3 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 0.78 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. - ต้น มี.ค.) iii) ASK (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 1.53 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. - ต้น มี.ค.) iv) BJCHI* (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) ประเมินปันผล 0.55 บาท/หุ้น
หุ้นมีข่าว
(0) กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% จากรายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 กนง. "...เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน...แรงกดดันเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อน...อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบในปัจจุบันจะทยอยปรับสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะกลับเป็นบวกในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ขณะที่ ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินฝืดมีจำกัด เนื่องจากอุปสงค์ยังขยายตัวและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก..." (ธนาคารแห่งประเทศไทย) เราคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ไปในปี 2560 โอกาสความเป็นไปได้ที่ กนง. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือ 0% เนื่องจากไม่มีเหตุผลใดที่สนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เราคาดว่าโอกาสความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยลงมี 10% ถ้าเศรษฐกิจโลกทรุดตัวลงมากกว่าคาดบวกกับผลกระทบจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้เศรษฐกิจไทยทรุดตัวลง แต่ปัจจัยเรื่องความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืดจะไม่มีน้ำหนักต่อการลดดอกเบี้ยเนื่องจากไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
(-) กทพ. เผยอาจไม่ต่อสัญญาบริหารทางด่วนขั้นที่ 2 กับ BEM* หลังครบสัญญาสัมปทานปี 2563 โดยมองว่า การบริหารเองจะได้รายได้เต็มที่มากกว่า แต่ต้องรอผลการศึกษาข้อดีข้อเสียจาก สคร. (ข่าวหุ้น) เราเห็นว่า ข่าวดังกล่าวเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบต่อ BEM อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อสรุปในขณะนี้ เนื่องจากต้องรอผลการศึกษาถึงผลดีและผลเสียที่ชัดเจน ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้ดำเนินการ i) ระบบทางด่วนขั้นที่สอง (SES: Sector A-B-C-D) ภายใต้สัญญาสัมปทานสองฉบับซึ่งจะครบอายุในปี 2020 และ 2027 ตามลำดับ และ ii) ทางด่วนวงแหวนศรีรัช (SOE) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ใน 3Q59 ทั้งนี้ SOE จะกลายเป็นเสาหลักของบริษัทในส่วนของธุรกิจทางด่วนในอนาคต เรายังคงแนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย 6 บาท (ภายใต้สมมติฐานที่ไม่ได้รับการต่อสัญญาสัมปทาน) แต่มีแนวโน้มจะปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้น เนื่องจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในอนาคต
(+) EFORL ดันวุฒิศักดิ์เข้าตลาด ระดมทุนพันล้าน-หวังล้างหนี้เกลี้ยงปีนี้ (กรุงเทพธุรกิจ) ฟื้นความเชื่อมั่นหลังหุ้นดิ่งแตะ 0.50 บาท 'อีฟอร์แอล' ยื่นไฟลิ่ง 'วุฒิศักดิ์ คลินิก' ช่วงกลางปี ดันเข้าเซ็ทภายในสิ้นปีนี้ คาดระดมทุนกว่า 1,000 ล้าน นำเงินล้างหนี้หมดปีนี้ พร้อมลุยเพิ่มรายได้ธุรกิจเครื่องสำอาง หวังเพิ่มสัดส่วน 20% ใน 3 ปี คาดขายไอพีโอ รอบนี้ช่วยฟื้นมูลค่าหุ้นหลังราคาดิ่งจาก 1.30 บาท เหลือ 0.50 บาท
(+) BR จ่อปิดดีลร่วมทุนอินโดออเดอร์เป็ดพุ่งรับตรุษจีน (ทันหุ้น) BR เร่งเครื่องปิดดีลร่วมทุนพาร์ตเนอร์อินโดนีเซีย จ่อเซ็นสัญญาภายในไตรมาส 1/2559 พร้อมศึกษาแผนเทกโอเวอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจ เล็งกระจายสินค้าในลาว กัมพูชา และพม่า ปั๊มกำลังการผลิตพุ่ง อัพผลงานขยายตัวต่อเนื่องวงในชี้ยอดขายปี 2559 เติบโตกว่า 10-15% รับทรัพย์อาหารจานด่วนออเดอร์เป็ดพุ่งรับตรุษจีน ฟากโบรก เชียร์ "ซื้อ" เป้า 8 บาท
(+) CPALL* ยุติปัญหาซีจี 23 ก.พ. โบรกประเมิน 'กรรมการ' ที่ถูกปรับอาจยื่นลาออก (กรุงเทพธุรกิจ) หากเปลี่ยนผู้บริหารจริง ราคาหุ้นตอบรับทางบวก "โบรกเกอร์" คาดซีพีออลล์ประชุมบอร์ด 23 ก.พ.นี้ พิจารณาผลประกอบการงวดปี และหารือปัญหาผู้บริหารถูกก.ล.ต.ปรับฐานใช้อินไซเดอร์เทรดดิ้ง หลังถูกกดดันหนัก โดยเฉพาะราคาหุ้น พร้อมประเมินผู้บริหารที่ถูกปรับ แสดงความรับผิดชอบขอลาออกเอง ระบุหากเลือกทางออกนี้ เชื่อหุ้นกระเตื้อง ย้ำพื้นฐานไม่เปลี่ยนแต่มูลค่าหุ้นลดลง เพราะธุรกิจค้าปลีกจากนี้ไปโตไม่มาก
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
MINT* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนะนำ "เก็งกำไร" ประเมินรูปแบบราคามีโอกาส Breakout แนวต้านกรอบ Sideway ที่ 34 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไป ?37 บาท แนวรับ 32.5 บาท
KTB* (เป้าพื้นฐาน 20.7 บาท) แนะนำ "เก็งกำไร" แนวรับ 17.2 บาท แนวต้าน 17.8 บาท และถัดไปที่ ?18.5 บาท สำหรับนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ Pair trading แนะนำ "คงสถานะ" Long KTB*/Short SCB* และ "ปิดสถานะ" Long KTB*/short KBANK* ล๊อกกำไร
LIT (เป้า Consensus 12.4 บาท) รูปแบบราคายังเป็นการ Sideway up ประเมินแนวต้าน 9.75 บาท แนวรับ 9 บาท ... คาดประกาศงบวันที่ 12 ก.พ. (คาดกำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง)
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) แนะนำ "เก็งกำไร" แนวรับ 6.4 บาท แนวต้าน 6.8 บาท หากทะลุผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 7.2 บาท
SF (เป้า Consensus 8.05 บาท) แนะนำ "เก็งกำไร" แนวรับ 6.1 บาท แนวต้าน 6.5 บาท ... คาดไตรมาส 4/58 บันทึกกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรม
COM7 (เป้าสูงสุดใน Consensus 6.1 บาท) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ "Let profit run" ("ขายล๊อกกำไร" ก่อน หากต่ำกว่า 6.5 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
DTAC* แนะนำ "ขาย" (ปรับลงจากเดิม "ถือ") เป้าพื้นฐาน 24 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับคำแนะนำลงเป็น "ขาย" หลังการ Conference call วานนี้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มคือต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่าย (ผลจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น) และรายงานงบไตรมาส 4/58 ต่ำกว่าคาด (กำไร 998 ล้านบาท ลดลง 47% YoY และ 18.7% QoQ) ฝายวิจัยฯปรับประมาณการปี 2559 ลง 32%
นักวิเคราะห์: อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]