- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 January 2016 17:06
- Hits: 912
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ความกังวลจีนและน้ำมันอ่อนแอกดดัน
หุ้นไทยวันนี้น่าจะซื้อขายในกรอบแคบ โดยน่าจะอยู่ในแดนบวกเพราะแรงช้อนซื้อเช่นเดียวกับที่เกิดในตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ในเช้าวันนี้หลังดัชนี SET ได้ร่วงไปกว่า 4.2% ปีนี้และหุ้นไทยส่วนใหญ่ซื้อขายกันที่มูลค่าถูกมาก อย่างไรก็ดีขาขึ้นของตลาดถูกจำกัดโดยความกังวลต่อเรื่องเศรษฐกิจจีนที่สั่นคลอนและราคาน้ำมันที่อ่อนแอ ยังไม่มีปัจจัยภายในกระตุ้น SET ได้อย่างแท้จริงในตอนนี้
หุ้นเด่นวันนี้ : TCAP (Bt36.75; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 50.00 บาท)
บมจ.ทุนธนชาต เป็นหุ้นแนะนำในวันนี้เนื่องจากกำไรที่คาดจะกลับมาฟื้นตัวในปีนี้ มูลค่าที่ถูก และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ เราคาดกำไรสุทธิปี 58 จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 0.71% ก่อนที่กระโดดสูงขึ้น 18.2% ในปี 59 นอกจากนี้เราได้ปรับราคาเป้าหมายปี 59 มาอยู่ที่ 50 บาท จาก 40 บาทก่อนหน้านี้ อิงจาก P/B และ P/E ที่ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.8x และ 7.7x เราประเมินว่า TCAP ยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจมากที่ 5.2% ในปี 59 นอกจากนั้น TCAP ยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในกลยุทธ์ที่จะพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น ระหว่างที่การเติบโตของสินเชื่อไม่ได้เป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน ณ ไตรมาส 3/58 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) อยู่ที่ 3.54% เทียบกับ 3.76% ในไตรมาส 2/58
และธนาคารยังคาดว่าตัวเลขนี้จะอยู่ในทิศทางที่ลดลงต่ำกว่า 3% ในปี 59 นอกจากนี้ TCAP ยังมีข้อได้เปรียบจากประโยชน์ทางภาษีมูลค่ากว่า 2.7 หมื่นล้านบาทจากการชำระบัญชีบมจ.ธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งธนาคารสามารถใช้ในการตั้งสำรองและทำให้ coverage ratio ดีขึ้น นอกเหนือจากสินเชื่อเช่าซื้อ ธนาคารยังตั้งเป้าที่จะกระจายความเสี่ยงสินเชื่อไปยังกลุ่มสินเชื่ออื่นๆ เช่น สินเชื่อขนาดใหญ่ และ SME และลดระดับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อให้ต่ำกว่า 50% จากตัวเลขที่รายงานไว้ในไตรมาส 3/58 ที่ 51.7% TCAP มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างมาก จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า Price Pattern ของ TCAP เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) รอบใหม่ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ Price Pattern ของ SET Index ที่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) รอบใหม่อย่างชัดเจน โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TCAP ที่ล่าสุดได้สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 36.25 บาทไปได้สำเร็จแล้ว คาดว่า Price Pattern ของ TCAP จะสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 38.75 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 41 บาท โดยมีจุด Stop Loss ในรอบนี้อยู่ที่ 34.75 บาท (Resistance: 37.25, 37.75, 38.75; Support: 36.25, 35.75, 34.75)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
กระตุ้นจีดีพีด้วยภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลมีแผนประชุมหารือกับภาคเอกชนและเอเยนซี่ที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเพิ่มสัดส่วนรายได้ดังกล่าวต่อจีดีพีและช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะภาคการส่งออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ปรับเพิ่มเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 2.4 ล้านล้านบาทในปีนี้ จาก 2.3 ล้านล้านบาทที่ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้าหนุนโดยมุมมองเชิงบวกจากการท่องเที่ยวในประเทศและคงมุมมองสดใสจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาไทยเพิ่มขึ้นเป็น 32.5 ล้านคนในปีนี้ (Bangkok Post)
