WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'ซื้อ/ถือเหนือ 1300...Stop Loss เมื่อหลุด 1280'

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TIPCO (จากซื้อเป็น ถือ)
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดที่ 1,300.98 จุด เพิ่มขึ้น 12.58 จุด (+0.98%) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าการเด้งกลับของตลาดระดับ 80-100 จุดมีโอกาสเกิดขึ้นได้หลังในช่วงกว่า 3 เดือน SET Index ได้ปรับลงมาจากประมาณ 1430 จุดมายังระดับต่ำสุดที่ 1220 จุดโดยไม่มีการเด้งกลับแบบมีนัยสำคัญเลยจนมาถึงรอบนี้ กลุ่มที่นำตลาดขึ้นเมื่อวันศุกร์ คือ สื่อสาร เนื่องจากคาดการณ์ว่าถ้า JAS ไม่ได้รับแบงค์การันตีแล้วคืนใบอนุญาตให้กสทช.ไปเปิดประมูลใหม่ จะช่วยให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมลดความรุนแรงลง และมีโอกาสที่ ADVANC และ DTAC จะได้เข้าประมูลใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz รอบใหม่ ขณะเดียวกันทั้ง ADVANC, INTUCH และ DTAC ยังจ่ายปันผลสูงสำหรับงวดปี 2015 นอกจากนั้นยังมีการเลือกซื้อเป็นรายบริษัทกระจายไปในกลุ่มต่างๆ แต่มีแรงขายในหุ้นที่คาดว่ากำไรจะลดลงในปี 2016 นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาตินำซื้อสุทธิ 1.3 และ 2.5 พันล้านบาท ตามลำดับ พอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ


      สำหรับ ระยะสั้นมาก คือ ต้นสัปดาห์นี้ โมเมนตัมตลาดยังบวกต่อ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐประจำ 4Q15 เบื้องต้นที่เติบโตลดลงเหลือ 0.7% ทำให้ความถี่ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะน้อยลง และ BOJ ใช้นโยบายกระตุ้นเพิ่มเติมด้วยการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ (จะเริ่มตั้งแต่ 16 ก.พ.) และยืนยันขยายฐานเงินที่ระดับ 80 ล้านล้านเยนต่อปี อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นยังต้องระมัดระวังสูง เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและการเติบโตที่ยังไม่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังเข้ามากดดันเป็นระยะๆ (จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของประเทศชั้นนำต่างๆ) หุ้นพื้นฐานแนะนำเป็น GFPT


      ปัจจัยที่ควรระวัง คือ 1) การไหลเข้าของเงินลงทุนที่อาจเป็นเพียงช่วงสั้น จึงต้องติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด, 2) Valuation ของหุ้นบางตัวที่สูงมาก ซึ่งได้สะท้อนอนาคตที่มีความไม่แน่นอนมากเกินไป, 3) ความคาดหวังในทางบวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยและประเทศชั้นนำที่สูงเกินไป ขณะที่การส่งผ่านมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิต้องใช้เวลาที่นานในช่วงที่ซบเซา จึงอาจก่อให้เกิดความผิดหวังกับนักลงทุนได้ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวต่อโดยเฉพาะภาคการผลิต และ 4) การเมืองไทยและต่างประเทศ โดยของไทยมีประเด็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องติดตามกันต่อว่าจะผ่านประชามติและไทยจะมีเลือกตั้งในปี 2017 หรือไม่


     วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก (ปิดบวกเหนือเส้น SMA10) แต่ยังต้องระวังการแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น ให้แนวต้านระยะสั้นที่ 1310-1320, 1340 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ดัชนีต่ำกว่า 1280 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสอ่อนลงอย่างมีนัยสำคัญ การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น SMT, CKP, TKN ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SPA, TCAP, PTG หุ้นที่อยู่ในพื้นที่ขายทำกำไร ได้แก่ KKP, J, BBL และหุ้นที่หลุด List เป็น SVI, KAMART

 

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการม.ค.ลดลงเป็น 49.4 และ 53.5 จาก 49.7 และ 54.4 ในเดือนธ.ค.ปีก่อน ตามลำดับ บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงหดตัวต่อ ขณะที่ภาคบริการขยายตัวในอัตราน้อยลง
+ ญี่ปุ่น : ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของ BOJ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ -0.1% สำหรับเม็ดเงินที่สถาบันการเงินต่างๆนำมาสำรองฝากไวักับ BOJ ขณะเดียวกัน BOJ ยังให้คำมั่นที่จะเพิ่มฐานเงินที่อัตรา 80 ล้านล้านเยนต่อปี และเลื่อนช่วงเวลาในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ออกไปอีก โดยนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบจะมีผลตั้งแต่ 16 ก.พ.2016
สหรัฐ : กระทรวงพาณิขย์รายงาน GDP เบื้องต้นงวด 4Q15 ขยายตัว 0.7% ลดลงจาก 2.0% ใน 3Q15 และ 3.9% ใน 2Q15 ซึ่งอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง กระตุ้นให้คาดการณ์ว่าเฟดอาจประวิงเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน
+ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กบวกแข็งแกร่ง หนุนโดยความหวังว่าเฟดจะไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ขณะเดียวกันตอบรับการที่ BOJ ใข้นโยบายดอกเบี้ยติดลบเพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยกู้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันศุกร์ปิด +396.66 จุด หรือ +2.47% ปิดที่ 16,466.30 จุด
+ ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบมี.ค.2016 ปิด +0.40 และ +0.85 ดอลลาร์ ที่ 33.62 และ 34.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเบเกอร์ ฮิวส์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐยังลดลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 6
ราคาทองคำทรงตัว สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิด +0.3 ดอลลาร์ ที่ 1,116.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้นักลงทุนยังคงสถานะการลงทุนไว้ในตลาดทองคำเพราะตลาดหุ้นและตลาดเงินยังผันผวนสูง ความกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและทั่วโลกยังคงมีอยู่ รวมทั้งความเสี่ยงจากภัยก่อการร้ายก็มีมากขึ้นด้วย

