- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 January 2016 16:35
- Hits: 816
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งลงตามหุ้นน้ำมัน คงแนะหาจังหวะเก็งกำไร
KGI คาด SET วันจันทร์ลดลงตามหุ้นน้ำมัน แต่กลุ่มอื่นน่าจะยืนได้ (ศุกร์ที่แล้วแย่กว่าคาด หลังน้ำมันเริ่มกลับหัวลงตั้งแต่ช่วงบ่าย) ทั้งนี้เมื่อคืนวันศุกร์น้ำมัน WTi ร่วง 4.9% และเช้านี้ลงอีก 3.0% สู่จุดต่ำสุดใหม่รอบ 12 ปี หลังอิหร่านพ้นการถูกคว่ำบาตรอย่างเป็นทางการส่งผลให้ตลาดเพิ่มความกังวลต่อปริมาณน้ำมันส่วนเพิ่มจากอิหร่านอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ตลาดยังรอดูตัวเลข GDP จีนไตรมาส 4/2558 ในวันพรุ่งนี้ (Consensus คาด +6.8% YoY) แนะนำหาจังหวะเก็งกำไรหุ้น theme เด่นๆ ที่ราคาอาจลงมาตามตลาดรวม เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2558 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร ASEFA / กลัวเสี่ยง เน้น “ตั้งรับ” หุ้นปันผลสูง
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) 1) ราคาหุ้นปรับลงตามภาวะตลาดฯลงมาสู่แนวรับที่เราประเมินไว้ที่ 5.75 บาท เรายังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยประเมินแนวรับวันนี้ 5.45 บาท และแนวรับหลัก 5.25 บาท (หากต่ำกว่า 5.25 บาทแนะนำ “ขายตัดขาดทุน”) แนวต้าน ±6.3 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานคาดกำไรไตรมาส 4/58 โตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/58 ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ จากงานตู้สวิทช์บอร์ด ระบบไฟฟ้า (ไตรมาส 1/59 ขยายกำลังการผลิต 50% รองรับดีมานด์) i) โครงการพลังงานทดแทน, ii) โครงการลงทุนภาครัฐฯ เช่น งานรถไฟฟ้า, iii) งานระบบโรงงานอุตสาหกรรมฯ (นโยบาย “คลัสเตอร์” ของภาครัฐฯ) 3) ประเด็นข่าวใน นสพ กรุงเทพธุรกิจ เรื่องแนวโน้มราคาเหล็กที่จะเป็นบวก หลังโรงเหล็กในจีนปิดตัวราว 50% เป็น Sentiment บวกต่อ ASEFA ที่ลงทุนประมูลงานรื้อถอนโรงไฟฟ้าบางปะกงมา และมีสต๊อกเหล็กรอขายในมือมูลค่าราว ±400 ล้านบาท
หุ้นปันผลสูง
1) PS* (เป้าพื้นฐาน 32.3 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผลเฉลี่ย 5% ต่อปี (คาดปันผลที่เหลือของปี 2558 ที่จะประกาศจ่ายหลังปิดงบปี ±0.7 บาท/หุ้น) 2) ประเมินแนวรับ 23.3 บาท (Stop loss 22.5 บาท)
2) KTB* (เป้าพื้นฐาน 18.3 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 0.78 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. – ต้น มี.ค.) คิดเป็น Dividend yield 4.8% 2) ประเมินแนวรับ ±15.8 บาท (Stop loss 15.2 บาท)
3) ASK (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผล 1.53 บาท/หุ้น (ประกาศช่วงปลาย ก.พ. – ต้น มี.ค.) คิดเป็น Dividend yield 7.7% 2) ประเมินแนวรับ ±19.5 บาท (Stop loss 19 บาท)
หุ้นในกระแส
BIGC* (เป้าพื้นฐาน 255 บาท) ประเด็นข่าว ผู้ถือหุ้นใหญ่ คาสิโนกรุ๊ป (ถือหุ้น BIGC* 58.6%) ประกาศขายหุ้น BIGC* ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในวันศุกร์ที่ผ่านมา หากอิงจากราคาพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินไว้ที่ 255 บาท ยังมี Upside อีกราว 13% นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรควรกำหนดจุด Stop loss หากขาดทุน > 3-5%
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL*, UWC) ปลายเดือนนี้ กกพ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติจับสลากโครงการโซลาร์ส่วนราชการ (ปลดล๊อกให้มีการประมูล FiT อื่นๆตามมา ล่าสุดมีข่าวเตรียมเปิดประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ภาคใต้) + ภาครัฐฯเปิด PPA โรงไฟฟ้าชีวมวลระบบ Adder (ระบบเก่า) คาดโครงการที่เป็น LOI เดิมก่อนเปลี่ยนระบบเป็น FiT มีลุ้นได้ PPA ... แนะนำ “ซื้อ” IFEC มี LOI พลังงานลมในมือ 180MW (ลุ้นเปลี่ยนเป็น PPA) และคาดไตรมาส 4/58 บันทึกกำไรจากการซื้อ รร ดาราเทวี (อาจมีปันผลพิเศษ) ขณะที่ยังเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนตามแผน (พลังงานลมในไทย ±15MW และเวียดนาม 28MW เริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาด COD ไตรมาส 3/59) และแนะนำ “เก็งกำไร” UWC โดยเป็นหุ้นที่ได้รับ PPA โรงไฟฟ้าชีวมวลระบบ Adder ขนาด 8.8MW (ตอนนี้มีโรงไฟฟ้าที่พร้อมจ่ายไฟ ±40MW และ PPA 8.8MW)
