- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 January 2016 16:53
- Hits: 884
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
หลังจากซื้อลบแล้วเน้นถือ เพราะคาดตลาดมีรอบบวกขึ้นได้!!!
กลยุทธ์ : แม้ SET ยังอ่อนตัวลงอีกวานนี้ แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ทรงตัวได้ดี ทำให้ยังลุ้นโอกาสรีบาวด์ขึ้นตามคาดเดิม ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบแล้ว FSS จึงยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบแกว่งบวกต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TKN, TASCO, VNG(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะยังอ่อนตัวมาปิดด้านลบเป็นส่วนใหญ่ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้งของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จากข่าวการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นอีก รวมทั้งแนวโน้มความต้องการพลังงานในจีนซบเซาลง หลังเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐยังสามารถพลิกกลับมาปิดเป็นบวกเล็กน้อยได้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังการร่วงลงแรงของ DJIA ในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีการจ้างงานของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือน ธ.ค. ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ไม่ได้เลวร้ายนัก ขณะที่เมื่อวานนี้ SET ก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้พลิกกลับมาปิดดีขึ้นบ้าง โดยแม้ว่าจะยังปิดเป็นลบเกือบ 10 จุดแต่ก็เป็นระดับปิดที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดของวัน และเป็นการดีดกลับขึ้นมาจากช่วงแรกที่ปรับตัวลงถึงกว่า 20 จุดด้วย ซึ่ง FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับไปแกว่งตัวบวกขึ้นได้ในเร็วๆ นี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาดัชนีแกว่งตัวลงอย่างต่อเนื่องและลึกมากพอควรแล้ว ทำให้น่าจะเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาช่วยหนุนตลาดได้ เพราะราคาหุ้นหลายตัวต่ำกว่าพื้นฐานค่อนข้างมาก
แนวรับ 1230-1228 , 1224-1220 จุด
แนวต้าน 1240-1244 , 1247-1250 , 1253-1260 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$528ล้าน นำโดยไต้หวัน US$315.4ล้าน และเกาหลีใต้ US$131.3ล้าน ขณะที่กลุ่ม TIP ออกหนาแน่นขึ้นที่ราว US$81ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ราคาน้ำมันจะถ่วงตลาดหุ้นต่อไปหลังจากเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิ่งลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากความต้องการจากจีนที่คาดว่าชะลอตัวลงขณะที่อิหร่านมีแนวโน้มเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) TISCO กำไรดีกว่าคาด กำไรสุทธิ 4Q15 +53.6% Q-Q, +1% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปี 2015 ทรงตัว ดีกว่าที่คาดเพราะตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญน้อยกว่าคาด สำหรับสินเชื่อใน 4Q15 เริ่มเห็นการฟื้นตัว +0.5% Q-Q ด้าน NPL ลดลงเล็กน้อยเป็น 3.23% จาก 3.30% ใน 3Q15 ถือเป็นสัญญาณที่ดี เราปรับกำไรปี 2016 ขึ้น 8% เป็น 4.5 พันล้านบาท +6.8% Y-Y โดยปรับลดการตั้งสำรองลง เพราะ Coverage ratio ปัจจุบันที่ 80% (เพิ่มจาก 74% ใน 3Q15) น่าจะเป็นระดับที่ TISCO พอใจ ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 47 บาทจาก 42.70 บาท คงคำแนะนำซื้อ
(0) ธนาคารอื่นจะทยอยประกาศกำไรสัปดาห์หน้า เราคาดกำไรสุทธิ 4Q15 ของกลุ่ม 4 หมื่นล้านบาท -10% Q-Q, -19% Y-Y จากการตั้งสำรองหนี้สูญมากกว่าปกติ สะท้อนมุมมองระมัดระวังต่อคุณภาพสินเชื่อในปี 2016 และเป็นไตรมาสที่มีค่าใช้จ่ายสูงตามฤดูกาล ทำให้กำไรทั้งปี 2015 จะลดลง 8.8% Y-Y หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดย KBANK น่าจะมีกำไรลดลงมากสุดเพราะมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ไอที ส่วนภาพใน 1H16 ยังไม่สดใส จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐซึ่งน่าจะเป็น 2H16 เราคาดกำไรทั้งกลุ่มในปีนี้โต 6.5% Y-Y จากสำรองที่ลดลง Top pick ยังเป็น KBANK (ราคาพื้นฐาน 210 บาท) ในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ ส่วน TMB (ราคาพื้นฐาน 3.04 บาท) และ TCAP (ราคาพื้นฐาน 43 บาท) น่าสนใจในกลุ่มแบงก์ขนาดกลาง
