WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Oil Price Slide Again!

ตลาดหุ้นวานนี้:
    ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดฟื้นตัวเมื่อ GDP ใน 4Q58 ของจีน ขยายตัว 6.8% yoy ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด 6.9% yoy ช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PTT / PTTEP รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประมูลคลื่น 4G หลังกสทช.แจ้ง JAS เตรียมชำระงวดแรกในต้นเดือนก.พ. ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 20.96 จุด มาอยู่ที่ 1,266.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45,450 ล้านบาท
      ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 934 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures 681 สัญญา และขายสุทธิเป็นวันที่ 3 ในตลาดตราสารหนี้อีก 1,086 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประกาศผลการดำเนินงานของ KBANK/ BBL/ TMB วันนี้ ส่วน KTB วันพรุ่งนี้
ค่าเงินหยวนกลางจากธนาคารกลางจีนวันนี้ 6.5578 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากวันก่อนที่ 6.5596 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX คืนวานนี้ปิดที่ US$28.46/barrel ปรับตัวลงแรง 3.26% dod
คณะทำงานร่วมไทย-จีน ได้ข้อตกลงเรื่องรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยแล้ว

มุมมองต่อตลาด
เราประเมินทิศทางของ SET INDEX แกว่งระหว่าง 1,260-1,280 จุด ทั้งนี้แนวต้าน 1,280 จุดถือเป็นจุดสำคัญ หากปิดและยืนเหนือ 1,280 จุด จะกลายเป็นสัญญาณเชิงบวกด้านเทคนิค ซึ่งเราให้น้ำหนักต่อโอกาสปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้เช่นกัน หาก
งบ 4Q58 ของหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง KBANK / SCB / BBL / KTB ออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าที่ตลาดคาด
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มทรงตัวได้ แม้ว่าจะฟื้นตัวได้อย่างจำกัดก็ตาม จะทำให้ราคาหุ้น PTT / PTTEP จะทรงตัวดีขึ้น และลดแรงกดดันต่อ SET INDEX ในภาพรวม
ด้านปัจจัยต่างประเทศ เราคาดว่าน่าจะเริ่มทรงตัวมากขึ้น หลัง GDP ของจีนเติบโตในกรอบที่ตลาดประเมินไว้ แม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจีนจะมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยกับเศรษฐกิจโลกที่จะกดดันการส่งออกของจีนต่อเนื่องจากปีที่แล้วก็ตาม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัว ย่อมทำให้ภาพรวมเงินทุนไหลกลับเข้าเก็งกำไรต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เพื่อเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 4Q58 ที่ทยอยประกาศกันทั่วโลก

กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ "นักลงทุนอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรบางส่วน เมื่อ SET INDEX ขยับขึ้นได้ต่อในวันนี้ เพราะในระยะสั้น 1,280 จุด อาจยังไม่ผ่าน และเกิดการย่อตัว เพื่อสร้างฐานของ SET INDEX ในระลอกใหม่"

Accumulative Buy: SCB/ SCC

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. SCB : ราคาปิด 118.00 บาท ราคาเหมาะสม 160.00 บาท
a) รายงานกำไรสุทธิ 4Q58 ที่ 11,795 ล้านบาทเติบโต +30.8% qoq แต่ลดลง -3.6% yoy ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาดราว 7%
b) จากสินเชื่อที่ขยายตัว +3.2% yoy และ +1.0% qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) เพิ่มขึ้นทั้ง yoy และ qoq เป็น 3.27% และคุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น ได้แก่ Gross NPL ลดลง -5% qoq, NPL Ratio ลดลงเหลือ 3.2% จากไตรมาสก่อนที่ 3.4% และ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 109.8% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 100.8%
c) MBKET ประเมินว่าภาพระยะกลาง - ยาวของกลุ่มธนาคารจะเป็นบวกมากขึ้น หลัง SCB ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่แห่งแรกที่รายงานงบ 4Q58 สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อในปี 2559 เชื่อว่าจะเร่งตัวขึ้น ตามการเติบโตของ GDP ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าระดับ 3%
d) คาดการณ์เงินปันผล 2H58 หุ้นละ 3.60 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.1% และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 7.6 เท่า และ PBV2559 ที่ 1.2 เท่า
2. SCC : ราคาปิด 412.00 บาท ราคาเหมาะสม 580.00 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q58 จะเติบโต +6% yoy และ +5% qoq เป็น 9,407 ล้านบาท แม้ว่าสเปรดธุรกิจปิโตรเคมีจะอ่อนตัวลงในไตรมาสนี้ แต่จะมีรายได้เงินปันผลรับจากบริษัทลูกราว 1,300 ล้านบาทเข้ามาช่วยหนุนกำไร
b) หากกำไรสุทธิ 4Q58 ออกมาใกล้กับคาดการณ์จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +29% yoy เป็น 43,358 ล้านบาท
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2559 โดยคาดว่าธุรกิจปูนซีเมนต์จะฟื้นตัวจากความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง จึงส่งผลให้สเปรดปิโตรเคมียังทรงตัวในระดับสูงได้ เนื่องจาก SCC มีสายการผลิตแบบ Naphtha Base
d) คาดการณ์เงินปันผล 2H58 หุ้นละ 7.50 - 8.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2%
e) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -10% YTD ส่งผลให้ Valuation มีความน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER2559 ที่ 11.0 เท่า และคาดการณ์เงินปันผลปี 2559 หุ้นละ 16.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.9%

