- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 February 2016 19:13
- Hits: 577
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ลงต่อ / คงแนะนำ หาจังหวะเก็งกำไร
KGI คาด SET วันพุธปรับลงต่อ (วานนี้แย่กว่าคาด และช่วงสั้น SET อาจมี downside มากกว่าคาด) ตลาดน้ำมันเผชิญข่าวลบต่อ (กดดันหุ้นน้ำมันต้นน้ำ) หลังรัสเซียรายงานตัวเลขผลิตน้ำมัน ม.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ตลาดจึงลดความเชื่อมั่นต่อประเด็นความร่วมมือกันลดปริมาณผลิตน้ำมัน) นอกจากนี้บริษัท BP ขาดทุนหนักเป็นประวัติการณ์ และเมื่อคืนนี้ S&P ลดเครดิต บ.น้ำมันใหญ่ๆ หลายแห่งด้วยกัน นอกจากนี้ทุนต่างชาติอาจเป็นลบมากขึ้นในช่วงสั้น หลังเงินบาทพลิกมาอ่อนเร็วก่อนหน้าประชุม กนง. วันนี้ อย่างไรก็ดีนักเศรษฐศาสตร์ KGI และ consensus คาด กนง. จะยังตรึงดอกเบี้ยที่ 1.50% ช่วงสั้นคาด small caps จะโดดเด่น แนะหาจังหวะซื้อเก็งกำไร ส่วนหุ้นกลุ่มหลักแนะรอตลาดนิ่งก่อน ภาพรายไตรมาส เรายังคงมอง SET แกว่งขึ้นเช่นเดิม
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร GL*, MINT* / สะสม VGI*
GL* (เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/58 โตเด่นเป็น 189 ล้านบาท (คาดกำไร +103% YoY และ 33% QoQ) 2) Earnings momentum ปีนี้ยังไปต่อ คาดกำไรโต 38% CAGR 2558 - 2560 3) Upside risk อยู่ที่การลงทุนในต่างประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จจากการลงทุนที่กัมพูชา (กำไรจากกัมพูชา คิดเป็น 50% ของกำไรตอนนี้แล้ว) โดยขณะนี้ GL ได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจลีสซิ่งในประเทศลาวแล้ว และตั้ง JV ร่วมกับ J-Trust (บริษัทเงินทุนสำหรับผู้บริโภค) ทำธุรกิจลีสซิ่งที่ประเทศอินโดนีเซียแล้ว 3) รูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นหลัง Breakout แนวต้านกรอบ Sideway ที่ 21.1 บาทได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 23.2 บาท แนวรับ 20.6 บาท
MINT* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) 1) ปลดล๊อกการเข้าซื้อโรงแรม Tivoli ในโปรตุเกส มูลค่า ?3 พันล้านบาท ซึ่งล่าช้ามาจากปีที่แล้ว ฝ่ายวิจัยฯประเมินรายได้ และกำไรของ MINT* จะเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อโรงแรมนี้ราว 8% และ 9% ตามลำดับ (ฝ่ายวิจัยรวมในประมาณการฯแล้ว) ... อ่านรายละเอียดในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ 2) รูปแบบราคา Sideway หลังปรับลงมาทดสอบแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ ?32 บาท รอสัญญาณการ Breakout รอบใหม่ โดยประเมินแนวต้านใกล้ที่ 34 บาท หากทะลุผ่านได้มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 37.5 บาท และประเมินแนวรับ 32.5 บาท และ 32 บาท ตามลำดับ
VGI* (เป้า Consensus 3.92 บาท) 1) เราประเมินราคาหุ้นที่ Underperform ตลาดฯ ในช่วงปีที่ผ่านมาสะท้อนข่าวลบไปพอสมควรแล้ว (การบริโภคในประเทศชะลอตัว / เลิกสัญญากับโมเดิร์นเทรด) ขณะที่หากพิจารณาจากมุมมองใน Bloomberg consensus จะเห็นว่าจำนวนนักวิเคราะห์ที่ออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำนวน 13 แห่งเริ่มปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "ขาย" เป็น "ถือ" มากขึ้น (ล่าสุดแนะนำ "ขาย" 3 แห่ง / "ถือ" 8 แห่ง / "ซื้อ" 2 แห่ง เทียบกับเดือน ม.ค. 58 ที่แนะนำ "ขาย" 10 แห่ง แนะนำ "ซื้อ" 3 แห่ง) 2) รอข่าวบวกจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ (คาดเริ่มฟื้นตั้งแต่กลางปีนี้) และการรับรู้รายได้ของธุรกิจสื่อโฆษณาในสายการบินที่คาดจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ตามการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยว (คาดจะช่วยชดเชยการหายไปของธุรกิจโมเดิร์นเทรดได้) 3) ประเมินแนวรับ 3.80 บาท แนวต้าน 4.1 บาท
