WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน



หลังแนะนำเลือกหุ้นซื้อช่วงลบแล้วให้เน้นถือต่อ แต่ไม่ซื้อไล่...

  กลยุทธ์ : หลังจาก SET ยังปรับลงรุนแรงต่อเนื่องวานนี้ แต่เนื่องจากปรับลงมาลึกเกือบ 5% แล้วนับจากเริ่มปีใหม่ ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มดูดีขึ้นบ้าง ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นพลิกกลับไปแกว่งบวกได้ตามคาดเดิม ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นซื้อแล้วยังเน้นถือต่อไว้ก่อนได้


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : SVI, TACC, IVL(buy back)
  แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดปรับตัวลงแรงประมาณ 1-2% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดหุ้นจีน ที่เปิดทำการมา 4 วัน แต่ต้องปิดทำการก่อนหมดเวลาจากมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ที่เพิ่งใช้ใหม่ถึง 2 วัน รวมทั้งการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงมาแล้วกว่า 15% หลังขึ้นปีใหม่ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบเริ่มรีบาวด์ได้บ้างในช่วงท้ายตลาดวานนี้ ก่อนที่เช้านี้จะแกว่งทรงตัวในด้านบวก ขณะที่ทางการจีนได้ประกาศยกเลิกการใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนความกังวลเกี่ยวกับการสิ้นสุดมาตรการในตลาดหุ้นจีนที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้นเกิน 5% ห้ามขายหุ้นซึ่งจะครบกำหนดในวันนี้(8 ม.ค.) ก็มีการขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน แต่ปรับเปลี่ยนให้ผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถขายหุ้นได้ไม่เกิน 1% ของที่ถืออยู่ และต้องแจ้งก่อนขาย 15 วันด้วย น่าจะช่วยผ่อนคลายความวิตกจากแรงขายในส่วนดังกล่าวได้บ้าง ซึ่งจะเห็นได้จากการขยับกลับเป็นบวกของตลาดหุ้นจีนเช้านี้ และส่งผลต่อตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ให้มีจังหวะบวกด้วย ดังนั้น FSS ยังคงคาดว่า SET จะมีกรอบลบจำกัด และมีลุ้นโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ตามคาด จึงยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อน
  แนวรับ 1220-1214 , 1210-1200 จุด
  แนวต้าน 1230-1235 , 1238-1244 จุด

      Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$654 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$352.3 ล้าน และเกาหลีใต้ US$236.5 ล้าน ขณะที่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ประเทศเดียว US$10.9 ล้าน กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ราคาน้ำมันน่าจะกดดันหุ้นพลังงาน ขณะที่ค่าเงินหยวนยังกดดันตลาดหุ้นจีนและตลาดในภูมิภาคต่อไป

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (-) ดัชนี VIX ยังพุ่งขึ้นต่อ +37% YTD จากความผันผวนของทุก Asset class ตั้งแต่ต้นปี ความกังวลหลักอยู่ที่เศรษฐกิจจีนและค่าเงินหยวน รวมถึงราคาน้ำมัน (เมื่อคืนลงต่อ 2%) เช้านี้ทางการจีนประกาศค่ากลางที่ 6.5775 หยวน/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากวานนี้ ทำให้ค่าเงินบาทและเงินเอเชียเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าตามชั่วคราว สำหรับการที่จีนยกเลิกการใช้ Circuit breaker ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐาน ความเสี่ยงในตลาดโลกยังมีอยู่มาก
  (+) ทองคำเป็น Asset class เดียวที่บวก ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงินหยวน ความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนและโลก และราคาน้ำมันร่วง ตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับทองคำในฐานะที่เป็น safe haven โดยไม่สนใจว่าดอลลาร์จะแข็งค่า เมื่อมองไปข้างหน้า สินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสทรุดต่อ และ Fed ยังไม่น่าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 26-27 ม.ค. นี้ ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์เดียวที่ดูปลอดภัยที่สุด ถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐคืนวันศุกร์อาจดีกว่าคาด แต่เชื่อกระทบราคาทองไม่มากนัก ทองคำจึงอาจเป็นแหล่งพักเงินชั้นดีในระยะนี้
  (+) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. เพิ่มเป็นเดือนที่ 3 และดีที่สุดในรอบ 7 เดือนที่ 76.1 จุด จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ "ช็อปปิ้งเพื่อชาติ" อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบยังมีอยู่มากโดยเฉพาะจากต่างประเทศ

