WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'มีลุ้นรีบาวด์ต่อ...ซื้อ/ถือด้วยค่าบวก'

Stock Picks-Jan 2016 : Fundamental : ANAN, AOT, BTSGIF, CPN, GL และ Dark Horse เป็น CK
Fundamental Pick -Today: SAMTEL (ดูรายละเอียดด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF

Shot Sell-Prev : TDEX 91%, AP 45%, TTA 30%, PTTEP 19%, RATCH 18%, IVL & GLOBAL 17%

Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ มีลุ้นรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop Loss
SET 1200+/- 1260-1270,1280 หลุด 1240
SET50 750-740 780-790,800 หลุด 760
Technical Picks- Today : THANI, J, DEMCO, CKP, BIG, TIPCO, BH, GFPT

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงช่วงแรก (โดย SET Index ลงไปต่ำสุดที่ 1231.32 จุด) แล้วมีแรงซื้อกลับทำให้ดัชนีตลาดปิดทรงตัวได้ที่ 1245.05 จุด โดยแรงซื้ออยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, สื่อสาร, ท่องเที่ยว, อสังหาฯ และหุ้นปันผลสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่ออีก 2.1 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือซื้อสุทธิ


วันนี้จับตารายงานตัวเลข GDP Growth ของจีนประจำ 4Q15 และทั้งปี 2015 ซึ่งทาง DBS Group Research คาดว่าไตรมาส 4 จะเติบโตลดลงเป็น 6.5% (จาก 6.9% ใน 3Q15) และทำให้ทั้งปี 2015 ขยายตัว 6.8% สำหรับปี 2016 คาดการณ์ว่าจะเติบโตลดลงสู่ระดับ 6.5% เนื่องจากอุปสงค์ยังไม่แข็งแกร่งนัก และจีนยังอยู่ในช่วงปรับปรุงประสิทธิภาพภาคการผลิต ส่วนผลประกอบการบจ.ไทยคาดว่าจะทยอยรายงานออกมามากขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก่อน แล้วจะทยอยตามมาด้วยกลุ่มที่เป็น Real Sectors ซึ่งประเมินว่าผลประกอบการโดยรวม 4Q15 จะยังอ่อนแอแต่ดีขึ้นเมื่อเทียบ QoQ เพราะช่วง 3Q15 กลุ่มพลังงานฉุดกำไรตลาดลงแรงมาก ส่วนปี 2016 หลายอุตสาหกรรมอยู่ในช่วงประคับประคองตัวและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ภาพรวมของการเติบโตจะไม่มาก แต่ก็มีบางกลุ่มธุรกิจและบางบริษัทที่ผลประกอบการ Turnaround หรือเติบโต Outperform ตลาดได้ เช่น GL, MTLS, PREB, STEC, KCE, CENTEL, MINT, SAMTEL, SAMART, AAV, BA, BEM เป็นต้น กลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นการเลือกซื้อ (Selective Buy) โดยหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น SAMTEL
วิเคราะห์ทางเทคนิค: ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวกเล็กๆ มีลุ้นรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ แนวต้านระยะสั้น 1260-1270, 1280 จุด ค่าลบดูไม่ดี หลุด 1240 จุดให้ลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสลงไปที่แนวรับ 1200+/- จุด ส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น INET, QTC, BIG, GFPT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ IRPC, LPH, VNG, LIT, CHG สำหรับหุ้นที่หาจังหวะ Take Profit ได้แก่ TNH, BH

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
ตลาดหุ้นสหรัฐและโภคภัณฑ์ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
+ จีน: เสริมสภาพคล่องระยะสั้นให้ธ.พ. ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินอีก 5.5 หมื่นล้านหยวน (8.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบธนาคารพาณิชย์ด้วยการปล่อยกู้ระยะ 3 วันที่อัตราดอกเบี้ย 2.1%


จีน: จับตารายงาน GDP Growth ประจำ 4Q15 ซึ่ง DBS Group Research คาดการณ์ว่าจะออกมา 6.5% และทำให้ทั้งปี 2015 เศรษฐกิจเติบโต 6.8% โดยปัจจัยที่ทำให้เติบโตน้อยลง คือ การลงทุนที่คาดว่าจะขยายตัวเป็น 10% ในปี 2015 จาก 16% ในปี 2014 สำหรับปี 2016 เราประมาณการอัตราการเติบโตชะลอตัวลงต่อที่ 6.5% ซึ่งการเติบโตที่ลดลงของจีนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เพราะจีนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภครายใหญ่โดยเฉพาะในสินค้าโภคภัณฑ์และธัญพืช


จีน : ประธานกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (CSRC) ประกาศลาออกเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ใช้ไม่ได้ผลและทำให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงรุนแรง แต่ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าทางรัฐบาลจีนจะยอมให้ลาออกหรือไม่


เราคาดว่าจีนได้เห็นถึงผลกระทบจากการใช้นโยบายเข้มงวดกับตลาดหุ้นไปแล้วพอสมควร และประธาน CSRC ได้ออกมายอมรับช่องโหว่ด้านการกำกับดูแลและบริหารจัดการ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องดีกับตลาดหุ้นจีนในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนบางกลุ่มยังไม่วางใจกับการออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและรวดเร็วของทางการจีน จึงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะกลับไปสู่ความเชื่อมั่นที่ดี
- รัสเซีย : ค่าเงินรูเบิลอ่อนเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร (ล่าสุดอยู่ที่ 85 รูเบิล/ยูโร) และอ่อนสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (ล่าสุด 79 รูเบิล/ดอลลาร์) ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิ่งทำให้เศรษฐกิจรัสเซียสั่นคลอนมากเพราะน้ำมันเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ นอกจากนั้นยังได้รับกระทบจากการถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกเพื่อตอบโต้การที่รัสเซียเข้าแทรกแซงในยูเครนด้วย

