- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 January 2016 17:12
- Hits: 1974
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ แต่คาดอยู่ในกรอบจำกัด หลังวานนี้ดัชนีฯ ขึ้นแรง โดยสัญญาณที่ดีขึ้นจากมาตรการของธนาคารกลางจีนที่เข้ามาแทรกแซงค่าเงินหยวน เพื่อลดความผันผวนซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่สร้างความกังวลให้กับตลาดฯ ในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามคาด (-) จากทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค่าต่างๆ และส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ แนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ทั้งมาตรการลดภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และล่าสุดมีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งโรงแรม และสายการบิน
ขณะที่คาดได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกนับจากต้นปีที่ผ่านมา โดยยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 36.25 – 36.27 บาท แข็งค่าจากวานนี้ที่ 36.30 บาท ขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร หลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง และทำให้มีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yield อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯ ยังคงมีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งคาดเปิดประมูลปลายม.ค.’59 ส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง และเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 4Q-58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +117.65, NASDAQ +47.93, S&P +15.01, FTSE +57.41, CAC +66.01 และ DAX +160.36
โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก (1) ธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงตลาดออฟชอร์เพื่อรักษาเสถียรภาพสกุลเงินหยวน ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินหยวนในตลาดฮ่องกง ส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในตลาดฮ่องกงวานนี้ โดยมีเป้าหมายสกัดการเก็งกำไรจากเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่าจะสามารถลดความผันผวนในตลาดการเงินได้ และ (2) การปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มพลังงาน แม้ราคาน้ำมันยังลดลงต่อเนื่อง
ขณะที่ อัลโค อิงค์ บริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลก ประกาศผลการดำเนินงาน – 4Q/58 มีรายได้ 5.25 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 18%yoy และต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 5.29 พันล้านดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$0.97 อยู่ที่ US$ 30.44ต่อบาร์เรล จาก (1) เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (2) ภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป (3) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งในระหว่างวันราคาน้ำมันดิบ ได้ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$11.0 อยู่ที่ US$ 1,085.2 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +375 ล้านบาท สะสม YTD
-8,263 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.01 1.69 3.43
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,997.03
สถาบัน +2,298.45
บัญชีหลักทรัพย์ +570.15
ต่างประเทศ +375.24
ในประเทศ -3,243.84
ประเด็นที่ต้องติดตาม 13 - 15 ม.ค. 2559
13/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
งบประมาณของรัฐบาลกลาง - ธ.ค.
สต็อกน้ำมัน
14/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ราคานำเข้าและส่งออก - ธ.ค.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
15/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์ค - ม.ค.
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - ธ.ค.
ยอดค้าปลีก - ธ.ค.
ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต - ธ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - ม.ค.
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - พ.ย.
Market Outlook
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.06 อยู่ที่ 2.10% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.83 อยู่ที่ 22.47
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788