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มสื่อสาร ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารที่เป็นผู้เล่นรายเดิมอย่าง ADVANC* และ DTAC* Outperform ตลาดฯ ในช่วงที่ผ่านมา คาดเป็นผลจากการที่ผู้เล่นรายใหม่อย่าง JAS* ยังมีความเสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะไม่ปล่อยกู้การลงทุน 4G (การที่ TRUE* ประกาศเพิ่มทุนเป็นการส่งสัญญาณว่า JAS* มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนเช่นกัน) ดังนั้นในระยะสั้นที่ JAS ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการลงทุน 4G จะทำให้ ADVANC* และ DTAC* Outperform แนะนำ "เก็งกำไร" เลือก ADVANC* เป็นหุ้นเด่นในเชิงพื้นฐาน
หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL*) วันศุกร์ที่ผ่านมา กกพ แจ้งเลื่อนการประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์ส่วนราชฯ โดยจะรอให้ที่ประชุม กพช กำหนดเกณฑ์ใหม่ (จากข่าวใน นสพ กรุงเทพธุรกิจ ผู้ประกอบการบางรายคาด กพช ประชุมเดือน มี.ค.) ให้สอดรับกับการปลดล๊อกปัญหาผังเมือง (ที่มีการประกาศในราชกิจจาฯไปในช่วงกลางเดือน ม.ค.) เราประเมินเป็น 2 มุมมองดังนี้
i) การเลื่อนฯ สามารถพิจารณาได้ทั้งมุมบวกและลบ: มุมบวกคือ มีโอกาสที่โครงการของผู้ประกอบการที่ยื่นไปก่อนหน้า แล้วติดปัญหาผังเมืองจะได้รับการพิจารณาเพิ่ม ขณะมุมลบคือเป็นการเลื่อนโครงการออกไป ซึ่งอาจกระทบต่อ Sentiment การลงทุน (เรายังคงมุมมองเดิมว่า โครงการนี้มี IRR ต่ำ เป็นเพียง Event ปลดล๊อกอุตฯเท่านั้น)
ii) ผู้ประกอบการที่ กระจายการลงทุนไปยังพลังงานทดแทนในต่างประเทศ และธุรกิจอื่นๆ จะเด่นกว่าหุ้นที่หวังพึ่งเพียงการประมูลจากรัฐบาลไทย: IFEC มีการเตรียมแผนรองรับโดยการเข้าลงทุนในต่างประเทศ (พลังงานลมที่เกาหลี คาดโอนหุ้นเสร็จในเดือน มี.ค., พลังงานลมที่เวียดนามเริ่มเดินหน้าแล้ว, พลังงานลมที่ออสเตรเลียคาดรอการสรุปแผนลงทุนกับ Goldwind, โซลาร์ฟาร์มที่กัมพูชา คาดจะ COD เดือน ก.พ.นี้) และการลงทุนในธุรกิจ รร ดาราเทวี / ขณะที่ GUNKUL* มีการศึกษาลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
หุ้นปันผล i) PS* (เป้าพื้นฐาน 32.3 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผลที่เหลือของปี 2558 ที่จะประกาศจ่ายหลังปิดงบปี ?0.8 บาท/หุ้น ii) KTB* (เป้าพื้นฐาน 18.3 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 0.78 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. - ต้น มี.ค.) iii) ASK (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 1.53 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. - ต้น มี.ค.) iv) BJCHI* (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) ประเมินปันผล 0.55 บาท/หุ้น
หุ้นมีข่าว
(0) หึ่ง! CPALL* ปลดบิ๊กหนุนราคาหุ้นวิ่งแรง (โพสต์ทูเดย์) หุ้นซีพี ออลล์ ร้อนแรงผิดปกติ ราคากระโดด 4% จากกระแสข่าวบอร์ดเดือน ก.พ.จะแก้ปัญหาบรรษัทภิบาล หุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) ดีดขึ้นแรงผิดปกติ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2559 โดยปิดที่ระดับ 42 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 3,053 ล้านบาท สวนทางตลาดหุ้นโดยรวมที่รูดลง 12.04 จุด หรือ 0.93%
