WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CSG copyบล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (11-15 มกราคม 59)
      SET ปิดทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความผันผวนของดัชนี จากความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่สร้างแรงขายในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนการฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์จากความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB และ การเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารจีน ปิดสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,268.03 จุดเพิ่มขึ้น +22.98 จุด (+1.8%WoW)

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
(+) การประชุม ECB ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุ ECB จะดำเนินการทบทวนนโยบายการเงินอีกครั้ง สร้างความหวังต่อการดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
(+) ความหวังต่อการดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจของ BOJ จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และการส่งออกเดือน ธ.ค. ที่หดตัว
(+) ราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากความหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB และปัญหาในตะวันออกกลาง
(-) ความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกหลังราคา Commodity อ่อนตัวลง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
(-) ความกังวลต่อปัญหาภัยแล้งในปีนี้ สร้างแรงกดดันต่อการบริโภคในประเทศ และการขยายตัวของ GDP ปี 59
(-) กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วย MERS ในประเทศ ประเมิน 218 รายติดกลุ่มเฝ้าระวัง สร้างความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(+/-) ธนาคารพาณิชย์ 11 แห่งในประเทศรายงานผลการดำเนินงานปี 58 ลดลงจากปีก่อนหน้า -6.7%YoY นำโดย KBANK และ SCB
(+/-) ATP 30 เข้าสู่ Cash Balance ระหว่างวันที่ 25 ม.ค.– 4 มี.ค.

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
* แนวโน้มราคาน้ำมัน และค่าเงินหยวน
* ผลการประชุม FOMC ในวันที่ 28 และ BOJ ในวันที่ 29
* Earning Season ของสหรัฐ และ ไทย
* ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรป CPI เดือนม.ค.สหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และ GDP ไตรมาส 4
* ตัวเลขเศรษฐกิจไทย ตัวเลขการส่งออกเดือนธันวาคม และ ดัชนีภาคการผลิต

ความคิดเห็น
       ประเมินภาพรวมดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ จากความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ลดลงหลังการดำเนินการเพิ่มสภาพคล่องของ PBOC และความหวังต่อการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB และ BOJ โดยเรายังคงต้องติดตามการประชุม FOMC ที่จะประกาศในช่วงเช้าของวันที่ 28 ว่าจะมีมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยอย่างไร จากเดิมที่คาดหมายการปรับเพิ่มดอกเบี้ยในทุกๆ ไตรมาส ด้านในประเทศความเสี่ยงภัยแล้งและการส่งออกกดดัน โดยประเด็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และ ICT จะเป็นปัจจัยสำคัฐในการสร้างการขยายตัวของ GDP
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันฟื้นตัว หุ้นในกลุ่ม ICT รวมไปถึงหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีการคาดหมายการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 โดดเด่น

วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 25 -29 ม.ค. 59
จากการลงครั้งสุดท้าย สู่การขึ้นครั้งสำคัญ
SET Closed 1,268.03 High: 1,272.09 Low : 1,231.32
Resistant : 1,286 , 1,334 Support : 1,260, 1,256

       กราฟ SET (week) ดีดตัวขึ้น หลังเกิด Morning star เมื่อสัปดาห์ก่อน และมีโอกาสเกิดสิ่งที่เราคาดไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า SET อาจลงในสัปดาห์ก่อนเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากหลายสัญญาณบ่งบอกการเกิด Oversold และใกล้ bottom out ล่าสุดแนวโน้มแท่งเทียนกำลังดีดตัวไปยังแนวเส้นกดทับที่ 1,334 จุด สนับสนุนโดยสัญญาณซื้อระยะสั้นใน RSI ซึ่งหากปลายสัปดาห์สามารถผ่านแนว 1,286 จุดไปได้จะขึ้นต่อในสัปดาห์ถัดไป และหากผ่าน 1,334 จุดไปได้เราจะไม่เห็นการลงของตลาดที่น่ากังวลอีกต่อไป ในสัปดาห์นี้ถือเป็นการม้วนตัวขึ้นครั้งสำคัญหากผ่านแนวต้านไม่ว่าจะเป็นแนวใด และปิดสูงขึ้น จะทำให้ MACD เกิด Buy signal และจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามนี่คือแนวโน้มขาลงดังนั้นเราประเมิน SET ยังคงแกว่งตัวขึ้นลง และฝ่าอีกหลายแนว