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ พรีวิวงบไตรมาส 4/58 คาดเริ่มทยอยประกาศงบฯสัปดาห์นี้ i) KTB* คาดกำไรโต 35% QoQ แต่ลดลง 10% YoY ii) KBANK* คาดกำไรลง -40% QoQ และ -39% YoY iii) BBL* คาดกำไรทรงตัว -0.6% QoQ แต่ +0.4% YoY และ iv) SCB* กำไรโต 5% YoY แต่ลดลง 22.6% QoQ ... ในเชิงพื้นฐานเลือก KBANK* และ TMB* เป็นหุ้นเด่น
“ขายทำกำไร” กลุ่มสายการบิน (AAV*, BA*) ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ (ประเทศจีน) ประเมินราคาน้ำมันน่ามี Downside น้อยแล้ว
หุ้นมีข่าว
(+ BWG) คุมเข้มโรงงานกำจัดกากอุตฯ กรมโรงงานสั่งปิดปรับปรุง126แห่ง-จ่อปิดถาวร3แห่ง (คมชัดลึก) กรมโรงงานเข้มโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรม สั่งปิดปรับปรุง 126 โรงงาน จับตา 3 โรงงานใกล้ชิดจ่อสั่งปิดถาวรหลังเชือดไปแล้ว 2 โรงงาน ลั่นหากไม่แก้ไขสั่งปิดแน่น เตรียมลุยนิคมกำจัดกาก พร้อมเพิ่มโทษโรงงาน
(+ TMT, ASEFA) กลุ่มเหล็กประเมินกำไรฟื้น อานิสงส์จีนปิดกิจการ 50% (กรุงเทพธุรกิจ) ผู้ประกอบการเหล็กเผยโรงงานผลิตเหล็กในจีนปิดตัวเกือบครึ่ง หนุนราคาฟื้นช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา 'เพิ่มสิน' มองอุตสาหกรรมเหล็กไทยดูดีขึ้น จากความต้องการใช้ในประเทศ ส่งสัญญาณฟื้น จากโครงการรัฐ และมาตรการป้องกันดั๊มพ์ราคา หวังผลประกอบการไตรมาสแรกพลิกมีกำไร ขณะที่ "มิลล์คอน" เน้นบริหารต้นทุนและ
(+ กลุ่มพลังงานทดแทน) กกพ.ไฟเขียวรับซื้อไฟฟ้าผู้ผลิต VSPP ระยะที่ 1 ในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ กำลังผลิตไม่เกิน 46 เมกะวัตต์ (แนวหน้า) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ในฐานะโฆษกของ กกพ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนว่า กกพ. จะออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 กกพ. ได้ออกประกาศการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) พร้อมหลักเกณฑ์ด้วยวิธีการคัดเลือกโดยการแข่งขันทางด้านราคาไปแล้ว ซึ่งเป็นการรับซื้อไฟฟ้าสำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี) ในปริมาณกำลังผลิตติดตั้งรวมไม่เกิน 46 เมกะวัตต์
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
EPG (เป้า Consensus 13.5 บาท) แนะนำ “ขายล๊อกกำไร” ราคาหุ้นปรับขึ้นสู่ระดับที่เราประเมินไว้เบื้องต้นแล้ว ±15 บาท และข้อมูลเบื้องต้นจากการเยี่ยมโรงงานวันศุกร์ที่ผ่านมา คาดผลการดำเนินงาน 3Q58/59 (ต.ค. - ธ.ค.) อาจแย่กว่าคาด คือลดลง QoQ แม้จะยังเติบโต YoY (ผลจากปัจจัยฤดูกาลทำให้ยอดขายฉนวนยางของ Aeroflex อ่อนตัวลง) และจะกลับมาโตเด่นอีกครั้งใน 4Q58/59 (ม.ค. – มี.ค.)
SMPC (เป้าพื้นฐาน 7.7 บาท) 1) หากวันนี้ราคาปิดต่ำกว่า 7.6 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร” แต่ถ้าปิดเหนือระดับ 7.6 บาทได้ แนะนำ “Let profit run”
COM7 (เป้าสูงสุดใน Consensus 6.1 บาท) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “Let profit run” (“ขายล๊อกกำไร” ก่อน หากต่ำกว่า 5.75 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มอสังหาฯ แนะนำน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯประเมินอย่างเร็วที่สุดอาจเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯในช่วง 2H59 เราแนะนำนักลงทุนให้มีความระมัดระวัง เราเลือก ANAN* และ AP* เป็น Top pick จาก business model ที่ชัดว่าสามารถยังคงมียอดขายที่แข็งแกร่งได้
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยรับ 1244 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่ารับ 1244 จุดนั้น อาจรักษาแรงกดทางลงในกรอบ 1244-1228 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือรับ 1244 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1244-1270 จุด
แนวรับวันนี้: 1244/1228 แนวต้านวันนี้: 1255/1270
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]