- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 February 2016 17:09
- Hits: 1001
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sector Rotation
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งระหว่าง 1,295-1,305 จุด แรงเก็งกำไรในหุ้นหลักอย่าง ADVANC / PTT / SCB ขณะที่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง/ วัสดุก่อสร้าง เป็นภาพของการเล่นรอบสั้นระหว่างวัน แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,297.34 จุด ลบ 3.64 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 50,319 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติ กลับมาขายทำกำไรรอบสั้น ตลาดหุ้นไทย 798 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 4,465 สัญญา แต่ยังคงซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 4,821 ล้านบาท มุมมองต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ กลับมาเป็น "กลาง" อีกครั้ง
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุมครม. อาจมีการพิจารณาถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ตามมา
อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย -0.53% yoy เป็นการติดลบเดือนที่ 13 ทำให้โอกาสที่กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่งมีความเป็นไปได้สูง
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลง 5.95% dod ปิดที่ US$31.62/barrel
มุมมองต่อตลาด
ทิศทาง SET INDEX มีแนวโน้มซึมตัวลงจากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ต่อหุ้นหลัก PTT / PTTEP ขณะที่เราเชื่อว่าเงินทุนจะเคลื่อนย้ายไปยังกลุ่มหลักอื่นๆ อย่างกลุ่มธนาคาร / ICT / ท่องเที่ยว /ขนส่ง แทน หรือที่เรียกว่า Sector Ration ทำให้กรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ ประเมินระหว่าง 1,280-1,300 จุด โดยจะเป็นการเปิดย่อตัวลงก่อนที่จะฟื้นตัว แต่ยังไม่อาจมากพอที่จะทำให้ SET INDEX ปิดบวกในวันนี้ได้ ยกเว้นว่า ราคาน้ำมันดิบจะฟื้นตัวในภาคบ่าย หลังตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการ
อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย -0.53% yoy ภายใต้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเดือนธ.ค. การลงทุนของภาครัฐที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชน และดัชนีการบริโภคภาคเอกชน ต่างฟื้นตัว mom ต่อเนื่อง นอกเหนือจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวเด่น และมีสัญญาณเชิงบวกที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดต่อเนื่องใน 1Q59 นี้ ช่วยจำกัด Downside risk ให้แก่ SET INDEX รอบสั้นนี้
ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติ กับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราเชื่อว่าเม็ดเงินจะยังคงทยอยเข้ามาเก็งกำไรเป็นรายตัว ด้วยประเด็นการลงทุนต่อผลการดำเนินงาน และเงินปันผลงวดปี 2558 หรือ 2H58 เป็นสำคัญ แรงขายของต่างชาติวานนี้ ยังเป็นปัจจัยที่น่าสนใจติดตาม
กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ "นักลงทุนอาจพิจารณากลับเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย"
Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: AAV
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 17.50 บาท ราคาเหมาะสม 19.30 บาท
a) MBKET เข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร KTB ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลประกอบการปี 2559 โดยผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 3-4% ใกล้เคียงกับการเติบโตของ GDP ปี 2559 ที่ 3-4% yoy
b) ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์มีทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่า NPL จะยังปรับตัวขึ้นใน 1H59 แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง และตั้งเป้าเพิ่ม Coverage Ratio ขึ้นสู่ระดับ 125% จากปัจจุบันที่ 113%
c) KTB ได้ประโยชน์โดยตรงจากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากมีสัดส่วนการปล่อยกู้ให้กับภาครัฐสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร และรุกเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อ SME ดังนั้น MBKET คาดว่ามีโอกาสที่สินเชื่อปี 2559 จะสูงกว่าเป้าหมายที่ผู้บริหารวางไว้
d) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +10% yoy เป็น 3.03 หมื่นล้านบาท และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5%
e) Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 7.9 เท่า และ PBV2559 ที่ 0.9 เท่า ช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาหุ้น
และ "ซื้อเก็งกำไร"
2. AAV : ราคาปิด 5.55 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะปรับตัว Outperform ตลาดในวันนี้ จาก Sentiment บวกหลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ปรับตัวลง -5.9% dod และ -4.8% dod เมื่อคืนนี้ จากความกังวลต่อภาวะ Supply ส่วนเกินเนื่องจาก OPEC รายงานตัวเลขกำลังการผลิตน้ำมันเพี่มขึ้นเป็น 32.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
