WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับลดลง ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ (1) วิกฤติราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และมีโอกาสปรับลดลงอีก จากความเป็นไปได้ที่ชาติมหาอำนาจอาจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้มีปริมาณส่งออกน้ำมันจากอิหร่านเพิ่มขึ้นในตลาดโลก และ (2) ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และจีน ส่งสัญญาณชะลอตัว
  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ ทางด้าน Fund Flow ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ และทำให้ YTD ขายสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 10,000 ล้านบาท โดยยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 36.30 บาท แข็งค่าเล็กน้อยจากวานนี้ที่
  อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป แนะติดตามแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องของรัฐฯ ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยว


ทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน
  ขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร หลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง และทำให้มีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yield อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯ ยังคงมีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด
  ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งคาดเปิดประมูลปลายม.ค.’59 ส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
  (2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง และเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ส่งผลดีต่อ BA, AAV
  (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -390.97, NASDAQ -126.59, S&P -41.51, FTSE -114.31, CAC -102.73 และ DAX -248.93
ภายใต้ปัจจัยลบ (1) ราคาน้ำมันดิบที่ลงไปต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้เกิดความกังวลว่า วิกฤตราคาน้ำมันอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงาน จากภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจสูงเกินไป หากอิหร่านเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมัน หลังชาติมหาอำนาจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และ (2) ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน รวมถึงรายงานยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีน – ธ.ค. อยู่ที่ 5.978 แสนล้านหยวน (9.07 หมื่นล้านUSD) ลดลงจาก 7.089 แสนล้านหยวน เมื่อพ.ย. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ – ธ.ค. ลดลง 0.4% โดยร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ยอดค้าปลีก – ธ.ค. ลดลง 0.1% และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม ยังอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 6
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$1.78 อยู่ที่ US$ 29.42ต่อบาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังมีรายงานว่าอิหร่านเตรียมส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น และความเป็นไปได้ที่ว่าชาติมหาอำนาจอาจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในอีกไม่กี่วันนี้

ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$17.1 อยู่ที่ US$ 1,090.7
  ต่อออนซ์ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง และเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,075 ล้านบาท สะสม YTD
-9,707 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 18-22 ม.ค. 2559
  18/1/59 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ -
  19/1/59 : สหรัฐฯเปิดเผย
     ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ม.ค.
    ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือน พ.ย.

  20/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
     ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค.
    ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ธ.ค.
     EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

21/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

22/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.
   ยอดขายบ้านมือสองเดือน ธ.ค.
   ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ เดือน ธ.ค.
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น
  (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
  (6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59 โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคารที่คาดทยอยประกาศในสัปดาห์นี้
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.07 อยู่ที่ 2.03% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +3.07 อยู่ที่ 27.02
  หุ้นแนะนำ : BEAUTY

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!