กลยุทธ์
1. เก็งกำไรตามตลาด การดีดตัวในช่วงต้นสัปดาห์เน้นเล่นสั้น จับรอบ
2. หาก SET ผ่าน 1,334 จุด ให้ถือหุ้นปริมาณมากขึ้น
3. หาก SET ปิดต่ำในวันใด ให้ระมัดระวังการเก็งกำไร

หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
IRPC ราคาปิด 4.44 บาท
* คาดค่าการกลั่นในส่วนของโรงกลั่นจะยังแข็งแรงต่อเนื่องในปี 59 ด้วยปัจจัยหนุนหลักจากราคาน้ำมันดิบระดับต่ำ
* เตรียมเดินเครื่องโครงการ UHV ในช่วงปลายเดือน มี.ค. เพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบน้ำมันเตา สร้างกำไรสุทธิให้กับบริษัทในปี 59 ราว 900 ล้านบาท
* ประเมินราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 5.30 บาท (อิง 1.4x PBV) โดยมีโครงการ Everest เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ

แนวโน้มทางเทคนิค
IRPC ราคาปิด 4.44 บาท แนวต้าน : 4.60, 4.80 แนวรับ : 4.40, 4.36
กราฟ IRPC ฟื้นตัวในแนว up trend หลังจากลงมาทดสอบแนวเส้น support ที่แข็งแกร่ง และดีดตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ทำให้เกิด rebound signal ในเครื่องมือทางเทคนิค คาดหมายการปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ และมีแนวต้านสำคัญที่ 4.80 บาท

กลยุทธ์
เข้าซื้อตั้งแต่ระยะต้นสัปดาห์ และถือหุ้นต่อเนื่อง ให้แบ่งทำกำไรเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน หากราคาหุ้นหลุด 4.36 บาท ให้หยุดการเก็งกำไรและลดน้ำหนักให้มาก

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ

บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

สิ่งดีดีที่มากับลมหนาว
       คาด SET ปรับตัวขึ้นวันนี้ หนุนจากทั้งปัจจัยบวกในประเทศและการดีดตัวแรงของราคาน้ำมันโลก สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ความชัดเจนของโครงการขยายท่าอากาศยานซึ่งมีกำหนดเวลาที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และการให้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ ทั้งสองเป็นประเด็นเชิงบวกต่อนักลงทุน ด้านต่างประเทศ ความเชื่อมั่นของไอเอ็มเอฟต่อจีน และความแข็งแกร่งของตัวเลขบ้านในสหรัฐฯ รวมถึงการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันถึง 10% จากพายุหิมะในชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐทั้งหมดช่วยหนุนตลาดหุ้น และน่าจะช่วยผลักดันการซื้อขายหุ้นให้ปรับตัวขึ้นในวันนี้