(+) TU*จบดีลการซื้อหุ้น 51% ในบริษัท Rugen Fish. ซึ่งดีลนี้เป็นดีลที่ TU เสนอขอซื้อกิจการตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.2558 ด้วยการซื้อดีล EV/EBITDA 6.5x ความเห็น - No rating. Rugen Fish เป็นผู้นำตลาดอาหารทะเลกระป๋องในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ "ฮอเว็สต้า" (Hawesta) ผู้นำแบรนด์อาหารทะเลกระป๋อง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี และมีรายได้ในปี 2557 เท่ากับ 140 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,600 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล และ ปลาแซลมอน ทั้งแบบสดและแช่เย็น ซึ่งจัดจำหน่ายไปยังผู้ค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศเยอรมนี ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ รูเก้นฟิช (R?genFisch) ฮาเวสต้า (Hawesta) ออสต์เซย์ฟิช (Ostsee Fisch) ไลเซลล์ (Lysell) และภายใต้แบรนด์ OEM โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 37% ตามปริมาณการขายในปี 2557ซึ่งรายได้จากดีลนี้ประมาณ 5.6 ล้านบาท จะทำให้รายได้รวมของ TU เพิ่มประมาณ 4.5% และเพิ่มกำไรประมาณ 2.5-3%
(+) TOT จ่อสรุปดีลเอไอเอส มี.ค. นี้ (ข่าวหุ้น) เป็นประเด็นบวกต่อ ADVANC* โดยเราคาดว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้ บริษัทสามารถดำเนินงานบนแบนด์วิดธ์ที่มากขึ้น ภายใต้คลื่น TOT 2100MHz แบบขายส่ง รวมทั้งอาจนำไปสู่ความสำเร็จในข้อตกลงของเสา 1.3 หมื่นต้น แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 214
(+) MILL จับมือญี่ปุ่นหนุนกำไรขยับแตะ 15% (กรุงเทพธุรกิจ) มิลล์คอน สตีล จับมือพันธมิตร ลุยธุรกิจเหล็กขั้นสูง ใช้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ พร้อมนำเงิน 1.2 พันล้านใช้หนี้ หวังลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือ 1.5 เท่า พร้อมเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นทะลุ 15 % ตั้งเป้ารายได้ปี 2559 ที่ 2 หมื่นล้าน
(+) JWD จ่อตั้งกองรีท2-3พันล้าน หวังระดมทุนซื้อกิจการ-ปั๊มรายได้ปีนี้โต10% (ข่าวหุ้น) "JWD" จ่อตั้งกอง REIT มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 2-3 นี้ เพื่อนำเงินไปใช้ขยายกิจการในไทยและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่กำไรสุทธิคาดอยู่ที่ระดับ 14%
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
KTB* (เป้าพื้นฐาน 20.7 บาท) ประเมินแนวรับ 17.2 บาท (หากต่ำกว่า แนะนำ Stop loss) สำหรับนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ Pair Trading Long KTB*/Short SCB* และ Long KTB*/Short KBANK* แนะนำ "ถือ" เพราะกลยุทธ์นี้ไม่เกี่ยวกับความผันผวนของภาวะตลาดฯ
LIT (เป้า Consensus 12.4 บาท) รูปแบบราคายังเป็นการ Sideway up ประเมินแนวต้าน 9.75 บาท แนวรับ 9 บาท
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) รูปแบบราคายังเป็นการ Sideway up ประเมิน 6.8 บาท แนวรับ 6.35 บาท
SCC* (เป้าพื้นฐาน 620 บาท) ราคาหลุดแนวรับ 424 บาท แนะนำ Stop loss แต่สำหรับนักลงทุนระยะกลาง - ยาว แนะนำ ทยอยสะสมแนวรับ ?400 บาท
SF (เป้า Consensus 8.05 บาท) ประเมินแนวรับ 6.1 บาท แนวต้าน 6.5 บาท แนะนำ "เก็งกำไร" ในกรอบแนวรับ - แนวต้าน
COM7 (เป้าสูงสุดใน Consensus 6.1 บาท) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ "Let profit run" ("ขายล๊อกกำไร" ก่อน หากต่ำกว่า 6.35 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
MINT* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 41 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินการเข้าซื้อโรงแรมที่ประเทศโปรตุเกส (ล่าช้ามาจากปีที่แล้ว) ช่วยหนุนผลการดำเนินงานปีนี้ (รวมในประมาณการฯแล้ว)
HMPRO* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 10.1 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรไตรมาส 4/58 จะสูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ 1.07 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% YoY และ 33.8% YoY
นักวิเคราะห์: อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]