WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน



แนะนำถือต่อเพื่อรอขายสูง แต่ถ้าจะซื้อน่ารอช่วง SET อ่อนตัว!

  กลยุทธ์ : SET พลิกกลับมาแกว่งตัวบวกได้ดีในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีลุ้นแกว่งบวกต่อเนื่องในช่วงนี้ และมีสิทธิที่ดัชนีจะขยับขึ้นไปแถว 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ด้วย ดังนั้นเราจึงยังแนะนำเน้นถือต่อเพื่อรอขายสูงได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตามในช่วงแกว่งขึ้นก็ยังมีสิทธิผันผวนและอ่อนตัวได้อยู่ ดังนั้นยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วง SET พักตัวดีกว่า


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, MTLS, AP(buy back)
  แนวโน้ม : สัปดาห์ที่แล้ว SET เริ่มแกว่งไต่ระดับขึ้นมาได้ค่อนข้างดี หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีจังหวะฟื้นตัวขึ้น โดยนักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาระหว่างกลุ่มประเทศ OPEC และ Non-OPEC จะช่วยให้มีการลดกำลังการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ ขณะที่ช่วงท้ายสัปดาห์ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังปิดบวกได้ดีอีก หลัง BOJ ตัดสินใจใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งช่วยหนุนมุมมองที่เป็นบวกว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้ ส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังคงเปิดเป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังขยับขึ้น จากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันทีเปิดดำเนินงานในสหรัฐปรับตัวลดลง ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET จะสามารถขยับบวกขึ้นต่อได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ของจีนทั้งภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ม.ค. ออกมาเช้านี้ยังลดต่ำลงจากเดือนก่อนหน้า ทำให้มีสิทธิเป็นแรงกดดันให้ SET ผันผวนและปรับพักตัวจากการขยับขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ ดังนั้นแม้ว่า FSS จะยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องได้ แต่ถ้าจะเลือกหุ้นซื้อยังน่ารอช่วง SET อ่อนตัว
  แนวรับ 1297-1295 , 1290-1287 จุด
  แนวต้าน 1305-1308 , 1313-1316 จุด

Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$706 ล้าน เงินทุนไหลเข้าทุกประเทศยกเว้นเวียดนาม นำโดยไต้หวัน US$345.6 ล้าน เกาหลีใต้ US$161.4ล้าน และกลุ่ม TIP รวม US$204 ล้าน ขณะที่ไหลออกเวียดนาม US$4.8 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้นหลัง BOJ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นติดลบ และ PBOC ก็ได้อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเพิ่มเติมอีก 1 แสนล้านหยวน หนุนสภาพคล่องในตลาดเงินรวมถึงเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดเกิดใหม่

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) BOJ เซอรไพร้ส์ตลาด ด้วยการใช้มาตรการอัตราดอกเบี้ยติดลบ 0.1% ทำให้เงินเยนอ่อนค่า และเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นในเอเชีย ประกอบกับธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงิน 1 แสนล้านหยวน (US$1.52 หมื่นล้าน) เข้าระบบเพื่อเสริมสภาพคล่อง เป็นข่าวบวกหนุนตลาดหุ้นในระยะนี้ ชดเชยข่าวลบคือ PMI ของจีนเดือนม.ค. ที่ลดลงได้


  (+) เศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค. ขยายตัวต่อ โดยมีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก จากมาตรการกระตุ้นการช้อปปิ้งเพื่อลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบาท และการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ส่วนการท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้หักล้างการส่งออกที่หดตัวหนักได้ เราคาด GDP ทั้งปีเติบโต 2.8% (สภาพัฒน์ฯประกาศ 8 ก.พ.) และโตต่อเนื่อง 3.5% ในปีนี้ แรงส่งจะมาจากการลงทุนภาครัฐ
  (+) แนวโน้มตลาดหุ้นเดือน ก.พ. ผันผวนในทิศทางขาขึ้น ปัจจัยต่างประเทศที่สร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นโลกและหุ้นไทยในเดือนที่ผ่านมาจะผ่อนคลายลง เพราะค่าเงินหยวนและฮ่องกงดอลลาร์เริ่มมีเสถียรภาพ แต่สิ่งที่ยังต้องจับตาคือเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันดิบโลกที่เราเชื่อว่าการปรับขึ้นแรงในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก่อน ไม่ยั่งยืน กลุ่มพลังงานมีโอกาสกลับมากดดันตลาด แต่กลุ่ม Domestic plays ที่กำไรดีกว่าคาดจะมีน้ำหนักมากกว่าและมากพอที่จะผลักดันตลาดได้ คาดกลุ่มแบงก์และสื่อสารซึ่ง Underperform และ laggard จะประคองตลาดในเดือนนี้ได้ ส่วนหุ้นกลาง-เล็กที่กำไรเติบโตดี PE ต่ำยังน่าสนใจ เดือนนี้เราจึงแนะนำ BCH, BJC, FSMART, MTLS, PLANB