วางกำหนด 3 เดือนปรับปรุงสภาวะการซื้อขาย รมว..กระทรวงพาณิชย์ให้คำมั่นที่จะแก้อุปสรรคต่างๆ ทั้งในเรื่องการส่งออกและการลงทุนภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือการสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางเรือและการลงทุนในกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ระหว่างที่ รมต.วางแผนที่จะกระตุ้นการส่งออกไปยังอินเดีย รัสเซีย และ อิหร่านเพื่อจะชดเชยกับอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในจีน (Bangkok Post)
ผู้ชนะประมูล (TRUE และ JAS) ยังไม่จ่ายเงินงวดแรกของใบอนุญาตคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ จากก่อนหน้านี้ผู้ชนะได้อ้างต่อ กสทช. ว่าสามารถจ่ายชำระงวดแรกได้ในสัปดาห์แรกของปี แต่ก็ไม่ได้จ่าย กสทช.ระบุว่าธนาคารจะต้องใช้เวลาพิจารณาสถานะการเงินของบริษัทผู้ชนะอย่างละเอียดเนื่องจากวงเงินค้ำประกันการชำระงวดสุดท้ายสูงมากราว 6 หมื่น ลบ.ต่อราย ทั้งนี้ กสทช.อยู่ระหว่างพิจารณานำข้อเสนอของ ADVANC (ปิด 144.50 บาท ราคาเป้าหมาย 199 บาท) ที่ร้องขอขยายเวลามาตรการเยียวยาเพื่อให้ใช้คลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ต่อไปได้ เข้าเป็นวาระประชุมบอร์ด กทค. สำหรับรอบ ม.ค.นี้ (โพสต์ทูเดย์) ความเห็น: เราเห็นว่าเงินงวดแรกจ่ายเมื่อไหร่และ ADVANC จะซิมดับเมื่อใดนั้นขึ้นกับเวลาเท่านั้น เราคาดว่าน่าจะในเดือน ม.ค.นี้ และ กสทช.ไม่น่าที่จะขยายระยะเวลาให้ ทว่าเรายังเชื่อว่าลูกค้า 2จีที่ซิมดับจะกลับมาใช้เครือข่ายเอไอเอสอยู่ดีเพราะมีความยึดติดกับแบรนด์ที่เคยใช้
ธนาคารออมสินเตรียมยื่นซอฟท์โลนช่วยเหลือ SME ระยะที่สอง กับธนาคารพาณิชย์ 11 แห่งหลังจากในระยะแรกมีการปล่อยกู้ไปแล้วเต็มวงเงิน 1 แสนล้านบาท โดยคาดว่าในระยะที่ 2 นี้จะสามารถปล่อยกู้ได้หมดภายใน 1 เดือน นอกจากนี้ ธนาคารออมสินได้จำกัดวงเงินสินเชื่อต่อรายไว้ไม่เกิน 10 ล้านจากก่อนหน้า 50 ล้านบาท เพื่อหวังที่จะกระจายไปยังสินเชื่อรายเล็กในต่างจังหวัดมากขึ้น (Post Today)
โรงพยาบาลไทยอยู่แถวหน้าของเอเชียตามหลังเพียงญี่ปุ่น ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารักษามากกกว่า 2 ล้านคนนับตั้งแต่ปี 55 เทียบกับประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีอยู่ 8.5 แสนคน, มาเลเซีย 7 แสนคน และฟิลิปปินส์ 81,000 คน ค่ารักษาในไทยถูกกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ แต่ยังแพงกว่ามาเลเซีย ฟิลิปปินส์และอินเดีย รมว. กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าในปี 2544-50 จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเติบโต 21% ต่อปี ในปีที่ผ่านมาทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนสร้างรายได้ 6 แสนลบ. และ 7 แสนลบ. เพิ่มขึ้นจาก 5 แสนลบ. เมื่อสามปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยาของไทยยังคงต้องการวิจัยพัฒนามากขึ้น (The Nation)
LPN (15.40 บ.) มีแผนเปิดตัว 15 โครงการในปีนี้มูลค่ารวม 1.25 หมื่นลบ. ณ สิ้นปี 58 บริษัทมีคอนโดมูลค่ารวม 7.6 พันลบ. ในมือสำหรับขายโดยคอนโดมูลค่า 5 พันลบ.พร้อมที่จะส่งมอบได้ภายในสิ้นเดือน เม.ษ.ซึ่งมาตรการลดหย่อนภาษีอสังหาริมทรัพย์จะหมดอายุลง บริษัทตั้งเป้ายอดขายพรีเซล 1.76 หมื่นลบ. และยอดขาย 1.76 หมื่นลบ. จากคอนโดในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1.45 หมื่นลบ. และ 1.67 หมื่นลบ. ในปีก่อน ตามลำดับ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีเนื่องจากความต้องการที่ชะลอตัวและภาวะน้ำมันที่ล้นตลาดรวมทั้งการผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐและการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันจากอิหร่านหลังจากการสิ้นสุดของการยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ประเด็นที่ต้องจับตามองในขณะนี้คือธนาคารกลางจีนจะกำหนดทิศทางเงินหยวนไปในทางใดหลังจากที่หัวหน้าเศรษฐกิจ (chief economist) กล่าวว่าธนาคารกลางจีนวางแผนที่จะรักษาค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับทรงตัวเทียบกับเงินสกุลอื่นในตะกร้าเงิน (Reuters)
อียูประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าจะมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในเร็ว ๆ นี้ หลังจากการตกลงเมื่อปีที่แล้วที่ยับยั้งโครงการการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดจำนวนมากกล่าวว่าการที่อิหร่านจะหันกลับมาสู่ตลาดน้ำมันจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นต่อภาวะน้ำมันล้นตลาดของโลกซึ่งทำให้ราคาน้ำมันลดลงจากที่สูงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางปี 2014 (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นโดยปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ หลังจากการเริ่มต้นที่โหดร้ายในต้นปี 2016 ส่วนราคาน้ำมันถูกกระหน่ำร่วงลงต่อกลังจากตลาดหุ้นจีนดิ่งลง ดัชนีหุ้นหลัก ๆ ของจีนในแต่ละตัวลดลงมากกว่า 5% เมื่อวันจันทร์ ส่วนราคาน้ำมันร่วงลงต่ำสุดในรอบ 12 ปีจากความกังวลเกี่ยวกับจีนทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงอย่างมาก (Reuters)
นักลงทุนเป็นกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยของกำไรบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐ เนื่องจากมีการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/58 ว่ากำไรของบริษัทที่อยู่ในการคำนวณดัชนี S&P 500 จะลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ในภาพรวมแล้ว กำไรของบริษัทต่างๆ คาดว่าจะลดลง 4.2% YoY จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส หลังจากที่ปิดตลาด Alcoa ได้รายงานผลประกอบการขาดทุนรายไตรมาสหลังจากเจอข้อกล่าวหาเกี่ยวกับชิ้นส่วนโลหะหล่อของธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามราคาทองแดงและราคาน้ำมันดิบที่ทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่งและ 12 ปี ตามลำดับ ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน (Reuters)
เอเชีย :
ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดญี่ปุ่นเดือน พ.ย. มากกว่าที่ตลาดคาด และเกินดุลเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน ซึ่งได้แรงหนุนจากรายรับจากการลงทุนต่างประเทศรวมถึงการขาดดุลการค้าที่ลดลง โดยตัวเลขเดือน พ.ย. ประกาศออกมากอยู่ที่ 1.1435 ล้านล้านเยน เทียบกับที่ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 8.585 แสนล้านเยน แต่ลดลงจากตัวเลขเมื่อเดือน ต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 1.4584 ล้านล้านเยน (Reuters)
ดัชนีตลาดหุ้นจีนหลัก ได้แก่ SSEC และ CSI300 ต่างปรับตัวลดลงมากกว่า 5% เมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่กำลังเผชิญกับภาวะยากลำบากมากกว่าที่กำลังอยู่ในระหว่างหาสมดุลใหม่ (Reuters)
จีนดันค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันจันทร์ ด้วยการซื้อเงินหยวนในตลาดต่างประเทศและขายเงินดอลลาร์ฯ ออกมา เพื่อที่จะคลายความกังวลว่าจีนไม่สามารถควบคุมเศรษฐกิจในประเทศรวมถึงค่าเงินได้ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่สามารถผ่อนคลายแรงขายในตลาดหุ้นลงได้ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบร่วงถึง 5% สู่ระดับต่ำสุดรอบ 12 ปีในวันจันทร์ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนได้ร่วงหนักต่อไปอีกกระทบน้ำมันดิบให้เข้าใกล้เลข 2 Brent สัญญาใกล้สุดปิดลบ 2 ดอลลาร์ปิดที่ 31.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจุดต่ำสุดนับแต่ เม.ย. 47 ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 6 วันลบไปกว่า 15% แล้ว หนักที่สุดในรอบ 1 ปี น้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วง 1.75 ดอลลาร์สหรัฐปิดที่ 31.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาปิดต่ำสุดนับแต่ ธ.ค. 46 (Reuters)
ราคาทองกลับติดลบวันจันทร์เพราะขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงสุดรอบ 9 สัปดาห์จากแรงกดดันตลาดหุ้นหนุนการเทเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำตลาดจรปรับลด 0.7% อยู่ที่ 1,095.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ ก.พ. ปรับลง 0.2% อยู่ที่ 1,096.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้มีผู้ค้าบางรายขายทำกำไรไปช่วงที่ขึ้นไประดับ 1,100 ดอลลาร์ เพื่อนำเงินวางในมาร์จิ้นออกไปเติมสถานะอื่นที่เป็นลบแต่ยังมีอนาคตในระยะยาว (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331