WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ SMID Cap

ตลาดหุ้นวานนี้:
    ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งแคบระหว่าง 1,290-1,300 จุด หุ้นกลุ่มพลังงานและ SCC ปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ และแม้ว่ากลุ่ม ICT / ขนส่ง / โรงพยาบาล กลับขยับขึ้นเพื่อช่วยประคองภาพตลาด แต่ก็เกิดแรงขายหุ้นหลักเข้ามามากขึ้นในช่วงท้ายตลาด กดให้ SET INDEX วานนี้ปิดลบ 12.04จุด มาอยู่ที่ 1,285.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,479 ล้านบาท
ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 632 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 4,839 สัญญา แต่ยังคงซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 อีก 3,926 ล้านบาท ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติ "เป็นกลาง" ต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประกาศงบ DTAC วันนี้ คาดกำไรสุทธิชะลอตัว yoy และ qoq
ติดตามการประชุม กนง.วันนี้ เราคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ
ธนาคารกลางจีนผ่อนคลายการวางเงินดาว์นซื้อบ้านหลังแรกเป็น 20% จากเดิม 25% คาดช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนดีขึ้น
BBL เผชิญกับแรงกดดันผู้ค้ำประกันกรณีใบอนุญาตทีวีดิจิตอล
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดต่ำกว่า US$30/barrel อีกครั้ง

มุมมองต่อตลาด
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราให้น้ำหนักเป็น "กลาง" โดยเรายังคงประเมิน Downside risk ที่จำกัด แนวรับ 1,270-1,275 จุด จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะ
เงินปันผลงวด 2H58 หรือปี 2558 ในรอบนี้ระดับ 3-4% สำหรับหุ้น Big Cap เชื่อว่าสถาบันทั้งในและต่างประเทศจะเลือกสะสมหุ้นเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธนาคาร / ICT
ผลการดำเนินงานใน 4Q58 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเป็นกลางถึงบวก
การลงทุน ณ ปัจจุบัน ขาดปัจจัยลบใหม่เข้ากดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก
ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน เราเชื่อว่าจะทำให้ความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ คลายตัวลงไม่มากก็น้อย เพียงแต่ Upside gain ของตลาดหุ้นจีน เป็นไปอย่างจำกัด เพราะสัปดาห์หน้าตลาดหุ้นจีนและสถาบันการเงินในจีน ปิดทำการตลอดทั้งสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนต้องบริหารสภาพคล่องทางการเงินในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนจะกลับมาบวกหลังสิ้นสุดช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,275-1,295 จุด ทั้งนี้ติดตามปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวผลักดันด้านบวกของ SET INDEX ในรอบสั้นคือ
แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ปรับฐานหลุดแนว US$30/barrel ของ NYMEX วานนี้ อาจกดดัน PTT / PTTEP / SCC/ โรงกลั่น อยู่บ้าง แต่เราเชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับประเด็นราคาน้ำมันน้อยลง
การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีเสถียรภาพ / แกว่งในกรอบแคบ จะช่วยให้กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลาง คือ อาจซื้อสุทธิ หรือ ขายสุทธิ บางส่วน

กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ "นักลงทุนพิจารณาซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขายต่อเนื่อง" เพื่อรอขายตอน SET INDEX ฟื้นตัวสู่ด่าน 1,300 จุด +/-

Speculative Buy: TASCO/ TRC

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "เก็งกำไร" ได้แก่
1. TASCO : ราคาปิด 31.25 บาท ราคาเหมาะสม 45.00 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสรีบาวน์จาก Sentiment บวก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ US$30.00/barrel อีกครั้ง และราคาหุ้น TASCO ที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการถึง 18% เปิดโอกาสให้เข้าเก็งกำไรเพื่อคาดหวังการดีดกลับ
b) แม้ผลประกอบการ 4Q58 คาดว่าจะชะลอตัวลง -16% qoq แต่ยังเพิ่มขึ้นถึง +135% yoy เป็น 1,221 ล้านบาท จากยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.15 แสนตัน เติบโต +25% yoy และ +2% qoq อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือ 20% จากไตรมาสก่อนที่ 22% ส่งผลให้กำไรสุทธิจะลดลง qoq แต่ดีขึ้นมากจาก 4Q57 ที่อัตรากำไรขั้นต้นต่ำเพียง 8%
c) หากกำไรสุทธิ 4Q58 ออกมาใกล้กับคาดการณ์ จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตสูงถึง +326% yoy เป็น 5,117 ล้านบาท
d) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2559 จากแรงหนุนของยอดขายยางมะตอยที่ 2.7 ล้านตัน แบ่งเป็นส่งออก 2.2 ล้านตัน และในประเทศที่ 5 แสนตัน ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ดังนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 5,314 ล้านบาท
e) Valuation ไม่แพง ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ 12.5 เท่า
2. TRC : ราคาปิด 2.20 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
a) MBKET คาดว่ารายได้ปี 2559 จะเติบโตสูงถึง +143% yoy เป็น 8,500 ล้านบาท จากแรงหนุนของการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างเหมืองแร่ที่ชัยภูมิ ซึ่งจะรองรับการเติบโตของรายได้ไปอีก 3 ปีข้างหน้าให้เติบโตต่อเนื่อง
b) คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการเหมืองแร่โปรแตซมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ในช่วงกลางเดือน ก.พ. และหนุนให้ Backlog เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 6.6 พันล้านบาท เป็น 2.6 หมื่นล้านบาท และหนุนให้กำไรสุทธิปี 2559 เติบโตสูงถึง +100% yoy เป็น 541 ล้านบาท
c) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเทาของกทม.มูลค่า 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท และโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชาราว 2000 MW
d) ปัจจัยบวกระยะสั้น คือ งบ 4Q58 คาดว่าจะเติบโต +89% yoy เป็น 63 ล้านบาท
e) ประเมินมูลค่าโดยวิธี Sum of The Part ได้ราคาเป้าหมายที่ 2.80 บาท แบ่งเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 2.15 บาท และการถือหุ้นในโครงการเหมืองแร่ที่ชัยภูมิ 0.65 บาท มี Upside 31%

