- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 January 2016 15:33
- Hits: 9240
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน? ตามต่างประเทศที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ (-) จากความกังวลต่อตลาดเงิน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอาจส่งผลต่อตลาดแรงงาน รวมถึงเงินเฟ้อ นอกจากนี้คาดยังคงมีความกังวลต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจจีน แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม (+) ราคาน้ำมันที่คาดยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ ทางด้าน Fund Flow มีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิของต่างชาติสลับกันไป YTD มียอดขายสุทธิสะสม เกือบ 10,500 ล้านบาท โดยยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.85 – 35.87 บาท อ่อนค่าจากวานนี้ที่ 35.82 บาท
โดยคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ส่วนแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร คาดมีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yieldหลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯ ยังคงมีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งคาดเปิดประมูลปลายม.ค.’59 ส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -222.77, NASDAQ -99.50,
S&P -20.68 FTSE +78.91, CAC +23.55 และ DAX +58.07
หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0.25 – 0.50% แต่แสดงความกังวลถึงความผันผวนในตลาดการเงินอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ยอดขายบ้านใหม่ – ธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.8% อยู่ที่ 544,000 ยูนิต สูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 502,000 ยูนิต
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$0.85 อยู่ที่ US$ 32.33
ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุดลดลง 14,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 9.22 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรล ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 อยู่ที่ 494.9 ล้านบาร์เรล และสูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.3 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$4.4 อยู่ที่ US$ 1,115.8
ต่อออนซ์ ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนทราบผลการประชุม เฟด ซึ่งมีขึ้นหลังตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +473 ล้านบาท สะสม YTD
-10,445 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.44 1.72 3.37
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 42,243.03
สถาบัน +1,771.39
บัญชีหลักทรัพย์ -657.62
ต่างประเทศ +472.55
ในประเทศ -1,586.31
ประเด็นที่ต้องติดตาม 28 ม.ค. – 3 ก.พ. 2559
28/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนธ.ค.
29/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขประมาณการขั้นต้น GDP – 4Q/58
ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน - 4Q/58
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.
3/2/59 : ประชุม กนง. (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุด 1.50%)
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.00% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.61 อยู่ที่ 23.11
หุ้นแนะนำ : BEAUTY
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788