- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 January 2016 09:00
- Hits: 814
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
บวกต่อ กลุ่มพลังงานยังอยู่ช่วงฟื้นตัว
KGI คาด SET วันจันทร์ขึ้นต่อ หนุนโดยหุ้นน้ำมันและทุนต่างชาติดูดีขึ้น (ศุกร์ที่แล้วฟื้นแรงกว่าคาด) แต่ดัชนีฯ อาจชะลอแถวแนวต้านถัดไปที่ 1,279 (อิงมุมมองนักวิเคราะห์เทคนิค KGI) ราคาน้ำมัน WTi เด้งอีก 8.1% เมื่อวันศุกร์ตามภาพสินทรัพย์เสี่ยงที่ดีขึ้นและภาวะการณ์ในจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น ด้านทุนต่างชาติน่าจะเข้าเก็งกำไรหุ้นเอเชียและ SET ต่อ ตามสัญญาณค่าเงินบาทที่แข็งเร็วเมื่อวันศุกร์ หลัง ECB ส่งสัญญาณกระตุ้นทางการเงินเพิ่ม (เร็วสุดคือในเดือน มี.ค. นี้) และที่ประชุม US FOMC สัปดาห์นี้ไม่ขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและตลาดการเงินโลกเพิ่งผ่านช่วงปั่นป่วนมา (นักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่าสหรัฐฯ จะรอถึงกลางปี 2559 จึงจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง) ทั้งนี้ปัจจัยภายนอกดูเป็นบวกมากขึ้นและเราแนะนำซื้อเก็งกำไรต่อ คงมองเป้า SET ไตรมาส 1/2559 ที่ 1,330 จุด
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร PTTGC*, LIT
PTTGC* (เป้า Consensus 64.4 บาท) 1) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนราคาน้ำมันที่รีบาวด์แรง คาดเป็น Sentiment บวกต่อธุรกิจปิโตรเคมีที่เป็น Gas Based อย่าง PTTGC* (เป็นลบในเชิง Sentiment ต่อ SCC*) 2) รูปแบบราคา Breakout แนวต้านเทรนไลน์ที่บริเวณ 48.5 บาท หากวันนี้ยืนเหนือแนวต้าน 50 บาทได้ มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 52.5 และ 56 บาท ตามลำดับ (แต่ถ้าดีดไม่พ้นแนวต้าน 50 บาท อาจพิจารณาขาย) ... สำหรับ SCC* นักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำวันศุกร์ แนะนำ “ถือ” คาดรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 วันพุธนี้ พร้อมประกาศปันผล (ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 9.2 พันล้านบาท และปันผล 7.0 – 7.3 บาท/หุ้น)
LIT (เป้า Consensus 12.4 บาท) 1) รูปแบบราคา Sideway up หลังลงมาทดสอบแนวรับเทรนไลน์ขาขึ้นแล้วฟื้นตัว ประเมินแนวต้าน 9.75 บาท แนวรับ 8.5 บาท สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “ซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุน” 2) จากการเข้าพบผู้บริหาร แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/58 ยังทำนิวไฮต่อเนื่อง (อานิสงส์ภาครัฐฯเร่งงานประมูลเล็กๆ < 100 ล้านบาท) และ Earnings Momentum ยังโตต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/59 เป็นอย่างน้อย 3) Valuation ยังไม่แพงด้วย PE ปี 2558 – 59 ที่ 26 - 18 เท่า ขณะที่ PE เฉลี่ยกลุ่มลีสซิ่ง 25-35 เท่า และใน Bloomberg consensus คาดกำไรปี 2559 ของกลุ่มฯทรงตัว ขณะที่เราประเมินกำไร LIT ปี 2559 โต >30% YoY