หุ้นเด่นวันนี้ : SCB (Bt119.50; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 152.00 บาท)
      บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์คาดการณ์ที่จะเติบโตสอดคล้องไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยได้รับแรงผลักดันอย่างมากจากการเร่งการลงทุนของรัฐบาล ซึ่งธนาคารตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อปี 59 ที่ 4-6% และอัตราหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อเฉลี่ย (Credit cost) จะกลับมาสู่ระดับปกติที่ 115bps จาก 165bps ในปี 58 เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองเต็มจำนวนแก่สินเชื่อ SSI และได้ตัดหนี้สูญสินเชื่อ SSI UK แล้ว นอกจากนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัว มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้น ในแง่ของการประเมินมูลค่า ปัจจุบัน SCB ซื้อขายกันในระดับ P/B และ P/E ต่ำที่ 1.2x และ 7.4x ตามลำดับ อีกทั้งยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจมากที่ 5.4% เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตที่ 16.3% ในปี 59 ก่อนจะลดระดับมาเติบโตที่ 8.0% ในปี 60 ถึงแม้ว่าเราจะคาดการณ์การเติบโตในปี 60 ที่ตัวเลขหนึ่งหลัก แต่สมมติฐานนี้อาจมีการปรับขึ้นในอนาคตเมื่อผลจากการลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น Price Pattern ของ SCB เกิดการฟื้นตัวระยะสั้นจากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ แต่ยังคงถูกกดดันจากทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal อยู่ ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SCB ในระยะสั้นจากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ทำให้การเปิด Falling Gap ก่อนหน้านี้ของ SCB กลายเป็นเรื่องผิดปกติ ที่คาดว่า Price Pattern ของ SCB จะสามารถปรับตัวขึ้นไปปิด Falling Gap ที่เปิดไว้ที่ 127.50 บาท ได้เป็นอย่างน้อย โดยการฟื้นตัวของราคา SCB รอบนี้ มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 132.50 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 145 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ของการลงทุนในรอบนี้อยู่ที่ 114.50 บาท (Resistance: 121.50, 124.00, 126.50; Support: 117.00, 114.50, 112.00)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

       ธนาคารออมสินให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างออกเงินกู้ที่อยู่อาศัยวงเงิน 3.2 หมื่น ลบ. ดอกเบี้ย 3.25-3.5% ในปีแรกมุ่งเป้าผู้มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง โดยจะเปิดถึงสิ้น มี.ค. โดยผู้ที่ได้กู้จะต้องกู้ให้แล้วเสร็จใน 29 เม.ย. (Bangkok Post) ความเห็น: เงินกู้อาจกระตุ้นอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่างแต่ดอกเบี้ยก็จะปรับเพิ่มเป็น 4.75% ในปีที่สอง
      ภาษีนำเข้าสินค้า 1,100 อย่างอาจถูกยกเว้น กระทรวงการคลังกำลังขอการอนุมัติจาก ครม. ในการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้า 1,100 อย่าง จาก 56 ชนิด ถึงแม้ว่านโยบายดังกล่าวอาจทำให้รายได้ภาษีหดตัว 3 พันล้านบาท แต่ผู้ผลิตภายในประเทศจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนของวัสดุที่ถูกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตในขั้นตอนสุดท้ายของสินค้าที่มีมูลค่าสูง (Bangkok Post)
การก่อสร้างสุวรรณภูมิคาดว่าจะเริ่มเดือน มิ.ย. บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) กล่าวว่าจะเริ่มงานก่อสร้างสามโครงการแรกภายใต้แผนการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ในเดือน มี.ค. และเริ่มก่อสร้างเดือน มิ.ย. งานขยายท่าอากาศยานทั้งหมดมีเจ็ดโครงการมูลค่ารวม 51 พันลบ. โดยในเฟสแรกซึ่งมีสามโครงการดังกล่าวจะอยู่ที่ 18 พันลบ. (Bangkok Post)
      บีโอไอ เสนอสิทธิประโยชน์แก่ชาวนา ในการประชุมบอร์ดครั้งหน้าภายในเดือน ม.ค. – ก.พ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีแผนเสนอมาตรการสนับสนุนโครงการสร้างเกษตรกรไทยเป็นสมารท์ฟาร์เมอร์ โดยจะเสนอสิทธิประโยชน์เหมือนกับที่ได้เสนอให้แก่ SMEs (Bangkok Post)
SCC (410.00 บ.) กำลังพิจารณาจะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้น โดยสำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์นั้น SCC วางแผนที่จะลงทุนโรงงานปูนซีเมนต์ 1 โรง ซึ่งปัจจุบันกำลังศีกษาความเป็นไปได้ว่าจะเลือกลงทุนเองหรือร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ขณะที่ SCC ยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพลกซ์ในเวียดนาม มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ฯ ต่อไป แม้ว่า Qatar Petroleum ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์หลักรายหนึ่งเพิ่งถอนตัวจากการลงทุนไป โดย SCC กำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ 3-4 ราย ที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนจ่อจาก Qatar โดยคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ (The Nation)


