WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Fund Inflow?

ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่ผ่านแนว 1,270 จุด หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มย่อตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ส่งผลให้การฟื้นตัวของ PTT / PTTEP เป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่หุ้นขนาดกลางกลับโดดเด่น เช่น BIG / TRC/ SCN เป็นต้น ปิดตลาด SET INDEX ลบเล็กน้อย 0.33 จุด มาอยู่ที่ 1,267.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,901 ล้านบาท
    ด้านเงินทุนต่างชาติ แม้ว่าจะขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพียง 96 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 1,200 สัญญา และกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 9,634 ล้านบาท เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามตัวเลขการส่งออก-นำเข้า เดือนธ.ค.ของไทยวันนี้ Bloomberg consensus คาด -6.12% yoy และ -5.80% yoy ตามลำดับ
รัฐบาลยืนยันผลักดันแผนการลงทุนขนาดใหญ่ อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 2Q59
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแกว่งกรอบแคบ US$28-32/barrel ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานแกว่งในกรอบแคบเช่นกัน

มุมมองต่อตลาด
แม้ว่า SET INDEX วานนี้จะยังปิดต่ำกว่า 1,270 จุด แต่หากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมการลงทุน ต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับค่าเงินหยวน และดอลลาร์ฮ่องกงมีเสถียรภาพเช่นกัน และเราเชื่อว่าธนาคารกลางจีนจะมีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนในปลายสัปดาห์หน้า ดังนั้นปัจจัยต่างประเทศ เป็นกลาง
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ รองนายกฯ ดร.สมคิด ยืนยันเร่งผลักดันแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 1Q59 และอย่างช้าไม่เกิน 2Q59 พร้อมยืนยันโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน เกิดขึ้นแน่นอนในปีนี้ สอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หากการผลักดันดังกล่าวเป็นรูปธรรม การลงทุนภาคเอกชนย่อมตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นตัวแปรผลักดันกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร ในแง่ของผลการดำเนินงาน และราคาในท้ายที่สุด
ทั้งปัจจัยต่างประเทศ และ ในประเทศ ส่งสัญญาณเป็นกลางถึงบวก เราประเมินว่ากระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เพื่อเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 4Q58 รวมถึงผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 2558 หรือ 2H58 ดังจะเห็นได้จากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าทะลุ 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้งในวานนี้
ปัจจัยสำคัญในวันนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค.ของไทย หดตัวน้อยกว่า 6.12% yoy ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลายเป็นปัจจัยบวกเชิงบวกจิตวิทยาการลงทุน
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,260-1,275/80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน +/- เช่นเดียวกับวานนี้ โดยเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ ขณะที่กลุ่มพลังงาน จะเริ่มทรงตัวได้มากขึ้น จากการแกว่งของราคาน้ำมันดิบในช่วงแคบมากึ้น

กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ "นักลงทุนถือพอร์ตเก็งกำไรที่เหลืออยู่ และเลือกสะสมหุ้นเป้าหมายเพิ่มเติม หากมีการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย"