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุท ธิเป็นวันที่ 4 อีก US$186 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$406 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเลือกซื้อหุ้นรายตัว แต่ปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 934 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,919 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 10,925 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิ 681 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50H16 ฟื้นตัวเด่น และกดดันให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 11.41 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 13.51 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 50,284 สัญญา
ส่วนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 3 อีก 1,086 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 3,088 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,682 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 3.20bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 4.33bps ปิดที่ 2.498%

Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 777 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,098 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิ เน้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่นในรอบนี้
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 1,468 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 488 ล้านบาท และกลับมาสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิ 709 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 469 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานซื้อสุทธิ 484 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 157 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 213 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 91 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่ง ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 91 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 102 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 75 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นลบ
ดัชนีตลาดบ้าน เดือนม.ค. เท่ากับ 60.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 62.0 จุด แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้าที่ 60.0 จุด เป็นการส่งสัญญาณความต้องการซื้อบ้านหลังแรกชะลอตัว เพราะต่ำกว่า 50.0 จุด อยู่ที่ 44.0 จุด
IMF ลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงเหลือ 3.4%: เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงอย่างรุนแรง และความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลให้บราซิลเข้าสู่ช่วงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจในตะวันออกกลางมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ
เศรษฐกิจโลกคาดว่าปีนี้จะเติบโต 3.4% ลดลงจากการประเมินเดือนต.ค.ที่ผ่านมา 3.6% ส่วนปีหน้าคาดเติบโต 3.6% ลดลงจากเดิม 3.8%
ความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สำคัญคือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน และการปรับนโยบายการเงินของเฟดสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เศรษฐกิจจีน คาดเติบโต 6.3% ในปีนี้ ทรงตัวจากการประมาณการเดิม
เศรษฐกิจบราซิล คาดหดตัว 3.5%
เศรษฐกิจรัสเซีย คาดหดตัว 1.0% เร่งขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนที่ -0.6%
เศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดเติบโต 2.6% ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 2.8%
เศรษฐกิจอียู คาดเติบโต 1.7% เพิ่มขึ้นจากประมาณครั้งก่อนที่ 1.6%

ยุโรป
อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเพิ่มขึ้น: เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% yoy เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. เร่งขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ 0.1% yoy ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง เพิ่มขึ้น 1.4% yoy เป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี เป็นผลจากราคาน้ำมันสำเร็จรูป และตั๋วเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันชะลอตัว: เป็น 10.2 จุด ในเดือนม.ค. ชะลอตัวจากเดือนธ.ค.ที่ 16.1 จุด และเป็นการลดลงเดือนที่ 3 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเยอรมัน

จีน
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด:
GDP ใน 4Q58 ของจีนเติบโต 6.8% yoy ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินเล็กน้อยที่ 6.9% yoy และเทียบกับไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 6.9% yoy โดยเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค.ขยายตัวเพียง 6.69% เทียบกับเดือน พ.ย.ที่ +6.85% ขณะที่เศรษฐกิจทั้งปี 2558 ของจีนเติบโต 6.9% เท่ากับที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533 ทั้งนี้ธุรกิจเหล็ก, ถ่านหินและซีเมนต์หดตัว ขณะที่ภาคบริโภค, การบริการและเทคโนโลยีขยายตัว
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.9% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดขยายตัว 6.0% yoy และชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ +6.2% yoy
ยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.ขยายตัว 11.1% yoy ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ +11.3% yoy

เอเชียแปซิฟิก
IEA ประเมินการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะทำให้ตลาดยุโรปแข่งขันมากขึ้น: หลัง UN ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับทางอิหร่าน คาดว่าอิหร่านจะกลับมาผลิตน้ำมันดิบเข้าสู่โรงกลั่น 2.5 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งจะเป็นคู่แข่งทางตรงกับซาอุดิอาระเบีย, อิรัก และรัสเซีย ส่วนอิรักมีแนวโน้มที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 3.0 แสนบาร์เรล/วัน ภายในสิ้น 1Q59

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!