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มสายการบิน (AAV*, BA*) ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงก่อนหน้า คาดจะเป็นเป้าหมายในการขายทำกำไรของนักลงทุน และเปลี่ยนกลุ่มเล่น โดยมีประเด็นข่าวลบทั้ง 1) ราคาน้ำมันรีบาวด์ กดดันต้นทุน (ในเชิง Sentiment) 2) ข่าวพบผู้ป่วยโรค เมอร์ส รายที่ 2 ในไทย ... สำหรับนักลงทุนที่มีอยู่แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL, TSE, SUPER) 1) ราคาน้ำมันที่รีบาวด์ คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน (แต่ไม่กระทบต่อนโยบายแผน PDP) 2) โครงการโซลาร์ส่วนราชการ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติภายในเดือนนี้ และจับสลากไม่เกิน ก.พ. จะเป็น Event แรกในการปลดล๊อกให้มีการประมูล FiT โครงการอื่นๆตามมา แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นในกลุ่มฯ เลือก IFEC เป็นหุ้นเด่น
หุ้นกลุ่มน้ำมัน (PTT*, PTTEP*) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อหุ้นกลุ่มน้ำมันตามที่เราแนะนำก่อนหน้า (เริ่มแนะนำเก็งกำไรวันที่ 19 ม.ค.) อาจพิจารณา “ขายล๊อกกำไร” เมื่อราคาปรับตัวขึ้นวันนี้
หุ้นปันผล i) PS* (เป้าพื้นฐาน 32.3 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผลเฉลี่ย 5% ต่อปี (คาดปันผลที่เหลือของปี 2558 ที่จะประกาศจ่ายหลังปิดงบปี ?0.7 บาท/หุ้น) ii) KTB* (เป้าพื้นฐาน 18.3 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 0.78 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. – ต้น มี.ค.) iii) ASK (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 1.53 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. – ต้น มี.ค.) iv) BJCHI* (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) ประเมินปันผล 0.55 บาท/หุ้น
หุ้นมีข่าว
(+ กลุ่มเหล็ก เลือก TMT เป็นหุ้นเด่น) ชงรัฐเบรกตั้งโรงงานเหล็ก หวังอานิสงส์เมกะโปรเจ็กต์หนุนตลาดคึก (ไทยโพสต์) สมาคมเหล็กฯ จ่อชงรัฐเบรกตั้งโรงงานเหล็กเพิ่ม หวังแก้ปัญหาเหล็กล้นตลาด 3-4 เท่าตัว โรงงานผลิตเกินกว่า 50 แห่ง แถมราคาตก ปี 59 หวังอานิสงส์โครงการลงทุนในเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐช่วยกระตุ้นตลาด หนุนราคาพุ่ง
(0) ทีวีดิจิตอล ระส่ำ 7 ราย ขอคืนใบอนุญาต (ไทยรัฐ) ข่าวนี้จะถือเป็นบวกต่อผู้ประกอบการทีวีที่จะยังอยู่ในตลาดต่อไปเนื่องจาก เม็ดเงินโฆษณาจะมีส่วนแบ่งน้อยลง หาก 7 ช่องทีวีดิจิตอล (GMM One, GMM channel, PPTV, Thairath, Bright TV, Nation TV และ NOW26) จะเลิกธุรกิจจริง ขณะที่เรายังคงยึดคำแนะนำ ซื้อ WORK* ราคาเป้าหมาย 51 บาท และถือ RS* ราคาเป้าหมาย 11 บาท
(0) ไทยพบผู้ป่วยโรคไวรัสเมอร์สรายที่สอง โดยทำการย้ายผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อยังสถาบันบำราศนราดูร ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว (เดอะวอลล์สตรีท เจอร์นัล) ข่าวดังกล่าวไม่ได้สร้างความกังวลอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าผลการทดสอบยืนยันว่า ผู้ป่วยชาวโอมานอายุ 71 ปี ซึ่งมารับการรักษาในไทยติดเชื้อไวรัสดังกล่าว เนื่องจากทางการไทยได้จัดการย้ายผู้ป่วยเพื่อไปรับการรักษาต่อยังสถาบันบำราศนราดูร ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้ตั้งแต่การพบผู้ป่วยรายแรกในไทยเมื่อเดือน มิ.ย.58 จนกระทั่งหายจากโรคดังกล่าว ทั้งนี้ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลของไทย เรายังคงให้ BH* เป็น Top pick โดยมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