ต่างประเทศ

     ความคาดหวังที่มากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายผ่อนคลายการเงินจาก ECB และ BOJ ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการขึ้นของหุ้นทั่วโลกและราคาน้ำมัน นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่ายังมีโอกาสในการยืดระยะเวลามาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกไปหากภาวะเงินเฟ้อเริ่มลดลง ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปได้กล่าวว่าธนาคารจะทบทวนนโยบายในเดือนมีนาคมซึ่งตลาดมองว่าเป็นสัญญาของการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้น (Reuters)
      อัตราดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เฟดจะจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วัน เริ่มจากวันอังคารนี้และจะประกาศถ้อยแถลงเกี่ยวกับเศรษฐกิจและเป้าอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ สัญญาณซื้อขายล่วงหน้าที่อิงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ คาดว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีเพียง 1 ใน 8 จากความเห็นส่วนใหญ่ของผู้ที่อยู่ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า รัฐบาลสหรัฐประกาศตัวเลขเบื้องต้นGDP ไตรมาส 4/59 นักเศรษฐศาสตร์มองว่าตัวเลขประมาณการจะอยู่ที่ 0.8% ลดลงจาก 2% ในไตรมาส 3/58 (Reuters)
      IMF ไม่เห็นว่าจีนจะประสบกับภาวะเศรษฐกิจดิ่งลงหนัก จากความเห็นของนางคริสตีน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF เมื่อวันเสาร์ที่กรุงดาวอส เธอระบุว่ามีคนจำนวนมากไม่เชื่อถือข้อมูลทางการของจีนแต่ก็กล่าวว่าตลาดจะเชื่อว่าจีนจะมีการเติบโต อย่างไรก็ตาม นางลาการ์ดกล่าวว่าตลาดต้องการความชัดเจนมากกว่านี้เกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน (Reuters)
     การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงลดลง ราคาพันธบัตรสหรัฐร่วงลงหลังจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันและหุ้นได้จุดชนวนการเทขายพันธบัตร ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลง 9/32 และให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.052% เพิ่มขึ้น 0.03% จากเมื่อวันพฤหัส อัตราผลตอบเทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีไต่ขึ้นจาก 1.939% เมื่อวันพุธ ต่ำสุดนับแต่เดือนตุลาคมปีก่อน (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อวันศุกร์ ถูกกระตุ้นจากความคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงินจาก ECB และ BOJ และการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งกระตุ้นให้เกิดความอยากลงทุนในตลาดมากขึ้น ดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.9% อยู่ที่ 118.78 เยน ส่วนเงินยูโรลดลงอยู่ที่ 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.51% อยู่ที่ 99.557 จุด (Reuters)
สหรัฐ :

     ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ จากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นมากกว่าที่เคยมีมา ทำให้นักลงทุนเกิดความผ่อนคลายหลังจากเกิดภาวะหนาวจัดทั่วสหรัฐและยุโรปซึ่งกระตุ้นความต้องการพลังงาน ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2% และเป็นสัปดาห์แรกที่เป็นบวกของปี 2016 หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นตัวทำให้ตลาดปิดบวก อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นในตลาดส่วนมากเห็นพ้องกันว่าพวกเขายังไม่เห็นจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันและหุ้น (Reuters)
ยอดขายบ้านสหรัฐพุ่งทำสถิติ 14.7% แตะ 5.46 ล้านหน่วยในเดือน ธ.ค. หลังถูกดึงไว้โดยเกณฑ์ใหม่เรื่องการเปิดเผยข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทำให้การปิดสัญญาล่าช้าไปในเดือน พ.ย. ยอดขายเดือน พ.ย.อยู๋ที่ 4.76 ล้านหน่วยลดลง 10.5% เทียบปีก่อน นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดยอดขายบ้านว่าจะดีดกลับ 8.9% อยู่ที่ 5.20 หน่วย ยอดขายทั้งปี 58 เพิ่ม 6.5% มาอยู่ที่ 5.26 ล้านหน่วย แข็งแกร่งที่สุดนับแต่ปี 49 (Reuters)
Market รายงานดัขนี PMI ภาคการผลิตในเบื้องต้นของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. สูงขึ้นมาอยู่ที่ 52.7 ฟื้นตัวจากเดือน ธ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 51.2 และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 38 เดือน และประกาศออกมาดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 51.1 (สำรวจโดย Reuters) ทั้งนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าภาวะทางธุรกิจโดยรวมกำลังฟื้นตัว (Reuters)
ยุโรป :