b) เนื่องจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักในการดำเนินธุรกิจสายการบิน ซึ่งแทบทุกสายการบิน ณ ปัจจุบัน ไม่มีการซื้อสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน เพื่อเปิดรับประโยชน์อย่างเต็มที่กับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาลง
c) เราประเมินว่าผลการดำเนินงานของ AAV ใน 4Q58 เติบโต yoy และ qoq อย่างโดดเด่น จากผลของฤดูกาล และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลง 51.8% QTD
d) การเปิดอาคาร 2 ของสนามบินดอนเมือง ย่อมเป็นบวกต่อธุรกิจโลว์คอร์สแอร์ไลน์ อย่าง AAV จะสามารถเพิ่มปริมาณการรองรับเที่ยวบิน และ จำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการปี 2559 เติบโตเด่น นอกเหนือจากอานิสงค์ของต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นบวกต่อรายได้การให้บริการเส้นทางบินในประเทศ และส่งผลให้ Passenger Yild ปรับตัวขึ้น ดังนั้น คาดว่ากำไรปกติปี 2559 จะเติบโต +29.7% yoy เป็น 2,244.6 ล้านบาทในปี 2559
e) Valuation มีความน่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER16 เพียง 12.1 เท่า เทียบกับ BA ที่ 21.4 เท่า ส่วน NOK / THAI แม้ว่าจะมี valuation ที่ถูกกว่า AAV แต่ในแง่ของภาพธุรกิจขาดทิศทางที่ชัดเจน ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังเป็นสิ่งที่เรากังวล
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก US$232 ล้าน แต่ชะลอตัวลงจากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ US$707 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายทำกำไรบางส่วน
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 798 ล้านบาท ยังต่ำกว่าการซื้อสุทธิของวันก่อนหน้า แม้ว่าจะทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 8,764 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 4,465 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 5,903 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไรรอบสั้น เมื่อ S50H16 ยังไม่ผ่าน 810 จุด ส่งผลให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ยังคงกว้างเท่ากับ 12.62 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 12.81 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 66,045 สัญญา
แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 4,821 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 46,233 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 4,535 ล้านบาท และค่าเงินบาทมีทิศทางของการแข็งค่า แตะ 35.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาพันธบัตรไทยแข็งค่าต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงอีก 3.51bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 11.43bps ปิดที่ 2.325%
Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 767 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 ยังคงเน้นกลุ่มธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 548 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,433 ล้านบาท รวม 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 8,954 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 582 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 934 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 689 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 161 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 357 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างถูกขายสุทธิสูงสุด 223 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 90 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 120 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 98 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
รายได้ส่วนบุคคลเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด และเดือนก่อนหน้า โดยการออกเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555
การใช้จ่ายส่วนบุคคล เดือนธ.ค. กลับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ Bloomberg consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.1% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.5% mom ทั้งนี้การใช้จ่ายทั้งสินค้าคงทนและไม่คงทนลดลง 0.9% mom ในแต่ละรายการ
ดัชนี ISM ภาคการผลิต เดือนม.ค. เท่ากับ 48.2 จุด ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg consensus คาดเท่ากับ 48.3 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 48.0 จุด และถือเป็นเดือนที่ 4 ระดับดัชนีต่ำกว่า 50 จุด ทั้งนี้ การจ้างงานลดลง 2.1 จุด มาอยู่ที่ 45.9 จุด สะท้อนการชะลอตัวของการจ้างงานในภาคการผลิต
การใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.6% mom แต่ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.6% mom โดยเป็นการก่อสร้างที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยยังคงชะลอตัว แต่ในส่วนของที่อยู่อาศัย ยังคงขยายตัว 0.9% mom
ยุโรป
ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอียู ชะลอตัว: เดือนม.ค. เท่ากับ 52.3 จุด เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาด แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.2 จุด โดยดัชนีฯ ของเยอรมันและอิตาลี ชะลอตัว ขณะที่ของฝรั่งเศส และสเปนกลับชะลอตัว
จีน
ตัวเลข PMI ของจีนออกมาต่ำกว่าคาด
ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนม.ค. เท่ากับ 49.4 จุด ต่ำกว่า Reuters Consensus คาด 49.6 จุด และลดลงจากเดือนธ.ค.ที่ 49.7 จุด เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2555 และเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันที่ดัชนีปรับตัวลง
ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนม.ค. เท่ากับ 53.5 จุด ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.4 จุด
เอเชียแปซิฟิก
สิงคโปร์ห้ามเคลื่อนย้ายเงินทุนขนาดใหญ่ของธนาคารพาณิชย์: หลังมีปัญหาของการโอนเงินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของมาเลเซีย ดังนั้น ทางสิงคโปร์ได้ห้ามการโอนย้ายเงินของบัญชีขนาดใหญ่ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินออกนอกประเทศ
อัตราเงินเฟ้ออินโดนีเซียเร่งตัวขึ้น: เพิ่มขึ้น 4.14% yoy ในเดือน ม.ค. จากเดือนก่อนที่ +3.35% yoy แต่ยังต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +4.26% yoy โดยทั้งราคาอาหารและขนส่งเพิ่มขึ้น 6.60% และ 1.47% จากเดือนก่อนที่ +4.93% และ -1.53% ตามลำดับ
ตัวเลขการผลิตเดือน ม.ค.ในเอเชียเหนือลดลง แต่เพิ่มขึ้นในอาเซียน:
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของเวียดนามเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.5 จุด จากเดือน ธ.ค. 51.3 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 48.9 จุด จากเดือน ธ.ค. 47.8 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของมาเลเซียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 48.6 จุด จากเดือน ธ.ค. 48.0 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของอินเดียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.1 จุด จากเดือน ธ.ค. 49.1 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นลดลงอยู่ที่ระดับ 52.3 จุด จากเดือน ธ.ค. 52.4 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของไต้หวันลดลงอยู่ที่ระดับ 50.6 จุด จากเดือน ธ.ค. 51.7 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของเกาหลีใต้ลดลงอยู่ที่ระดับ 49.5 จุด จากเดือน ธ.ค. 50.7 จุด
ไทย
คมนาคมจี้อัดเงินลงทุน เมกะโปรเจกท์กระตุ้นเศรษฐกิจ: ผลการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน (Action Plan) ว่า การติดตามความคืบหน้าโครงการภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมจำนวน 20 โครงการ ได้สรุปร่วมกันว่าจะต้องทำการเปิดประมูล และลงนามในสัญญาโครงการให้ได้ครบภายในเดือน ก.ย.2559 ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เกิดโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยโครงการหลักที่ยังดำเนินการล่าช้าอยู่คือ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ซึ่งล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดถึง 2 เดือน เนื่องจากได้แยกงานการจัดซื้ออุปกรณ์การจัดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติและสายพานลำเลียงทำให้มีการแบ่งงานออกเป็น 7 สัญญาจากแผนเดิม ส่วนของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) เส้นทางพัทยา-มาบตาพุด คาดว่าจะลงนาม 3 สัญญาแรกในสัปดาห์หน้า ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์เส้นทางบางใหญ่ - บ้านโป่ง -กาญจนบุรี คาดว่าจะเริ่มประกวดราคาได้ช่วงเดือน เม.ย.2559 และจะลงนามเซ็นสัญญาได้ในเดือน ก.ค.2559
อัตราเงินเฟ้อไทยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13: ลดลง 0.53% yoy ในเดือน ม.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 0.85% yoy และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดลดลง 0.41% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการลดลง 0.26% mom การปรับราคาลงของน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ แต่ส่วนของสินค้าและบริการอื่นๆ เพื่อการอุปโภคและบริโภคราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม +0.81% yoy ขณะที่ Core CPI เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.59% yoy โดยปี 2559 อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะกลับมาบวก 1-2%
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530