WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด  
  มีโอกาสปรับลงตามตลาดต่างประเทศ? โดยให้น้ำหนักที่ประเด็นต่างประเทศโดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค่าต่างๆนอกจากนี้คาดยังได้รับปัจัยกดดันจากประเด็นเดิมทั้ง(1) สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านและทำให้เกิดความขัดแย้งทางการทูตของหลายประเทศตามมาเช่นคูเวตบาห์เรนสหรัฐอาหรับอิมิเรตและซูดานเป็นต้น(2) สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีหลังเกาหลีเหนือมีการทดสอบนิวเคลียร์และ(3) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงคาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะPTT และPTTEP
  
  ทางด้านปัจจัยในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ ในขณะที่รัฐบาลยังคงมุ่งเน้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่สน วงเงิน 352,000 ล้านบาท และมาตรการลดภาษี แต่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก Fund Flow หลังต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบซึ่งล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว36.28 – 36.35 บาทแข็งค่าจากวานนี้ที่36.33 บาทขณะที่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสารหลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง และทำให้มีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yield อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯยังคงมีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่4 เข้ามาในตลาด
  ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์- ชุมพรวงเงินประมาณ24,000 ล้านบาทซึ่งคาดเปิดประมูลปลายม.ค.’59 ส่งผลดีต่อCK และUNIQ
  (2) กลุ่มการบินที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัวหลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป(EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงและเริ่มเข้าสู่ช่วงHigh Season ส่งผลดีต่อBA, AAV
  (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, TOP และSPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง4Q-58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA -167.65, NASDAQ -45.79,
S&P -21.06, FTSE -41.64, CAC -69.82 และDAX -130.51
  ภายใต้ปัจจัยลบ(1) โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกประกอบกับราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลงในขณะที่สหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น292,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าคาดและอัตราการว่างงานทรงตัวที่5.0% ในเดือนธ.ค.
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือนก.พ. -US$0.11 อยู่ที่US$33.16 ต่อบาร์เรลจาก(1) ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก และ (2) ภาวะอุปทานน้ำมันที่ยังคงล้นตลาดประกอบกับผู้ผลิตน้ำมันยังไม่พร้อมที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงในขณะที่ข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลง20 แท่นอยู่ที่516 แท่นต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ’53
  ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือนก.พ. -US$9.9 อยู่ที่US$ 1,097.9 ต่อออนซ์ โดยยังได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเกษตรออกมาดีเกินคาด
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ-245.95 ล้านบาท สะสม YTD -8,382.18 ล้านบาท(ปี’57 และ58 ยอดขายสุทธิสะสม36,584 ล้านบาทและ154,346 ล้านบาทตามลำดับ)
  (+) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค- ธ.ค. อยู่ที่ 76.1 เพิ่มจาก 74.6 เมื่อพ.ย. โดยปรับขึ้นเป็น
เดือนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน 
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.46 1.65 3.52
ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,921.30
สถาบัน 529.17
บัญชีหลักทรัพย์ 1,358.67
ต่างประเทศ -245.95
ในประเทศ -1,641.88

ประเด็นที่ต้องติดตาม11 - 15 ม.ค. 2559
11/1/59 : สหรัฐฯเปิดเผยดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) เดือนธ.ค. 
12/1/59 : ไม่มีเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
13/1/59 : สหรัฐฯเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลาง- ธ.ค. 

สต็อกน้ำมัน
  14/1/59 : สหรัฐฯเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออก- ธ.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
  15/1/59 : สหรัฐฯเปิดเผยดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์ค- ม.ค.
    ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - ธ.ค.
    ยอดค้าปลีก- ธ.ค.
  
  ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต- ธ.ค.
  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น- ม.ค. 
         สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ- พ.ย. 

Market Outlook
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐเช่นTASCO เป็นต้น
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่นโรงแรม(MINT, CENTEL) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี-0.02 อยู่ที่2.13% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง(VIX) +2.02 อยู่ที่27.01

  หุ้นแนะนำ: IRPC 
นักวิเคราะห์: ศักดิ์นรินทร์ศศานนท์โทร.02-684-8789 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!