(+) BCH เราคาดกำไรปกติ 4Q15 จะสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาสที่ 170 ล้านบาท +18.2% Q-Q, +18% Y-Y จาก WMC ที่โตโดดเด่น ส่งผลให้กำไรปกติทั้งปีหดตัวเพียง 3% Y-Y และกลับมาขยายตัวในอัตราเร่งในปีนี้ +22% Y-Y จากการที่เราปรับเพิ่มกำไรปีนี้ขึ้น 12% สะท้อนผลการดำเนินงานของ WMC ที่ดีกว่าคาด และรายได้จากประกันสังคมที่ดีขึ้นจากจำนวนผู้ประกันต้นที่จะเพิ่มขึ้นมากจากการกลับมารับผู้ป่วยประกันสังคมของร.พ.เดิม ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 9.60 บาทจาก 8 บาท ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ


(+) CPALL แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q15 +5% Q-Q, +36% Y-Y เป็น 3.42 พันล้านบาท เป็นกำไรสูงสุดของปี โดยคาด SSSG บวกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ตามฤดูกาล การขยายสาขา และผลของ Promotion และคาดกำไรทั้งปีเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ 30% Y-Y คาดปีนี้โตต่อ 16% Y-Y จากการขยายสาขา ยังคงราคาพื้นฐาน 60 บาท แนะนำซื้อ
(0) M เราคาดกำไร 4Q15 +52% Q-Q ตามฤดูกาล และฐานต่ำในไตรมาสก่อน แต่ลดลง 14.5% Y-Y เพราะกำลังซื้อที่อ่อนแอ และคาดกำไรทั้งปีหดตัว 9% Y-Y สำหรับปีนี้ คาดกำไรปกติกลับมาโต 13.2% Y-Y จากฐานต่ำและการขยายสาขาใหม่อีก 50 แห่ง แต่การเติบโตของกำไรใน 1-2 ปีข้างหน้าที่ไม่สดใสเหมือนในอดีตเพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เราปรับ Target PE ลงจาก 26 เท่าเหลือ 24 เท่า ทำให้ราคาพื้นฐานปรับลงจาก 65 บาทเป็น 60 บาท แต่ยังชอบฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จึงยังแนะนำซื้อลงทุน

  (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงกว่า 2% หลัง BoJ ประกาศอัตราดอกเบี้ยติดลบซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาด
  (+) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกได้แรงเช่นกัน อย่าไงรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
  (+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากวันศุกร์โดยยังได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยติดลบของ BoJ
  (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.63-36.77 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 33.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข้อมูลว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯปรับตัวลดลง
  ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,116.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยในเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่สุดในรอบปี

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1-ก.พ. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)

- มาเลเซีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ เนื่องในวัน Federal Territory Day

- จีน: Manufacturing PMI (ม.ค.), Caixin China PMI Manufacturing (ม.ค.)

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)
2 ก.พ. - อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม

- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
3-ก.พ. - ไทย: กนง.ประชุม, DTAC ประกาศผลประกอบการ

- จีน: Caixin China PMI Composite (ม.ค.)

- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ม.ค.)

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ม.ค.)
4 ก.พ. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.), ADVANC ประกาศผลประกอบการ

- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.)
5-ก.พ. - อินโดนีเซีย: 4Q15 GDP

- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ม.ค.) (ตลาดคาดจ้างงานเพิ่ม 1.9 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนที่เพ่ม 2.75 แสนราย)
8 ก.พ. - ไทย: 2015 GDP

- อินเดีย: 2015 GDP

Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch 

 
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน         
        
แนะนำถือต่อเพื่อรอขายสูง แต่ถ้าจะซื้อน่ารอช่วง SET อ่อนตัว!        
        