(+ SCB*, BIGC*) ไทยพาณิชย์รับ ที่ปรึกษาค้าปลีกเข้าซื้อหุ้นบิ๊กซี (โพสต์ทูเดย์) ไทยพาณิชย์ รับมี 3 ยักษ์ค้าปลีกสนซื้อบิ๊กซี พร้อมเป็นที่ปรึกษา หาเงินลงทุนจากต่างชาติ นายอาทิตย์ นันวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยกรณีบริษัท คาสิโน กรุ๊ป ค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส ประกาศขายหุ้นบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ธุรกิจค้าปลีกในไทยที่ถืออยู่ 58.6% มูลค่า 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.4 หมื่นล้านบาท) ยอมรับว่า มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในไทยสนใจประมาณ 2-3 ราย และเข้ามาปรึกษาถึงโอกาสทางธุรกิจจากการเป็นเจ้าของกิจการบิ๊กซี
(+) หุ้นใหญ่ PSTC ซื้อบิ๊กล็อต พร้อมใส่เงินเพิ่มทุนพันล้าน (ฐานเศรษฐกิจ) เพาเวอร์ โซลูชั่น เผยผู้ถือหุ้นใหญ่ซื้อหุ้นบิ๊กล็อต 100 ล้านหุ้น จากกรรมการ พร้อมซื้อเพิ่มในกระดาน ดันสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มแตะ 20% หลังมั่นใจในทิศทางการดำเนินงาน ย้ำผู้ถือหุ้นใหญ่ 20 อันดับแรกพร้อมใส่เงินตามแผนเพิ่มทุนพันล้านบาท รองรับรุกธุรกิจพลังงานทางเลือกเต็มสูบ
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
SCC* (เป้าพื้นฐาน 620 บาท) ราคารีบาวด์ที่แนวรับ 402 บาท ตามคาด ประเมินมีโอกาสทดสอบแแนวต้านแรก 420 และถัดไป ?440 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” แต่กรณีเลวร้ายหากต่ำกว่า 402 บาท แนะนำ “ขายตัดขาดทุน” … รอประกาศงบ + ปันผลวันพุธนี้
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) หากทะลุผ่านแนวต้านแรก 6.35 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ?6.6 บาท แนวรับ ?6.1 บาท แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”
SF (เป้า Consensus 8.05 บาท) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นตามคาด ทดสอบแนวต้านแรกที่ 6.2 บาท หากทะลุผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.5 บาท 2) ไตรมาส 4/58 มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรม
COM7 (เป้าสูงสุดใน Consensus 6.1 บาท) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “Let profit run” (“ขายล๊อกกำไร” ก่อน หากต่ำกว่า 6.15 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” คุณภาพสินทรัพย์ก็แสดงสัญญาณของการฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้แรงกดดันด้าน credit cost ลดลง เมื่อพิจารณาเป็นรายธนาคาร เรามองว่า NPL ของธนาคารขนาดเล็กน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหลังจากที่ NPL ลดลงติดกันสองไตรมาส วนธนาคารขนาดใหญ่นั้น เรามองว่าคุณภาพสินทรัพย์และราคาหุ้นจะดีขึ้นอย่างช้าๆ เราปรับ KBANK* ออกจากการเป็นหุ้นเด่นของเรา และเลือก KTB* และ SCB* แทนเนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และ credit cost ที่ลดลงจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไร
MAKRO แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/58 = 1.51 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% YoY และ 21.1% QoQ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยเส้นคอรับ 1266 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1266 จุด อาจกดราคาทางลงในกรอบ 1266-1246 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือรับ 1266 จุดได้นั้น อาจรักษาแรงผลักขึ้นในกรอบ 1266-1286 จุด
แนวรับวันนี้: 1266/1246 แนวต้านวันนี้: 1279/1286
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]