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
CASINO ประกาศขายหุ้น BIGC เนื่องจากบริษัทมีหนี้สินสูง ล่าสุด S&P ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ GROUPE CASINO SA สู่ระดับ "ขยะ" เพราะบริษัทมีหนี้สินสูงมาก โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส รวมทั้งผลประกอบการในบราซิลก็อ่อนแอมาก ทั้งนี้ก่อนหน้ามีข่าวว่าบริษัทมีการตกแต่งตัวเลขทางบัญชีเพื่อให้ผลประกอบการสูงกว่าที่เป็นจริง
บริษัทต้องการขายหุ้นที่ถือใน BIGC เพื่อนำไปลดภาระหนี้สิน โดยมีกระแสข่าวว่าจะขายที่ราคา 260-300 บาท/หุ้น (ณ สิ้นก.ย.2015 BIGC มี BVS เท่ากับ 54 บาท ราคาซื้อขายดังกล่าวคิดเป็น P/BV ที่ 4.8-5.6 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับ P/BV เฉลี่ยของกลุ่ม Commerce ที่ 5.0 เท่า) สำหรับกลุ่มทุนที่มีข่าวว่าสนใจเข้าซื้อหุ้น BIGC จากลุ่ม CASINO ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มซีพี, กลุ่ม BJC เป็นต้น
/+ สหภาพยุโรปจะเข้ามาประเมินผลการแก้ปัญหาประมงไทย 18-22 ม.ค.2016 คาดว่าจะมีผลตอบรับในด้านบวกหลังจากไทยได้ดำเนินการหลายรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาตามที่ทางอียูเรียกร้องมา...ถ้าผลออกมาดีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก็จะเป็นบวกกับผู้ประกอบการส่งออกอาหารทะเลไปสหภาพยุโรป เช่น CPF, TU เป็นต้น


# ในระยะสั้นเรามีมุมมองที่เป็นกลาง (Neutral) กับ CPF โดยคาดว่าบริษัทต้องใช้เวลาในการฟื้นธุรกิจพอควร เนื่องจากมีหลากหลายผลิตภัณฑ์และราคาเนื้อหมู ไก่ กุ้ง ในประเทศช่วง 4Q15 ยังอ่อนแอ ขณะที่อุปทานไก่ยังคงสูงและต้องใช้เวลาอีกราว 2 ไตรมาสจึงจะเข้าใกล้สมดุล ขณะเดียวกันธุรกิจในต่างประเทศในตุรกียังขาดทุน ขณะที่ธุรกิจในรัสเซียประสบกับค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าและเศรษฐกิจซบเซา ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 ลดลง 35% เป็น 6.2 พันล้านบาท (โดยมีสมมติฐานว่าบริษัทไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนเหมือนที่เกิดขึ้นในปี 2014 และปี 2015) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ณ ราคาปัจจุบัน 18.10 บาท ซื้อขายที่ P/BV 1.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 2.4 เท่า จึงแนะนำถือ CPF ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 22 บาท


# ส่วน TU เราคาดว่าในปี 2016 จะเห็นผลดีจากการเข้าซื้อกิจการและการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นแบรนด์ซี่งมีมาร์จิ้นดีกว่าสินค้าประเภท OEM ชัดเจนขึ้น การมีฐานผลิตในหลายประเทศและหลายแบรนด์ช่วยกระจายความเสี่ยงและขยายฐานรายได้ บริษัทเล็งที่จะเข้าไปทำธุรกิจกับพันธมิตรในตะวันออกกลางเพราะมองว่าเป็นตลาดอาหารทะเลที่ดีในระยะยาว เราคาดว่ากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Norm Profit) ปี 2016 จะขยายตัวได้ 10% เป็น 6.5 พันล้านบาท ณ ราคาปัจจุบัน 17.40 บาท ซื้อขายที่ P/E ปี 2016 เท่ากับ 12.5 เท่า, P/BV 1.5 เท่า และคาดว่าจะให้ Dividend Yield 4% แนะนำซื้อ TU ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 22.40 บาท

+ SAMTEL (ราคาปิด 17.70 บาท, ราคาพื้นฐาน 22 บาท): เราคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นในปี 2016 เนื่องจากมีงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นงานที่ล่าช้ามาจากปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นงานใหม่ที่เข้ามาหลังจบประมูล 4G และภาครัฐมีแผนที่จะวางโครงข่ายด้านอินเตอร์เน็ตให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
SAMTEL เป็นผู้นำตลาดงานรับเหมาประเภท ICT ในประเทศไทย ด้วยส่วนครองตลาดประมาณ 40% มีประวัติผลการดำเนินงานที่ดี นั่นคือ อัตราการเติบโต CAGR ของกำไรระหว่างปี 2551-2556 ที่ 50% คาดว่าจะจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
คาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2016 เติบโตสูงถึง 89% โดยรายได้มาจาก APCO (คาดว่าโครงการ APCO จะผ่านการอนุมัติจาก ครม.ได้ในงวด 1Q59) ถึง 3.3 พันล้านบาท และ APPS อีก 590 ล้านบาท ส่วนเรื่องคดีความเรื่องเกี่ยวข้องกับการตั้งสถานีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาตได้สะท้อนในราคาหุ้นและผ่อนคลายลงไปแล้ว โดยบริษัทยังไม่ถูกพิจารณาว่ามีความผิด แนะนำซื้อ โดยฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 22.00 บาท อิงกับ P/E ปี 2016 ที่ 14 เท่า ซึ่งใกล้กับค่าเฉลี่ยย้อนหลังเป็นเวลา 5 ปี ที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 24%

นักกลยุทธ์&วิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected] 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!