- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 January 2016 09:28
- Hits: 1009
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ราคาน้ำมันเด้ง & เฟดไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : CPF (จากถือเป็น ซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์บวกขึ้น 22.42 จุดปิดที่ 1268.03 (สูงสุดในวัน : 1272.09 จุด) โดยแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มหลัก คือ พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร อย่างแข็งแกร่ง โดยในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์มี Catalyst จาก Valuation (P/BV) ที่ลดลงมาก รวมถึงตลาดที่อ่อนตัวลงมาราว 3 เดือนต่อเนื่องซึ่งสะท้อนปัจจัยลบต่างๆไปแล้วพอควร ถ้าไม่มีข่าวลบใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามา ผนวกกับการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 4Q15 และแนวโน้มปี 2016 ดัชนีตลาดก็น่าจะรีบาวด์ทางเทคนิคได้ โดยมีแนวต้านคาดหวัง 1280-1290, 1300+/- จุดสัปดาห์นี้ติดตามผลประชุมและถ้อยแถลงของเฟด (26-27 ม.ค.) ซึ่งตลาดประเมินว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 0.50% และน่าจะมีมุมมองที่ยังเป็นบวกกับการฟื้นตัวของภาคแรงงาน
แต่อาจส่งสัญญาณไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วเพราะความเสี่ยงจากภายนอกที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและความผันผวนในตลาดเงินและตลาดหุ้นจีนที่สูงมาตั้งแต่ต้นปี 2016 และนักลงทุนยังคงระแวงกับการออกมาตรการแบบฟ้าผ่าของทางการจีนอยู่ อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นแรงของราคาน้ำมันดิบเพราะอากาศที่หนาวเย็นเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่ เช่น สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ฯลฯหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน (หุ้นเด่น PTTEP, PTT) แต่เป็นลบกับกลุ่มสายการบินที่จะมีต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นข่าวการพบผู้ป่วย MERS รายที่ 2 ในไทยก็เป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยว (รวมถึงโรงพยาบาล) ในระยะหนึ่ง จนกว่าจะพ้นระยะฟักตัว (คือ 14 วัน) สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งรายงานกำไร 4Q15 และปี 2015 ออกมาแล้วพบว่าเป็นไปตามคาด คือ กำไรปี 2015 ลดลงโดยหลักเพราะตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงขึ้น ส่วนแนวโน้มปี 2016 คาดว่ากำไรจะเติบโตไม่มาก เนื่องด้วยต้องทำธุรกิจอย่างระมัดระวังต่อไป แต่ Valuation ที่อยู่ในโซนต่ำจึงมีรีบาวด์เป็นรอบๆ หุ้น Toppick ของฝ่ายวิจัยฯ DBSV คือ KBANK
กลยุทธ์ : เลือกซื้อ/ถือลงทุน สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTT
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวกเล็กๆ มีลุ้นรีบาวด์ต่อ ก่อนลงต่ำต่อในระยะถัดไป แนวต้านระยะสั้น 1280, 1290-1300 จุด ค่าลบดูไม่ดี ดัชนีต่ำกว่า 1250 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสลงไปที่แนวรับ 1220, 1200 จุดส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น DCC, JTS, KKP, GLOBAL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ QTC,GUNKUL, ASEFA หุ้นที่อยู่ในพื้นที่ขายทำกำไร คือ KTB, SCN, FORTH, SMT, TSE
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : คาดเฟดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% ในการประชุม 26-27 ม.ค.2016 แต่มีโอกาสพิจาณาปรับขึ้นในการประชุมรอบต่อไปในวันที่ 15-16มี.ค.2016 ทั้งนี้แม้ภาคแรงงาน&ที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวดี แต่เฟดยังน่าจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงภายนอกที่อาจฉุดรั้งการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐ
• ยูโรโซน : PMI ภาคการผลิตและบริการม.ค.อ่อนลงแต่ยังเหนือ 50ดัชนีคอมโพสิตผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการอยู่ที่53.5 ในเดือนม.ค. 2016 ลดลงจากเดือนธ.ค.2015 ที่ 54.3 ทั้งนี้ PMI ภาคบริการเดือนม.ค.เท่ากับ 53.6 ส่วนภาคการผลิตอ่อนลงสู่ 52.3 แต่ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวเมื่อเทียบ MoM