  กลยุทธ์ : SET พลิกกลับมาแกว่งตัวบวกได้ดีในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีลุ้นแกว่งบวกต่อเนื่องในช่วงนี้ และมีสิทธิที่ดัชนีจะขยับขึ้นไปแถว 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ด้วย ดังนั้นเราจึงยังแนะนำเน้นถือต่อเพื่อรอขายสูงได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตามในช่วงแกว่งขึ้นก็ยังมีสิทธิผันผวนและอ่อนตัวได้อยู่ ดังนั้นยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วง SET พักตัวดีกว่า        
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, MTLS, AP(buy back)        
  แนวโน้ม : สัปดาห์ที่แล้ว SET เริ่มแกว่งไต่ระดับขึ้นมาได้ค่อนข้างดี หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีจังหวะฟื้นตัวขึ้น โดยนักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาระหว่างกลุ่มประเทศ OPEC และ Non-OPEC จะช่วยให้มีการลดกำลังการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ ขณะที่ช่วงท้ายสัปดาห์ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังปิดบวกได้ดีอีก หลัง BOJ ตัดสินใจใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งช่วยหนุนมุมมองที่เป็นบวกว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้ ส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังคงเปิดเป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังขยับขึ้น จากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันทีเปิดดำเนินงานในสหรัฐปรับตัวลดลง ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET จะสามารถขยับบวกขึ้นต่อได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ของจีนทั้งภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ม.ค. ออกมาเช้านี้ยังลดต่ำลงจากเดือนก่อนหน้า ทำให้มีสิทธิเป็นแรงกดดันให้ SET ผันผวนและปรับพักตัวจากการขยับขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ ดังนั้นแม้ว่า FSS จะยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องได้ แต่ถ้าจะเลือกหุ้นซื้อยังน่ารอช่วง SET อ่อนตัว        
  แนวรับ  1297-1295 , 1290-1287 จุด         
  แนวต้าน  1305-1308 , 1313-1316 จุด        
 
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$706 ล้าน เงินทุนไหลเข้าทุกประเทศยกเว้นเวียดนาม นำโดยไต้หวัน US$345.6 ล้าน เกาหลีใต้ US$161.4ล้าน และกลุ่ม TIP รวม US$204 ล้าน ขณะที่ไหลออกเวียดนาม US$4.8 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้นหลัง BOJ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นติดลบ และ PBOC ก็ได้อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเพิ่มเติมอีก 1 แสนล้านหยวน หนุนสภาพคล่องในตลาดเงินรวมถึงเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดเกิดใหม่        
        