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
       กลุ่มสื่อสาร : มีข่าวว่ากลุ่ม TRUE ได้รับแบงค์การันตีจากธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมกันทำ Syndication แล้ว ส่วน JAS ยังต้องลุ้นต่อว่าจะได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้และไม่จ่ายงวดแรกภายใน 90 วัน (ภายใน 22 มี.ค.) ก็จะต้องคืนใบอนุญาตให้กสทช.ไปเปิดประมูลใหม่ ซึ่งจะเป็นโอกาสของ ADVANC และ DTAC เข้าประมูลใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz อีกรอบ รวมทั้งทำให้การแข่งขันตัดราคาจะน้อยลง...หุ้นกลุ่มสื่อสารยังเป็นไปตามกระแสข่าวรายวัน ซึ่งมีความผันผวนสูง ดังนั้นการลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวัง


      หุ้นที่เป็น Top Picks ในกลุ่มนี้เป็น ADVANC และ INTUCH ซึ่งมีฐานะการเงินแข็งแรงและสามารถจ่ายปันผลสูงได้ โดยคาดการณ์ Dividend Yield ปี 2016 ของสองบริษัทไว้พอๆ กันที่ประมาณ 7% (เทียบกับราคาปิดวันศุกร์) นอกจากนั้นเรายังชอบ DIF ซึ่งมีรายได้ค่าเช่าที่แน่นอนและจ่ายปันผลสูง ประเมิน Dividend Yield ปี 2016 ไว้ที่ 7.5% (เทียบราคาปิดวันศุกร์)


      กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : ในเชิงกลยุทธ์แนะนำให้ปรับ Position ไปยังหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสูง เนื่องจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กำลังอยู่ในสภาวะยอดขาย (Presales) และยอดโอนรับรู้รายได้ช้าลง เพราะการอ่อนตัวลงของตลาดหุ้นทำให้สภาพคล่องของผู้ซื้อลงทุน/เก็งกำไรในคอนโดมิเนียมตึงตัว จึงมีการขายดาวน์กันออกมามาก ภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงและธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อทำให้อัตราการปฎิเสธสินเชื่อสูงขึ้น การโอนรับรู้รายได้ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จึงมีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ทั้งนี้ KBANK ได้ให้ข้อมูลผ่านสื่อไปเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า อัตราการปฎิเสธสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อยปัจจุบันเพิ่มเป็น 50% จาก 45% ในปลายปีก่อน


      เมื่อยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิมีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ทำให้กระแสเงินสดขาเข้าจะต่ำกว่าคาด ขณะที่ขาออกยังอาจใกล้เคียงเดิมเพราะต้องจ่ายค่าก่อสร้างและค่าตกแต่งให้ผู้รับเหมาและผู้ขายตามที่ตกลงกันไว้ สต็อกสินค้าผู้ประกอบการจะเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการที่มีหนี้สินต่ำและสายป่านยาวก็จะอยู่ในฐานะที่ดีกว่าและมีความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องทางการเงินตึงตัวน้อยกว่าผู้ประกอบการที่มีหนี้สินสูง ดังนั้นในการลงทุนจึงเน้นไปยังบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแรง (สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ) และมีเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอที่จะจ่ายปันผลสูงได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหุ้นเด่นในข่ายดังกล่าวและมี Upside ตั้งแต่ 15% ขึ้นไป ได้แก่ LH, LPN, SPALI


     - กลุ่มพลังงานทางเลือก : ยังไม่ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์ราชการและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน-กกพ. แจ้งว่าโครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ยังไม่สามารถประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเพื่อคัดเลือกจับสลากและประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการได้ โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะประกาศได้เมื่อไร (ซึ่งตามกำหนดการเดิมจะประกาศรายชื่อสำหรับเฟส 1 ปลายเดือนม.ค.2016 แล้วเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก โดยให้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในก.ย.2016)...นับเป็นข่าวลบกับบริษัทที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เช่น GUNKUL, IFEC, TSE, SOLAR, SUPER และ EPCO เป็นต้น ช่วงสั้นจึงแนะนำให้ Wait & See ไปก่อน
การเมืองในประเทศ : จับตาความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจมีผลต่อการทำประชามติและโอกาสที่จะมีเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งขณะนี้กำหนดไว้ในปี 2017

     นักกลยุทธ์ & วิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!