• จีน : โมเดลทางเศรษฐศาสตร์ของ Oxford ระบุว่าค่าเงินหยวนของจีนมีสิทธิอ่อนค่าลง 10% ภายใน 3Q16 และค่าเงินประเทศต่างๆมีโอกาสอ่อนค่าตามเหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ คาดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัว สำหรับไทยคาดว่าเงินบาทจะอ่อนตามเงินหยวนของจีนแต่สุทธิแล้วจะได้ผลประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์ เพราะได้รับผลบวกจากการส่งออกที่จะดีขึ้น ส่วนเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะเติบโตลดลงเป็น 2.4% (จากเดิม 2.6%) และสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปี 2016สำหรับการส่งออกของจีนจะไม่ได้ประโยชน์จากค่าเงินหยวนอ่อนมากเพราะการแข่งขันด้านอัตราแลกเปลี่ยนรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้ยังไม่ได้รวมผลกระทบจากสภาวะการเงินที่จะกดดันมากขึ้น (ภาระหนี้ของประเทศที่ค่าเงินอ่อนจะมากขึ้น)
- ตลาดหุ้นจีน : หุ้นที่ถูกล็อคไว้มูลค่า 4.95 หมื่นล้านหยวนหรือ 7.4พันล้านดอลลาร์จะสามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้นจีนสัปดาห์นี้ ข้อมูลจากเซาท์เวสท์ ซิเคียวริตีส์ระบุว่า หุ้นจากบริษัท 38 บริษัท จำนวนประมาณ 3.89 พันล้านหุ้น จะสามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นตั้งแต่วันจันทร์ไปจนถึงวันศุกร์นี้
+ ดัชนี DJIA วันศุกร์เด้งขึ้นปิดเหนือ 16,000 จุด โดยปิดที่ 16,093.51จุด เพิ่มขึ้น 210.83 จุด หรือ +1.33% ปัจจัยหนุน คือ 1) ถ้อยแถลงของประธาน ECB ที่ส่งสัญญาณว่า ECB อาจผ่อนคลายนโยบายมากขึ้นและอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือนมี.ค.2016 รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นแรงหนุนหุ้นกลุม่ พลังงานด้วย
+ ราคาน้ำมันดิบวันศุกร์บวกขึ้น 9-10% โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และBRENT ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับขึ้น 2.66 ดอลลาร์ หรือ +9% และ 2.93ดอลลาร์ หรือ +10% ปิดที่ 32.19 และ 32.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับปัจจัยหนุนหลัก คือ สภาพอากาศที่หนาวจัดในสหรัฐและยุโรป โดยพายุหิมะได้พัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกของสหรัฐอย่างหนัก จึงคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้น
• ราคาทองคำลดลงเล็กน้อย สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวลง 1.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,096.3 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ กลุ่มพลังงาน : ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นหลังสภาพอากาศหนาวจัด...ราคาน้ำมันรีบาวด์ โดยทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาจีนคาดว่าอุณหภูมิในพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำแยงซีจะลดลงไปต่ำสุดที่ -12 องศาเซลเซียส พื้นที่ภาคกลางและตะวันออกอยู่ที่ 6-8 องศาเซลเซียสต่ำกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยเป็นประวัติการณ์ ทางฝั่งตะวันออกสหรัฐก็มีหิมะตกหนัก เที่ยวบินถูกยกเลิกเกือบ 8 พันเที่ยวบิน การจราจรหลายพื้นที่เป็นอัมพาต ด้านญี่ปุ่นก็มีอุณหภูมิต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในหลายพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตอนกลางของประเทศเช่นกัน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV Retail Research : ความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดทอนความกังวลเรื่องอุปทานสูงให้ผ่อนคลายลงในระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันดิบที่เด้งขึ้น 9-10% ในวันศุกร์ที่ผ่านมาช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังานในระยะสั้น รวมทั้งเป็นปัจจัยจิตวิทยาทางบวกกับหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีด้วย หุ้นที่ได้ประโยชน์และเด่นใน Theme นี้ คือ PTTEP และ PTT
- กลุ่มสายการบิน & ขนส่ง : ถูกกระทบทางลบจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มสายการบิน ซึ่งแต่ละบริษัทการบินทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่ต้องใช้ในสัดส่วนที่น้อยลงจากอดีตและอิงกับราคา Spot มากขึ้น เมื่อราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงก็ทำให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งต้นทุนส่วนนี้คิดเป็นประมาณ 40+/-% ของธุรกิจสายการบิน และแม้ว่าจะผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มไปยังผู้บริโภคได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะธุรกิจสายการบินในปัจจุบันแข่งขันรุนแรงมาก
ส่วนกลุ่มขนส่งในประเทศ เช่น ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน, ทางด่วน ฯลฯ คาดว่าจะได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก เพราะการใช้รถยนต์และทางด่วนส่วนใหญ่เนื่องมาจากความจำเป็น
