- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 February 2016 17:34
- Hits: 1217
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
Sideway Down? คาดมีโอกาสปรับลงภายใต้ปัจจัยกดดัน (1) กลุ่มพลังงานที่คาดถูกกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอีกครั้ง หลังกลุ่มประเทศโอเปก ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการประชุมฉุกเฉิน แม้ราคาน้ำมันอยู่ในทิศทางขาลง จากปริมาณอุปทานในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง (2) ความกังวลต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจ หลังตัวเลขภาคการผลิตทั้งของสหรัฐฯ และจีน ยังไม่ดี แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงปลายก.พ. แต่คาดได้รับปัจจัยลบจากความผันผวนของ Fund Flow หลังมีแรงซื้อขายสุทธิของต่างชาติสลับกัน โดย YTD ยอดขายสุทธิสะสม อยู่ที่ประมาณ 8,800 ล้านบาท ยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.62 – 35.65 บาท อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้าที่ 35.56 บาท รวมถึงการประชุม กนง. (3/2/59) คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ส่วนแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร คาดมีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yieldหลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯ ยังคงมีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -17.12, NASDAQ +6.41, S&P -0.86
FTSE -23.69, CAC -24.69 และ DAX -40.23
จากความกังวลการชะลอตัวของภาคการผลิตทั้งของสหรัฐฯ และจีน โดย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน - ม.ค. อยู่ที่ 49.4 ลดลงจาก 49.7 เมื่อ ธ.ค. และเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ปี’55 เช่นเดียวกีบ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ - ม.ค.อยู่ที่ 48.2 แม้ดีขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 48 เมื่อธ.ค. แต่ดัชนี PMI ยังต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของเงินสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง หลังกลุ่มประเทศ
ผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการจัดประชุมฉุกเฉิน เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบจำนวนเท่าใด
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$2.00 อยู่ที่ US$ 31.62 ต่อบาร์เรล จากการขายทำกำไร หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการจัดประชุมฉุกเฉิน แม้ราคาน้ำมันอยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบจำนวนเท่าใด
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$11.6 อยู่ที่ US$ 1,128.0 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตข้างต้น รวมทั้งนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -798 ล้านบาท สะสม YTD
-8,764 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.78 1.75 3.33
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 50,319.05
สถาบัน +549.31
บัญชีหลักทรัพย์ -169.36
ต่างประเทศ -798.44
ในประเทศ +418.49
(-) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) - ม.ค. ลดลง 0.53%YoY มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 0.49% ซึ่งเป็นลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 และลดลง 0.26%MoM อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี’59 เพิ่มขึ้น ในช่วง 1.0-2.0% แต่จะมีการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์อีกครั้ง ในวันที่ 1 มี.ค.
ประเด็นที่ต้องติดตาม 2 – 5 ก.พ. 2559
2/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีภาวะธุรกิจของรัฐนิวยอร์คเดือนม.ค.
3/2/59 : ประชุม กนง. (คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ 1.50%)
สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค.
สต็อกน้ำมัน
4/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ข้อมูลที่มีการปรับแก้ไขของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2015
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.
5/2/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค. (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 1.97% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.22 อยู่ที่ 19.98
หุ้นแนะนำ : SIRI
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788