     ดัชนี ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นมากที่สุดของวันนับตั้งแต่เดือน ต.ค. และนับเป็นสัปดาห์แรกที่ปิดบวกเหนือสัปดห์ก่อนหน้าในปีนี้ จากการที่หุ้นพลังงานวิ่งขึ้นอย่างแรงจากจุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี อย่างไรก็ตามมีแรงขายในตอนท้ายของตลาดในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และหุ้นธนาคารอิตาลี (Reuters)
ดัชรี PMI เบื้องต้น สำหรับธุรกิจรวมของยูโรโซนจัดทำโดยมาร์กิต ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ในเดือน ม.ค. ที่ 53.5 จาก 54.3 ในเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวยืนอยู่เหนือ 50 อันหมายถึงการขยายตัว มานับตั้งแต่ท ก.ค. 2013 หรือ 30 เดือน ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 54.2 ทำให้ยิ่งสนับสนุนการที่ ECB จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก (Reuters)
เอเชีย :

     ส่งออกญี่ปุ่นร่วง 8.0% ในเดือน ธ.ค. ลดลงติดกันเป็นเดือนที่ 3 แล้ว จากเศรษฐกิจจีน และตลาดเกิดใหม่ที่ชะลอตัว ตัวเลขดังกล่าวแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลง 6.8% ส่งออกญี่ปุ่นลดลง 3.3% ในเดือน พ.ย. การนำเข้าลดลง 18% ในเดือน ธ.ค. เกี่ยวกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง 16.4% ทำให้ดุลการค้าเป็นเกินดุล 1.4 แสนล้านเยน (1.18 พันล้านดอลลาร์) ดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเกินดุล 1.0 แสนล้านเยน (Reuters)
       จีนเตรียมลดกำลังการผลิตเหล็กดิบในประเทศลง 100-150 ล้านตัน หลังจากที่จีนคาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กจะมีกำลังการผลิตส่วนเกินที่ 300 ล้านตัน ขณะที่เตรียมลดขนาดของอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศเพื่อลดกำลังการผลิตส่วนเกินในปัจจุบันลง รวมถึงเพื่อปรับเปลี่ยนแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากการลงทุนอุตสาหกรรมหนักไปเป็นการบริโภคมากขึ้น ทั้งนี้ผลผลิตเหล็กดิบในจีนหดตัวลง 2.3% YoY มาอยู่ที่ 803.8 ล้านตันในที่ 2558 ซึ่งนับเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

      น้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง 10% วันศุกร์ เป็นการปรับขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาเพราะผู้ค้าปิดสถานะชอร์ตหลังจากพายุหิมะเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ Brent ส่งมอบ มี.ค.ปรับขึ้น 2.93 ดอลลาร์ (+10%) ปิด 32.18 ดอลลาร์น้ำมันดิบสหรัฐปิด 32.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 32.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหรือบวก 9% อย่างไรก็ดีผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ไม่คิดว่าน้ำมันแตะจุดต่ำสุดแล้ว เพราะน้ำมันโลกยังล้นตลาดและมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีน (Reuters)
      ราคาทองร่วงวันศุกร์ จากนัยว่าจะมีมาตรการการเงินเพิ่มเติมจาก ECB ส่งผลต่อค่าเงินยูโรและดันหุ้นให้ปรับตัวขึ้น ซึ่งก็หมายถึงความต้องการถือสินทรัพย์ทางเลือกลดลง ราคาทองคำตลาดจรปรับลง 0.6% อยู่ที่ 1,095.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ ก.พ. ลดลง 1.90 หรือ 0.2% อยู่ที่ 1,096.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)

Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!