-/• กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน : ตรวจพบผู้ป่วยเข้าข่ายโรคเมอร์ส (MERS) รายที่ 2 ในไทย ผู้ป่วยเป็นชายชาวโอมานอายุ 71 ปีซึ่งเดินทางเข้ามาไทยพร้อมกับลูกชาย 1 คน สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องดำเนินการต่อคือ การติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ ประกอบด้วย ญาติที่เดินทางมาพร้อม 1 คน (เสี่ยงสูง) ลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องบน 218 คนที่ยังอยู่ในประเทศไทย (จากทั้งหมด 239 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 23 คนเสี่ยงต่ำ 195 คน) คนขับรถแท็กซี่ 1 คน (เสี่ยงสูง) พนักงานโรงแรม 1 คนและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 30 คน (เสี่ยงสูง 11 คน) โดยผู้สัมผัสทั้งหมดนี้จะนำเข้าระบบเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วันจนพ้นระยะฟักตัว
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV Retail Research : เป็นข่าวลบระยะสั้นกับกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่เป็นระยะฟักตัวของโรคอาจทำให้อุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการบินชะลอตัวลง รวมถึงการใช้บริการโรงพยาบาลด้วย แต่เมื่อผ่านพ้นระยะฟักตัวและพบว่าไม่มีการแพร่ระบาด อุปสงค์ก็จะพลิกฟื้นได้เร็ว
• กลุ่มถ่านหิน & เหล็ก : รัฐบาลจีนประกาศจะใช้มาตรการเร่งด่วนลดกำลังการผลิตส่วนเกินในสองอุตสาหกรรมนี้ โดยจะลดกำลังการผลิตเหล็กลง 100-150 ล้านตันแต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลา และจะลดปริมาณผลิตถ่านหินที่ล้นเกินลงด้วย...อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการกำจัดอุปทานส่วนเกินต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ดังนั้นราคาเหล็กและถ่านหินในช่วงปี2016 จะยังอยู่ในระดับต่ำและค่อยๆฟื้นได้ในปี 2017 อย่างค่อยเป็นค่อยไปในเชิงกลยุทธ์ เราให้น้ำหนักลงทุน Underweight ในกลุ่มถ่านหินและเหล็ก
นักกลยุทธ์ & วิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค –
[email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
#PTT(ราคาปิด 218 บาท):ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์หนุนราคาหุ้น
• ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าค่าเฉลี่ยและเป็นประวัติการณ์ ในหลายพื้นที่ ทั้งในสหรัฐ จีน ญี่ปุ่นฯลฯ เมื่อวันศุกร์สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบมี.ค.2016ปรับขึ้นแรงถึง 9-10% และยังบวกต่อในเช้าวันนี้ ล่าสุดข้อมูลเช้าวันนี้(25 ม.ค.2016) ราคาน้ำมันดิบ BRENT ขึ้นมาที่ 32.38 ดอลลาร์/บาร์เรลจาก 2 วันก่อนปิดที่ 27.88 ดอลลาร์/บาร์เรล และต่ำสุดที่ 27.10ดอลลาร์/บาร์เรล (ปรับขึ้นกว่า 16% ใน 2 วัน)
• เป็นบวกกับหุ้น PTT ทั้งในส่วนธุรกิจ E&P ที่ดำเนินการผ่าน PTTEPและธุรกิจโรงกลั่นที่จะมีความเสี่ยงจากการขาดทุนในสต็อกใน 1Q16ลดลง (ระดับปิดของ BRENT สิ้นปี 2015 อยู่ที่ 37.28 ดอลลาร์/บาร์เรล)ส่งผลให้ผลประกอบการบรรทัดสุดท้ายใน 1Q16 จะฟื้นตัวต่อหลังขยับดีขึ้นใน 4Q15 จากระดับต่ำมากๆ ที่เกิดขึ้นใน 3Q15 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการแย่ที่สุดของกลุ่มพลังงานในรอบนี้ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดว่า PTTEP จะพลิกเป็นกำไร 6.7 พันล้านบาทใน 4Q15เพราะมีกำไรจากการทำประกันความเสี่ยง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ามาช่วยหนุน
• ผลประกอบการ 4Q15 คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบ QoQ ถ้าบริษัทไม่ได้ตั้งสำรองด้อยค่าในธุรกิจถ่านหิน (งวด 3Q15 บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท) แต่หากมีการตั้งด้อยค่าธุรกิจถ่านหิน(ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนและสินทรัพย์รวมประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) ผลประกอบการ 4Q15 ก็จะยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ฐานที่ต่ำในปี 2015 ก็จะทำให้มีการเติบโตที่สูงในปี 2017 เพราะงบการเงินได้สะท้อนความเสี่ยงจากการด้อยค่าต่างๆไปมากแล้วในปีก่อน
• แนะนำซื้อ PTT โดยคาดว่ากำไรปี 2016 จะพลิกฟื้นดีขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในปี 2015 และ Valuation ก็จูงใจ ณ ราคาปัจจุบันที่ 218 บาท ซื้อขายที่ P/BV ปี 2016 ต่ำเพียง 0.85 เท่า และคาดการณ์ Dividend Yieldปี 2016 ไว้ที่ 5% ราคาพื้นฐานของ DBSV อยู่ในช่วงปรับปรุง (ส่วนค่าเฉลี่ยใน IAA Consensus อยู่ที่ 272 บาท)
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
–[email protected]
Turnover List Watch: ATP30 ติด Cash Balance SR กลับมาใช้มาร์จินได้
• ATP30 ติด Cash Balance เป็นเวลา 6 สัปดาห์ตามคาดเริ่มวันนี้ 25 ม.ค.59-4 มี.ค.59
• ส่วน SR ตลาดฯไม่ได้ประกาศให้ต่ออายุการใช้ Cash Balanceจึงคาดว่าวันนี้จะเป็นวันแรกที่กลับมาซื้อด้วยมาร์จินได้เป็นวันแรก
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]