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น        
(+) BOJ เซอรไพร้ส์ตลาด ด้วยการใช้มาตรการอัตราดอกเบี้ยติดลบ 0.1% ทำให้เงินเยนอ่อนค่า และเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นในเอเชีย ประกอบกับธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงิน 1 แสนล้านหยวน (US$1.52 หมื่นล้าน) เข้าระบบเพื่อเสริมสภาพคล่อง เป็นข่าวบวกหนุนตลาดหุ้นในระยะนี้ ชดเชยข่าวลบคือ PMI ของจีนเดือนม.ค. ที่ลดลงได้        
  (+) เศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค. ขยายตัวต่อ โดยมีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก จากมาตรการกระตุ้นการช้อปปิ้งเพื่อลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบาท และการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ส่วนการท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้หักล้างการส่งออกที่หดตัวหนักได้ เราคาด GDP ทั้งปีเติบโต 2.8% (สภาพัฒน์ฯประกาศ 8 ก.พ.) และโตต่อเนื่อง 3.5% ในปีนี้ แรงส่งจะมาจากการลงทุนภาครัฐ        
  (+) แนวโน้มตลาดหุ้นเดือน ก.พ. ผันผวนในทิศทางขาขึ้น ปัจจัยต่างประเทศที่สร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นโลกและหุ้นไทยในเดือนที่ผ่านมาจะผ่อนคลายลง เพราะค่าเงินหยวนและฮ่องกงดอลลาร์เริ่มมีเสถียรภาพ แต่สิ่งที่ยังต้องจับตาคือเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันดิบโลกที่เราเชื่อว่าการปรับขึ้นแรงในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก่อน ไม่ยั่งยืน กลุ่มพลังงานมีโอกาสกลับมากดดันตลาด แต่กลุ่ม Domestic plays ที่กำไรดีกว่าคาดจะมีน้ำหนักมากกว่าและมากพอที่จะผลักดันตลาดได้ คาดกลุ่มแบงก์และสื่อสารซึ่ง Underperform และ laggard จะประคองตลาดในเดือนนี้ได้ ส่วนหุ้นกลาง-เล็กที่กำไรเติบโตดี PE ต่ำยังน่าสนใจ เดือนนี้เราจึงแนะนำ BCH, BJC, FSMART, MTLS, PLANB         
(+) BCH เราคาดกำไรปกติ 4Q15 จะสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาสที่ 170 ล้านบาท +18.2% Q-Q, +18% Y-Y จาก WMC ที่โตโดดเด่น ส่งผลให้กำไรปกติทั้งปีหดตัวเพียง 3% Y-Y และกลับมาขยายตัวในอัตราเร่งในปีนี้ +22% Y-Y จากการที่เราปรับเพิ่มกำไรปีนี้ขึ้น 12% สะท้อนผลการดำเนินงานของ WMC ที่ดีกว่าคาด และรายได้จากประกันสังคมที่ดีขึ้นจากจำนวนผู้ประกันต้นที่จะเพิ่มขึ้นมากจากการกลับมารับผู้ป่วยประกันสังคมของร.พ.เดิม ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 9.60 บาทจาก 8 บาท ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ          
(+) CPALL แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q15 +5% Q-Q, +36% Y-Y เป็น 3.42 พันล้านบาท เป็นกำไรสูงสุดของปี โดยคาด SSSG บวกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ตามฤดูกาล การขยายสาขา และผลของ Promotion และคาดกำไรทั้งปีเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ 30% Y-Y คาดปีนี้โตต่อ 16% Y-Y จากการขยายสาขา ยังคงราคาพื้นฐาน 60 บาท แนะนำซื้อ        
(0) M เราคาดกำไร 4Q15 +52% Q-Q ตามฤดูกาล และฐานต่ำในไตรมาสก่อน แต่ลดลง 14.5% Y-Y เพราะกำลังซื้อที่อ่อนแอ และคาดกำไรทั้งปีหดตัว 9% Y-Y สำหรับปีนี้ คาดกำไรปกติกลับมาโต 13.2% Y-Y จากฐานต่ำและการขยายสาขาใหม่อีก 50 แห่ง แต่การเติบโตของกำไรใน 1-2 ปีข้างหน้าที่ไม่สดใสเหมือนในอดีตเพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เราปรับ Target PE ลงจาก 26 เท่าเหลือ 24 เท่า ทำให้ราคาพื้นฐานปรับลงจาก 65 บาทเป็น 60 บาท แต่ยังชอบฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จึงยังแนะนำซื้อลงทุน         
        
  (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงกว่า 2% หลัง BoJ ประกาศอัตราดอกเบี้ยติดลบซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาด        
  (+) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกได้แรงเช่นกัน อย่าไงรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน        
  (+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากวันศุกร์โดยยังได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยติดลบของ BoJ        
  (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.63-36.77 บาท/ดอลลาร์        
 (0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 33.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข้อมูลว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯปรับตัวลดลง        
  ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,116.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยในเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่สุดในรอบปี        
        
ปัจจัยที่ต้องติดตาม        
        
1-ก.พ.    - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)    
        
    - มาเลเซีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ เนื่องในวัน Federal Territory Day     
        
    - จีน: Manufacturing PMI (ม.ค.), Caixin China PMI Manufacturing (ม.ค.)     
        
    - ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)      
2 ก.พ.    - อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม    
        
    - ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม    
3-ก.พ.    - ไทย: กนง.ประชุม, DTAC ประกาศผลประกอบการ     
        
    - จีน: Caixin China PMI Composite (ม.ค.)     
        
    - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ม.ค.)     
        
    - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ม.ค.)       
4 ก.พ.    - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.), ADVANC ประกาศผลประกอบการ     
        
    - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.)     
5-ก.พ.    - อินโดนีเซีย: 4Q15 GDP     
        
    - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ม.ค.) (ตลาดคาดจ้างงานเพิ่ม 1.9 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนที่เพ่ม 2.75 แสนราย)    
8 ก.พ.    - ไทย: 2015 GDP    
        
    - อินเดีย: 2015 GDP             
        
Contact person : Somchai Anektaweepon        Register : 002265        
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852        www.fnsyrus.com        
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch        
 
 
 
    

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!