Speculative Buy: TRC
Accumulative Buy: KTB

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 17.70 บาท ราคาเหมาะสม 19.30 บาท
a) KTB รายงานกำไรสุทธิ 4Q58 เติบโต +28% yoy ที่ 6.8 พันล้านบาท ออกมาดีกว่าคาดการณ์ถึง 26% จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นถึง +65% yoy และ +13.4% qoq
b) คุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้นมาก โดย Gross NPL ลดลง 17% qoq และ NPL Ratio ลดลงเหลือ 3.7% ใน 4Q58 จาก 3Q58 ที่ 4.6%
c) คาดการณ์เงินปันผลปี 2558 (จ่ายปีละ 1 ครั้ง) หุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5%
d) คาด Consensus จะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นในการเข้าประชุมกับผู้บริหารในวันที่ 29 ม.ค.
e) แนวโน้มผลประกอบการปี 2559 คาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต +10% yoy เป็น 3.03 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ KTB มีจุดเด่นคือการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการภาครัฐฯในสัดส่วนสูง จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯในปี 2559 ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้สินเชื่อของ KTB ขยายตัวได้สูงกว่ากลุ่มธนาคาร
f) Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 7.9 เท่า และ PBV2559 ที่ 0.9 เท่า ช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาหุ้น
และ "เก็งกำไร" ได้แก่
2. TRC : ราคาปิด 2.22 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
a) MBKET คาดว่ารายได้ปี 2559 จะเติบโตสูงถึง +143% yoy เป็น 8,500 ล้านบาท จากแรงหนุนของการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างเหมืองแร่ที่ชัยภูมิ ซึ่งจะรองรับการเติบโตของรายได้ไปอีก 3 ปีข้างหน้าให้เติบโตต่อเนื่อง
b) คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการเหมืองแร่โปรแตซมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ในช่วงกลางเดือน ก.พ. และหนุนให้ Backlog เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 6.6 พันล้านบาท เป็น 2.6 หมื่นล้านบาท และหนุนให้กำไรสุทธิปี 2559 เติบโตสูงถึง +100% yoy เป็น 541 ล้านบาท
c) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเทาของกทม.มูลค่า 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท และโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชาราว 2000 MW
d) ปัจจัยบวกระยะสั้น คือ งบ 4Q58 คาดว่าจะเติบโต +89% yoy เป็น 63 ล้านบาท
e) ประเมินมูลค่าโดยวิธี Sum of The Part ได้ราคาเป้าหมายที่ 2.80 บาท แบ่งเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 2.15 บาท และการถือหุ้นในโครงการเหมืองแร่ที่ชัยภูมิ 0.65 บาท มี Upside 26%

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$178 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$43 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคง Long สุทธิใน SET50 Index Futures
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 96 ล้านบาทเท่านั้น ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 10,632 ล้านบาท แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในเอเชียวานนี้เป็นบวกต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 1,200 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 19,224 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long เป็นวันที่ 3 เมื่อ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 9.97 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 10.37 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 66,707 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ มากถึง 9,634 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 4,535 ล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าทะลุ 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ วานนี้ ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเล็กน้อย ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.47bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.06bps ปิดที่ 2.480%

Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็น 1,272 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 654 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 ยังคงเน้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 446 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 1,567 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,510 ล้านบาท โดยคงเน้นสะสมกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 308 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 811 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 135 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 169 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 52 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 39 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคารกลับถูกขายสุทธิสูงสุด 132 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมีขายสุทธิ 43 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 173 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ไม่มี

ยุโรป
ดัชนีภาคธุรกิจเยอรมันชะลอตัว: เดือนม.ค.ดัชนีดังกล่าวเท่ากับ 107.3 จุด ลดลงจากเดือนธ.ค.ที่ 108.6 จุด และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 108.4 จุด เป็นผลจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่เติบโตชะลอตัว

จีน
เงินทุนต่างชาติไหลออกอาจแตะระดับ US$1.0 ล้านล้านในปีที่แล้ว: Bloomberg consensus ประเมินเงินทุนต่างชาติในจีน ไหลออกมากถึง US$1.587 แสนล้านในเดือนธ.ค. เป็นระดับสูงสุดลำดับที่ 2 ในรอบปี ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกแตะระดับ US$1.0 ล้านล้านในปี 2558 เทียบกับปี 2557 ที่ไหลออกสุทธิ US$1.343 แสนล้านเท่านั้น

เอเชียแปซิฟิก
GDP ของรัสเซีย หดตัวแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2552: เศรษฐกิจปี 2557 หดตัว 3.7% yoy หลังจากที่ปีก่อนหน้าเติบโตเพียง 0.6% แต่ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ -3.8% yoy เนื่องจากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ส่งผลกระทบต่อค่าเงินรูเบิ้ล
เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตเท่ากับคาด: ขยายตัว 3.0% yoy สำหรับใน 4Q58 เท่ากับที่ Bloomberg Consensus คาด เร่งตัวขึ้นจากในไตรมาสก่อนที่เติบโต 2.7% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการเติบโต 0.6% qoq ทั้งนี้การเติบโตยังนำโดยการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐฯที่ขยายตัว 1.5% qoq และ 1.2% qoq ตามลำดับ ขณะที่การลงทุนภาคก่อสร้างหดตัว 6.1% qoq

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!