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิอีก US$101 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$232 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายทำกำไรบางส่วนเป็นวันที่ 2
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 632 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,430 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 9,397 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 4,839 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 9,304 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 5,903 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไรรอบสั้นต่อเนื่อง เมื่อ S50H16 ยังไม่ผ่าน 810 จุดต่อเนื่อง ส่งผลให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็น 10.75 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 12.62 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 61,206 สัญญา
แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีก 3,926 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ซื้อสุทธิ 50,159 เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 4,535 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทวานนี้กลับมาอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคาพันธบัตรไทยทรงตัวมากขึ้น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงเป็นวันที่ 3 อีกเพียง 0.54bps จากวันก่อนหน้าลดลง 3.51bps ปิดที่ 2.319%

Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 901 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,000 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 11 วันทำการ แต่เป็นเพียงการปรับพอร์ตระหว่างกลุ่มหลักเท่านั้น
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเพียง 12 ล้านบาท จาก 10 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 8,954 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักเท่านั้น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 338 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 582 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 244 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 190 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 76 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่งถูกขายสุทธิสูงสุด 372 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 120 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 177 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 161 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 152 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 98 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ไม่มี

ยุโรป
อัตราการว่างงานเยอรมันทำระดับต่ำสุดใหม่: เดือนม.ค. เท่ากับ 6.2% เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมกลุ่มอียู ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.3% และจำนวนคนที่ออกจากตลาดการจ้างงานลดลง 20,000 ตำแหน่ง เป็น 2.73 ล้านตำแหน่ง ขณะที่ Bloomberg consensus คาดว่าจะลดลงเพียง 8,000 ตำแหน่งเท่านั้น
ธนาคารกลางสวิส ยกเลิกเงื่อนไขการแทรกแซงค่าเงิน: เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสามารถเข้าไปแทรกแซงค่าเงินได้ทางตรง อีกทั้งไม่มีเงื่อนไขทางกฎหมายมาจำกัดการแทรกแซงดังกล่าว ตราบใดที่การแทรกแซงแล้วไม่ขัดต่อเป้าหมายของนโยบายการเงินของธนาคารกลาง

จีน
จีนผ่อนคลายเกณฑ์การกู้เพื่อซื้อบ้านหลังแรก: ด้วยการลดหลักเกณฑ์การวางเงินดาว์นจากปัจจุบัน 25% เป็น 20% ในเมืองที่ไม่มีเงื่อนไข/ข้อจำกัดในการซื้อบ้าน ส่วนบ้านหลังที่ 2 ปรับลดเงินดาว์นจากเดิม 40% เป็น 30% ซึ่งเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง หรือ เซี่ยงไฮ้ เข้าเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว เพื่อเป็นการเร่งระบายสต็อกบ้านที่อยู่ในเมืองรองๆ ต่างๆ ให้เร็วมากขึ้น
ธนาคารกลางจีนเตรียมให้ธนาคารมีการควบคุมกองทุน Wealth Management: ธนาคารกลางจีน ให้ธนาคารต้องมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ด้าน Wealth management fund ที่ส่งต่อให้โบรกเกอร์ หรือ สถาบันการเงินไปบริหารต่อ โดยกำหนดวงเงินสูงสุดของการบริหาร Proprietary จากสถาบันการเงินอื่น และเข้มงวดการทำ leverage ในการเข้าซื้อตราสารหนี้

เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางอินเดียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: ที่ 6.75% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นการรอดูการเสนองบประมาณประจำปีของรัฐบาลอินเดียภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อตัดสินใจว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเช่นกัน: ที่ 2.0% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ แม้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะส่งสัญญาณชะลอตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็ตาม

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!