(+) BIG แนวโน้มกำไร 4Q15 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 133 ล้านบาท +14% Q-Q, +27% Y-Y เพราะ 4Q เป็น High Season ทั้งการขายกล้องและการท่องเที่ยว และได้แรงหนุนจากงาน Photo Fair 25-29 พ.ย. 2015 และมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐ เราปรับกำไรปกติปี 2015-16 ขึ้น 7% และ 15% เป็น 394 ล้านบาท +188% Y-Y และ 461 ล้านบาท +17% Y-Y ส่วนกำไรสุทธิปี 2016 คาดโต 27% Y-Y เพราะได้ประโยชน์จาก Loss Carry Forward 38 ล้านบาท BIG ยังเป็น Growth stock ที่เราชอบและแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 2.30 บาท (PE 16 เท่า)
(+) มุมมองราคาทองคำปี 2016 เราคาดว่าราคาทองจะชะลอการปรับลงและมีลุ้นให้ผลตอบแทนเป็นบวกในกรอบ $950-1,280/Oz จาก 5 แรงหนุนคือ 1) ในความสัมพันธ์ระยะยาวราคาทองและดอกเบี้ยสหรัฐเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน 2) โครงสร้างตลาดมีโอกาสเป็นอุปสงค์ส่วนเกินมากขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินเดีย การอัดฉีดเงินและการเพิ่มทองคำในทุนสำรองของธนาคารกลางจีน 3) ทองคำมีโอกาสถูกใช้เป็นแหล่งพักเงินและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อสหรัฐที่กำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้น 4) Downside ถูกจำกัดที่ต้นทุนเหมืองเฉลี่ย $950/Oz และ 5) ราคาปรับลงได้ครึ่งทางของขาขึ้นชุดใหญ่ที่กินเวลาตั้งแต่ปี 2001-12 และระยะการปรับลงก็คิดเป็นครึ่งทางของชุดขาขึ้นดังกล่าว ในทางเทคนิคถือว่ามีลุ้นฟื้นกลับอย่างมีนัยสำคัญ
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาขยับขึ้นได้เล็กน้อยหลังจากร่วงลงติดต่อกันหนัก 3 วันทำการก่อนหน้าจากราคาสินค้า Commodity ที่ร่วงลงรวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อยังปิดในแดนลบหลังราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลงค่อนข้างแรง รวมถึงตลาดหุ้นจีนที่ยังถูกเทขาย
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวรีบาวด์ขึ้นได้หลังจากถูกแรงขายออกมาหนาแน่นโดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนวานนี้ที่ปรับลงกว่า 5%
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัวออกข้าง โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20-36.33 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 1.75 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 31.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังนักวิเคราะห์หลายแห่งปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ ขณะที่ภาวะตลาดคาดว่ายังเป็นอุปทานส่วนเกิน
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 1.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1096.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในระดับสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์จากภาวะตลาดหุ้นที่ยังผันผวน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13-ม.ค. - จีน: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
14-ม.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
15-ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
18-ม.ค. - สหรัฐ:ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Martin L. King
19-22 ม.ค. -ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศผลประกอบการปี 2015
19 ม.ค. - จีน: 4Q15 GDP, Industrial Production (ธ.ค.), ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
20 ม.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ธ.ค.)
- สหรัฐ:Building permits, Housing starts (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
21-ม.ค. - ยูโรโซน:ECBประชุม,อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.),ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
22-ม.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ธ.ค.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ม.ค.)
25-ม.ค. - มาเลเซีย:ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Thaipusam Day
26-27 ม.ค. - สหรัฐ:ประชุม Fed
26-ม.ค. - อินเดีย:ตลาดหุ้นปิดทำการ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch