- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 January 2016 16:52
- Hits: 893
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลง หลุดแนว 1,230 จุด กดดันด้วยกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีเป็นสำคัญ ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งตลาดหุ้นจีนปิดลบไปกว่า 5% หลังผู้นำจีนยืนยันยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ แต่ท้ายสุดเกิด Technical rebound ในกลุ่ม ICT ส่งผลให้ SET INDEX ฟื้นตัวมาปิดที่ 1,234.50 จุด ลบ 9.68 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 36,577 ล้านบาท
แม้ว่าต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เพียง 256 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 680 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 952 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุมครม.ในวันนี้ อาจมีการพิจารณาแผนปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ค่าเงินหยวนกลางจากธนาคารกลางจีนวันนี้ 6.5628 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงกับวานนี้ที่ 6.5626 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX ยังคงปรับตัวลงแรงอีกกว่า 5% คืนวานนี้
มุมมองต่อตลาด
เราประเมินทิศทาง SET INDEX วันนี้ แกว่งระหว่าง 1,225-1,240 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ระหว่าง 3.5-4.0 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างรอดูปัจจัยแวดล้อมในช่วงสั้นได้แก่
ภาวะตลาดหุ้นจีน หลังจากวานนี้ปิดลดลงกว่า 5% จะเห็นการฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใดในวันนี้ ขณะที่ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกรอดูคือ ตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค. ซึ่งจีนจะรายงานในวันพรุ่งนี้ Bloomberg consensus คาด -7.0% yoy
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับต่ำ NYMEX แกว่งระหว่าง US$30-35/barrel สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น PTTEP / PTT
รายงาน Beige Book ในคืนวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินโอกาสพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus คาดเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2H59 และมีโอกาสเพียง 2 ครั้งเท่านั้นในการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวทั้งในด้านซื้อ และ ด้านขาย เป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะตลอด 6 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นจำนวน 45,771 สัญญา อาจสะท้อนถึงเม็ดเงินทุนต่างชาติต่างรอจังหวะกลับมาสะสมหุ้นรายตัวในตลาด Spot ซึ่งเรามองว่ากลุ่ม Domestic Play น่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติในระลอกนี้ ทั้งนี้จับตาผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จะเริ่มทยอยประกาศในช่วงวันที่ 20-25 ม.ค.นี้ หากออกมาใกล้เคียง และความเห็นของนายธนาคารออกมาเป็นกลางถึงบวก เชื่อว่าจะกลายเป็นจุดหักเหของเม็ดเงินทุนต่างชาติได้เช่นกัน
ภาพรวมของ SET INDEX ในช่วงสัปดาห์นี้ เราประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,210-1,245 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน +/- บรรยากาศการลงทุนยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง และเม็ดเงินเก็งกำไรจะเข้าเลือกเป็นรายตัว มากกว่ามองภาพรวมของ SET INDEX ด้วยปัจจัยที่กดดันจิตวิทยาการลงทุนที่กล่าวไว้ในข้างต้น
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนหาจังหวะเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q58 เติบโตเด่นลักษณะ yoy และ/หรือ qoq" เป็นหลักเกณฑ์ในการจัดสรร
Accumulative Buy: CK
Trading: AAV
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. CK : ราคาปิด 28.25 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวกจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นบริษัทลูกคือ BEM ซึ่ง CK ถือหุ้นอยู่ 27.4% โดยทุก 0.10 บาทของ BEM ที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นบวกต่อ NAV ของ CK ราว 0.25 บาท
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในปี 2559 เนื่องจากมีปัจจัยบวกรออยู่ต่อเนื่อง จากการเปิดประมูลงานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เช่น รถไฟฟ้ารางคู่, รถไฟฟ้า และมอเตอร์เวย์ โดยคาดว่าจะมีงานประมูลภาครัฐฯสูงถึง 2.7-2.8 ล้านบาทใน 1H58
c) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากจะส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งซึ่งเป็นต้นทุนทางตรงของผู้รับเหมาลดลงเช่นกัน
d) คาดกำไรปกติปี 2559 เติบโต +33% yoy เป็น 1,531 ล้านบาท และปัจจุบันมี Backlog ที่ 1.1 แสนล้านบาท รองรับการเติบโตของรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าได้ต่อเนื่อง
e) Downside Risk จำกัด เนื่องจากมี NAV จากการถือหุ้นใน 3 บริษัทลูก คือ BEM, TTW และ CKP คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น CK ที่ 21.00 บาท
และ "เก็งกำไร"
2. AAV: ราคาปิด 5.65 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
a) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อวานนี้ ได้แก่ NYMEX -5.3% dod และ BRENT -5.9% dod ทำระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี คาดว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักในการดำเนินธุรกิจสายการบิน ซึ่งแทบทุกสายการบิน ณ ปัจจุบัน ไม่มีการซื้อสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน เพื่อเปิดรับประโยชน์อย่างเต็มที่กับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาลง
b) เราประเมินว่าผลการดำเนินงานของ AAV ใน 4Q58 เติบโต yoy และ qoq อย่างโดดเด่น จากผลของฤดูกาล และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลง 51.8% QTD
c) การเปิดอาคาร 2 ของสนามบินดอนเมือง ย่อมเป็นบวกต่อธุรกิจโลว์คอร์สแอร์ไลน์ อย่าง AAV จะสามารถเพิ่มปริมาณการรองรับเที่ยวบิน และ จำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการปี 2559 เติบโตเด่น นอกเหนือจากอานิสงค์ของต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นบวกต่อรายได้การให้บริการเส้นทางบินในประเทศ และส่งผลให้ Passenger Yild ปรับตัวขึ้น ดังนั้น คาดว่ากำไรปกติปี 2559 จะเติบโต +29.7% yoy เป็น 2,244.6 ล้านบาทในปี 2559
d) Valuation มีความน่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER16 เพียง 12.3 เท่า เทียบกับ BA ที่ 21.6 เท่า ส่วน NOK / THAI แม้ว่าจะมี valuation ที่ถูกกว่า AAV แต่ในแง่ของภาพธุรกิจขาดทิศทางที่ชัดเจน ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังเป็นสิ่งที่เรากังวล
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก US$528 ล้าน เร่งขึ้นจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$316 ล้าน
ขายสุทธิทุกตลาดเป็นวันที่ 2
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มขายทำกำไรในตลาดตราสารหนี้
นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกที่จะขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีกเพียง 256 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิ 8,638 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 6 เพียงเล็กน้อย 680 สัญญา รวม 6 วันทำการ Long สุทธิ 45,771 สัญญา ขณะที่ SET50 Index ยังคงแกว่งตัวต่ำกว่า 800 จุด แต่ระดับปิดของ S50H16 ต่ำกว่า SET50 Index เหลือเพียง 7.51 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 11.68 จุด อาจทำให้ตีความได้ว่า ต่างชาติทำ Arbitrage ด้วยการขายตลาด spot และ ซื้อตลาด Futures ที่มีราคาถูกกว่าเล็กน้อยในวานนี้ และเป็นการใช้กลยุทธ์ Arbitrage ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6
ขณะที่ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 952 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 3,904 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 3 ด้วยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 2.57bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.48bps ปิดที่ 2.597%
Short-Selling วานนี้
เพิ่มขึ้นเป็น 1,023 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 939 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 โดยเลือกสะสม KBANK และขาย BBL เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 296 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 396 ล้านบาท โดยเป็นการเลือกลงทุนรายตัวที่ชัดเจน สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 268 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 484 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 59 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 57 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 172 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิสูงสุด 101 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 59 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 181 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
นายกฯ อังกฤษ เตรียมสรุปสถานะการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียูต่อหรือไม่ภายในเดือนหน้า: นายกฯ อังกฤษ ให้สัมภาษณ์ผ่าน BBC ว่า อังกฤษเตรียมที่จะหาข้อสรุปถึงการคงความเป็นสมาชิกในกลุ่มอียูในเดือนก.พ. หากข้อสรุปเลือกที่จะออกจากการเป็นสมาชิก ก็จะมีการทำ ประชาพิจารณ์ ในลำดับถัดไป คาดว่าอังกฤษจะอยู่หรือออกจากอียูจะชัดเจนภายในสิ้นปี 2560
จีน
ผู้นำจีนยันยันไม่มีมาตรการกระตุ้นระยะสั้น: ผู้นำจีน ให้ความเห็นต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ จะไม่มีมาตรการกระตุ้นชุดใหญ่ออกมา เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ นโยบายจะเป็นเพื่อการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ และสร้างตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่แทนการกระตุ้นเชิงอุปสงค์
ทางการจีนไม่เห็นด้วยที่ตลาดคาดว่าเงินหยวนจะอ่อนค่าอย่างมาก: รองกรรมการเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและเศรษฐกิจของทางการจีน ให้ความเห็นต่อทิศทางค่าเงินหยวนที่จะอ่อนค่าลงอีกมากตามความเห็นของตลาดนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เอเชียแปซิฟิก
Moody's ปรับลดแนวโน้มของมาเลเซีย: จากเดิม "บวก" เป็น "คงที่" พร้อมคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ A3 สอดคล้องกับแนวโน้มที่ทาง S&P และ Fitch Rating ให้ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยแวดล้อมด้านนอก ส่งผลให้เกิดเงินทุนไหลออก การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงของมาเลเซีย
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียชะลอตัวลงแรง: เพิ่มขึ้น 1.8% yoy สำหรับเดือน พ.ย. จากเดือนก่อนที่ขยายตัว 4.2% yoy และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +4.1% yoy ทั้งนี้การขยายตัวยังเป็นผลมาจากภาคการผลิตรวมถึงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 4.1% yoy และ 2.0% yoy ขณะที่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่หดตัว 4.1% yoy
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530