(0) KTB เราคาดกำไรสุทธิ 4Q15 ทำได้เพียง 5.58 พันล้านบาท แม้จะเพิ่ม 4% Q-Q เพราะ 3Q15 มีตั้งสำรองหนี้ SSI แต่ลดลงถึง 31% Y-Y เพราะคาดว่าจะมี Extra reserve ราว 6 พันล้านบาทเพื่อเพิ่ม Coverage ratio และมีแนวโน้ม write off SSI-UK ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio ลดลงจาก 4% ใน 3Q15 เป็น 3.5% เราคาดว่า Coverage ratio จะอยู่ที่ 100-105% ไม่แข็งแกร่งพอเมื่อเทียบกับแบงก์ใหญ่อื่น ซึ่งจะทำให้ KTB ยังคงระดับสำรองหนี้สูญที่สูงในปี 2016 เราปรับลดกำไรปี 2016 ลงเหลือโต 9% Y-Y (จาก +11% Y-Y) จากการปรับเป้าสินเชื่อลงเหลือ +3.5% จาก +4.5% แต่คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 19 บาท (เดิม 19.20 บาท) และคาดปันผล 0.80 บาท/หุ้น (Yield 5.1%)

(0) THCOM เราคาดกำไรปกติ 4Q15 -10% Q-Q, +27% Y-Y เป็น 573 ล้านบาท ทำให้กำไรปกติทั้งปีโต 24% Y-Y แม้กำไรจะโตสูง แต่ราคาหุ้นกลับปรับลงตลอดทั้งปี เพราะ Presale ของไทยคม 8 ยังคงที่ที่ 13% มาหลายไตรมาส ซึ่งผู้บริหารให้ข้อมูลว่าเป็นเรื่องการต่อรองราคา ส่วน NBN ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ในออสเตรเลียยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อต่อสัญญาใช้งาน iPSTAR ออกไปจากที่จะสิ้นสุด ก.ย. 2017 ทำให้เสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี (13% ของรายได้จากธุรกิจดาวเทียม) หลังสัญญาสิ้นสุดลง เราคงกำไรปกติปีนี้ที่คาดโต 8% Y-Y โดยรวมไทยคม 8 แล้ว แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 38.50 จากเดิม 50 บาท จากการปรับลด Terminal growth เหลือ 2% จาก 3% สะท้อนการเติบโตในอนาคตที่ต่ำลง แต่ยังแนะนำซื้อเพราะราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE และ EV/EBITDA เพียง 11.9 เท่าและ 5.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ซื้อขายที่ระดับ 20เท่า และ 9 เท่าตามลำดับ

  (-) ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมายังร่วงแรงต่อเนื่องอีกกว่า 2% โดยถูกกดดันจากตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งแรงต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง
  (-) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบค่อนข้างแรงเช่นกัน
  (-) ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังแกว่งตัวผันผวนโดยบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมยังไม่สดใสเนื่องจากประเด็นของจีนยังกดดัน

(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 36.13-36.26 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 0.70 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 33.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปีจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและตลาดการเงินของจีน ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปสงค์ของน้ำมันในอนาคต
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. พุ่งขึ้น 15.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1107.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่า รวมถึงนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนที่กระทบตลาดหุ้นอย่างรุนแรง

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

8-ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)

- สิงคโปร์: 4Q15 GDP

- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (ธ.ค.)
10-ม.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อรายเดือน (ธ.ค.)
11-ม.ค. - ไทย: TISCO ประกาศผลประกอบการปี 2015
13 ม.ค. - จีน: ดุลการค้า (ธ.ค.)

- ยูโรโซน: ECB ประชุม
14-ม.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม

- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
15-ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
19-22 ม.ค. -ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศผลประกอบการปี 2015
19 ม.ค. - จีน: 4Q15 GDP, Industrial Production (ธ.ค.), ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
20 ม.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ธ.ค.)

- สหรัฐ: Building permits, Housing starts (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
21 ม.ค. - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
26-27 ม.ค. - สหรัฐ: ประชุม Fed

Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!